ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » แลมพาร์ด เฮเสียที! เชลซี ปลดล็อคบุกทุบ บอร์นมัธ ซิวชัยแรกในรอบเกือบ 2 เดือน

แลมพาร์ด เฮเสียที! เชลซี ปลดล็อคบุกทุบ บอร์นมัธ ซิวชัยแรกในรอบเกือบ 2 เดือน

Posted 07/05/2023 by siamsport

สิงห์บลูส์ ชนะเป็นแล้ว! เชลซี รัวสองเม็ดในครึ่งหลังจาก เบอนัวต์ บาเดียชิลล์ และชูเอา เฟลิกซ์ บุกปราบ บอร์นมัธ สุดมันส์ 3-1 คว้าชัยแรกในรอบเกือบ 2 เดือน ขณะที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด โล่งเก็บชัยแรกได้เสียทีนับแต่คัมแบ็กคุมรอบสอง หยุดสถิติแพ้รวดไว้ที่ 6 นัดติด ซิวสามแต้มมีเพิ่มเป็น 42 คะแนน ขยับรั้งอันดับ 11 ส่วน บอร์นมัธ หล่นไปอยู่ที่ 14 มี 39 แต้มเท่าเดิม

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าบ้าน บอร์นมัธ อันดับ 13 เปิด วิตาลิตี้ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ เชลซี อันดับ 12 ของตาราง

บอร์นมัธ ของกุนซือ แกรี่ โอนีล พาทีมคว้าชัยชนะมา 2 นัดติด เกมล่าสุดเปิดบ้านไล่อัด ลีดส์ ยูไนเต็ด ไป 4-1 ทำให้ 5 นัดหลังสุดชนะไป 4 เกมและแพ้แค่เกมเดียว นัดนี้วางทีเด็ดอย่าง โดมินิก โซลันกี้ หน้าเป้า โดยมี ด็องโก้ วาตตาร่า, ฟิลิบ บิลลิ่ง และ ไรอัน คริสตี้ สนับสนุนอยู่ด้านหลัง

ทางฝั่ง แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี พาทีมแพ้มา 6 เกมติดทั้งในลีกและบอลถ้วย ล่าสุดบุกไปแพ้ให้กับ อาร์เซน่อล 1-3 เกมนี้ปรับทัพจัดสามแนวรุกทั้ง โนนี่ มาดูเอเก้, ไค ฮาร์แวร์ตซ์ และ มิไคโล่ มูดริค ส่วนแดนกลาง  เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ และ คอนอร์ กัลลาเกอร์

ออกสตาร์ตเกมครึ่งแรก เจ้าบ้าน บอร์นมัธ บุกกดดันใส่เชลซีอย่างหนัก นาที 5 ได้ลุ้นจากจังหวะที่ ฟิลิบ บิลลิ่ง ดีดคืนหลังให้ เจฟเฟอร์สัน เลร์มา วิ่งมาซัดนอกกรอบไม่จับบอลพุ่งถากเสาออกไปแบบได้เสียว

แต่อีกสามนาทีถัดมา เกมรับเจ้าถิ่นเกือบพลาดหลัง อดัม สมิธ โขกคืนหลังสั้นให้ เซเนซี่ ก่อนที่ บอลจะมาเข้าทาง โนนี่ มาดูเอเก้ ซัดเลียดไปเข้ามือ เนโต้

ถัดมานาทีเดียว นาทีที่ 9 "สิงห์บลูส์" ชิงขึ้นนำเจ้าถิ่น บอร์นมัธ ไปก่อน 1-0 จากจังหวะครอสบอลจากด้านข้างของ ก็องเต้ มาเสาแรกให้ คอนอร์ กัลลาเกอร์ โฉบมาโขกเข้าไปตุงตาข่าย

แต่นาที 21 แฟนเจ้าบ้านเฮกระหึ่มดังลั่น วิตาลิตี้ สเตเดี้ยม หลัง บอร์นมัธ ทวงประตูไล่ตีเสมอ เชลซี 1-1 จากจังหวะต่อบอลขึ้นมาทางซ้ายกันอย่างสุดสวยก่อนที่ ไรอัน คริสตี้ จะไหลให้ มาติอัส วินญ่า แบ็กซ้ายปั่นด้วยขวาบนเส้น 18 หลา พุ่งหนีมือ เกปา อาร์รีซาลาลาก้า เข้าไป

นาที 31 โนนี่ มาดูเอเก้ ที่วันนี้ปั่นป่วนเกมรุกด้านข้างได้ค่อนข้างดี ลากเลื้อยถึงเส้นหลังก่อนตัดสินใจซัดเข้าข้างหน้าต่าง

อีกสามนาทีต่อมา บอร์นมัธ สวนขึ้นมาบ้างแต่ลูกยิงของ มาติอัส วินญ่า ซัดนอกกรอบไม่ผ่านมือของ เกปา

นาที 37 มาดูเอเก้ ที่วันนี้มีโอกาสเยอะกว่าใครได้กดด้วยขวาในกรอบอีกที แต่บอลก็พุ่งไปเข้ามือของ เนโต้ รับเอาไว้ได้

จบครึ่งแรก บอร์นมัธ ยังเสมอกับ เชลซี 1-1

กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง นาที 58 เป็นโอกาสลุ้นของ บอร์นมัธ ด็องโก้ อ็อตตาร่า ปาดเลียดเข้ามาให้ ไรอัน คริสตี้ แตะบอลลอดขา ชาโลบาห์ ก่อนวิ่งไปซัดเสาแรกเข้าข้างตาข่าย

กลายเป็นเจ้าบ้านที่มีโอกาสลุ้นขึ้นนำมากกว่า นาที 71 ไรอัน คริสตี้ แทงบอลออกซ้ายให้ มาติอัส วินญ่า เติมมาซัดเสาแรกแต่ยังไม่ผ่านเซฟของ เกป้า ที่ปัดออกไปได้

อีกนาทีต่อมา สิงห์บลูส์ ได้ลุ้นจาก ราฮีม สเตอร์ลิง ตัวสำรองที่เพิ่งลงมากดด้วยขวาแต่ยังไม่ผ่านมือของ เนโต้

นาที 82 แฟนเจ้าบ้านเงียบกันกริบหลัง เชลซี มาแซงขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ ฮาคิม ซิเย็ค เปิดฟรีคิกไปทางเสาไกลให้ เบอนัวต์ บาเดียชิลล์ กระโดดแปซัดด้วยซ้ายเข้าไปไม่เหลือให้สิงห์บลูส์ แซงนำ 2-1

จากนั้