อาถรรพ์ยังอยู่! ย้อนดู 6 นัดก่อนที่ อาร์เซน่อล ยึดจ่าฝูงแต่คว่ำ แมนยู ไม่ได้
Posted 05/09/2022 by siamsport
สุดท้ายแล้วการออกสตาร์ตฤดูกาล 2022-23 ที่สวยงามของ อาร์เซน่อล ก็ต้องมาสิ้นสุดลงที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา หลังจากพวกเขาต้องกลับออกจากที่นั่นพร้อมกับการแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-3 โดยมันถือเป็นการปราชัยนัดแรกของ "ไอ้ปืนใหญ่" ในซีซั่นนี้หลังจากก่อนหน้านี้ชนะมา 5 เกมรวด
แน่นอน อาร์เซน่อล ยังเป็นจ่าฝูงของลีกอยู่ต่อให้จะต้องพบกับความพ่ายแพ้ก็ตาม แต่หลายคนก็ตั้งคำถามว่ามันจะทำให้โมเมนตัมของพวกเขาสะดุดรึเปล่า และนี่ก็ทำให้ อาร์เซน่อล ยังล้างอาถรรพ์อย่างหนึ่งไม่ได้ด้วย เพราะมันเท่ากับว่า 7 ครั้งหลังสุดที่พวกเขาเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในโปรแกรมที่ตัวเองเป็นจ่าฝูงนั้น อาร์เซน่อล ไม่สามารถเอาชนะทีมสีแดงของฝั่งแมนเชสเตอร์ได้เลย
ครั้งสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล ลงสนามในฐานะจ่าฝูงแล้วชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้นั้น ต้องย้อนไปถึงวันที่ 1 ตุลาคม ปี 2000 ที่พวกเขาคว้าชัยไป 1-0 ซึ่งวันนี้เราจะมานั่งไทม์แมชชีนย้อนไปดู 6 ครั้งก่อนถึงนัดล่าสุดที่ อาร์เซน่อล ในสภาพเป็นจ่าฝูงไม่สามารถพิชิต แมนฯ ยูไนเต็ด ได้กันสักหน่อย
- ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐาน!ตัดเกรดแข้งอาร์เซน่อลเกมบุกพ่ายแมนยู
- ผู้แพ้ที่แย่!คีนเฉ่งอาร์เตต้าไม่ให้เครดิตแมนยูเท่าที่ควร
- อย่าเพิ่งกระดี๊กระด๊า!สิ่งที่อยากบอกหลังแมนยูหยุดสถิติไร้พ่ายอาร์เซน่อล
10 พฤศจิกายน 2013
ตอนนั้นทีมของกุนซือ อาร์แซน เวนเกอร์ เจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นนัดที่ 11 ของฤดูกาล โดยก่อนลงเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พวกเขากำลังคึกสุดขีด เพราะหลังจากพลาดท่าแพ้ แอสตัน วิลล่า 1-3 ในนัดเปิดสนาม อาร์เซน่อล ก็ไม่แพ้ใครในลีกมา 9 นัดรวด แบ่งเป็นชนะ 8 เกมกับเสมอ 1 หน
ในทางกลับกัน ตอนนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ เดวิด มอยส์ ฟอร์มน่าเป็นห่วงสุดๆ เพราะพวกเขาแพ้ในลีกไปแล้ว 3 นัดจนทำให้เป็นเพียงอันดับ 8 ก่อนลงสนาม อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่าวันนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะไปได้ 1-0 แถมคนทำประตูชัยก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน แต่เป็น โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เด็กเก่าของ อาร์เซน่อล เอง
ท้ายที่สุดแล้วฤดูกาลนั้น "ไอ้ปืนใหญ่" ต้องจบฤดูกาลด้วยการเป็นที่ 4 ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อันดับ 7
29 สิงหาคม 2009
ตอนนั้นถือเป็นโปรแกรมลีกนัดที่ 3 ของฤดูกาลของฝั่ง อาร์เซน่อล โดย 2 เกมแรกพวกเขาไล่ถล่ม เอฟเวอร์ตัน 6-1 ต่อด้วยการทุบ พอร์ทสมัธ 4-1 ส่วนฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นเป็นนัดที่ 4 หลังจากก่อนหน้านั้นเฉือน เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-0, แพ้ เบิร์นลี่ย์ 0-1 และ ชนะ วีแกน แอธเลติก 5-0
หนึ่งในไฮไลท์ของเกมในวันนั้นก็คือการที่มันมีการแจกใบเหลืองรวมแล้วมากถึง 9 ใบ แบ่งเป็นของ แมนฯ ยูไนเต็ด 3 ใบกับ อาร์เซน่อล 6 ใบ โดยสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2-1 ส่วนบทสรุปของซีซั่นนั้น อาร์เซน่อล ได้อันดับ 3 ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด จบซีซั่นด้วยการเป็นที่ 2
3 พฤศจิกายน 2007
วันนั้น อาร์เซน่อล ซึ่งลงเล่นไปแล้ว 10 นัด เปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ลงเล่นมากกว่าพวกเขา 1 เกม โดยถึงแม้จะลงสนามน้อยกว่าแต่ตอนนั้น อาร์เซน่อล นำเป็นจ่าฝูง ด้วยผลงานการชนะ 8 เกมกับเสมอ 2 นัด ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจากไม่ชนะใครเลยในช่วง 3 นัดแรกก็คืนฟอร์มเก่งจนซิวชัยได้ 8 เกมรวด และทำให้ก่อนลงเล่นเกมนั้นพวกเขาเป็นรองจ่าฝูง
เกมนี้สูสีสมกับที่หลายคนรอคอย โดยเกมนั้น อาร์เซน่อล เกือบจะเป็นฝ่ายปราชัยด้วย ยังดีที่พวกเขามาได้ประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก วิลเลี่ยม กัลลาส อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว อาร์เซน่อล ได้เพียงอันดับ 3 ในฤดูกาลดังกล่าว ตรงกันข้ามกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ซิวแชมป์ลีกไปเชยชม
24 ตุลาคม 2004
นั่นถือเป็นเกมลีกนัดที่ 10 ของทั้งคู่ โดยในช่วง 9 เกมแรก อาร์เซน่อล ชนะ 8 เกมกับเสมอ 1 นัด ซึ่งนอกจากจะทำให้ตอนนั้นพวกเขาเป็นจ่าฝูงแล้วนั้น มันยังถือเป็นการสานต่อผลงานจากซีซั่นก่อนจนทำให้ทีมของ เวนเกอร์ เดินลงสู่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในสภาพที่ไม่แพ้ใครในลีกมา 49 เกมติดต่อกันด้วย
ตอนนั้นก็มีเพียงไม่กี่คนที่คิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะสามารถหยุดความร้อนแรงของ อาร์เซน่อล ได้ เพราะในเกมลีก 9 นัดแรกของฤดูกาล 2004-05 พวกเขามีผลงานชนะ 3 เกม, เสมอ 5 นัด และแพ้ 1 หน จนทำให้ตอนนั้นพวกเขาเป็นเพียงอันดับ 7 ในลีกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายทีมของ เฟอร์กูสัน ก็เป็นฝ่ายชนะไป 2-0 จากลูกจุดโทษของ รุด ฟาน นิสเตลรอย และประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ เวย์น รูนี่ย์ โดยบทสรุปของฤดูกาลนั้น อาร์เซน่อล ได้อันดับ 2 ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ตามมาเป็นที่ 3
21 กันยายน 2003
เกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในวันนั้นถือเป็นนัดที่ 6 ในลีกของทั้งคู่ โดยเจ้าถิ่นลงสนามด้วยผลงานชนะ 4 เกมกับแพ้ 1 นัด ขณะที่อาคันตุกะจากกรุงลอนดอนมาพร้อมกับฟอร์มที่ชนะ 4 เกมและเสมอ 1 หน
แม้ว่าวันนั้นสกอร์จะจบลงที่การเสมอกัน 0-0 แต่มันมีดราม่าในช่วงท้ายเกมที่ถูกพูดถึงกันจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือการที่ ฟาน นิสเตลรอย ยิงลูกจุดโทษไม่เข้าในตอนทดเวลาบาดเจ็บ จนทำให้หลังจบเกมนักเตะบางคนของ อาร์เซน่อล เข้าไปแสดงท่าทีเยาะเย้ยกับพูดบางอย่างใส่อดีตหัวหอกชาวดัตช์นั่นเอง
ทั้งนี้ สุดท้ายฤดูกาลนั้น อาร์เซน่อล ก็ได้แชมป์ลีกไปเชยชม แถมยังเป็นการซิวถ้วยแบบไม่แพ้ใครในลีกตลอดทั้งฤดูกาลด้วย ตรงกันข้ามกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้แค่อันดับ 3
7 ธันวาคม 2002
วันนั้นเป็นโปรแกรมลีกนัดที่ 17 ของทั้ง 2 ทีม โดยถึงแม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้เล่นในบ้าน แต่ผลงานโดยรวมของพวกเขาไม่ดีเท่าไหร่จนเป็นเพียงอันดับ 4 ของตารางคะแนนเท่านั้น
ถึงกระนั้น ในนัดดังกล่าว แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 2-0 จากประตูของ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน กับ พอล สโคลส์ และสุดท้ายแล้วในฤดูกาลนั้น อาร์เซน่อล ก็เป็นเพียงรองแชมป์โดยต้องทนเห็นพลพรรค "ปีศาจแดง" ได้ฉลองแชมป์ลีกแทน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ผู้แพ้ที่แย่!คีนเฉ่งอาร์เตต้าไม่ให้เครดิตแมนยูเท่าที่ควร
รอย คีน ออกโรงเฉ่ง มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ อาร์เซน่อล โทษฐานที่ไม่ให้เครดิต แมนฯ ยูไนเต็ด มากเท่าไหร่ พร้อมบอกว่า อาร์เตต้า มักจะไม่ค่อยชมคู่แข่งเวลาที่ทีมแพ้ด้วย
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
วิเคราะห์บอล ทีมชาติฟิลิปปินส์ พบ ทีมชาติไทย วันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. 67
เขี่ยอินโดฯตกรอบ แข้งฟิลิปปินส์ โดนสโมสรอินโดฯยกเลิกสัญญา
ต้องจ่ายหากหวังแชมป์!ยอร์ค ชี้ อาร์เซน่อล ควรเซ็น อิซัค
ที่สุดของหัวใจ! ไกเซโด้ เผยครอบครัวไม่ยอมกินเพื่อซื้อสตั๊ดให้ตน
ไม่ต้องพูดถึงแชมป์!เป๊ป รับ แมนซิตี้ เสี่ยงชวดลุย แชมเปี้ยนส์ ลีก
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
แม่เจ้าโว้ย! นักร้องสาวนุ่งบิกิน...
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
คลิปไฮไลท์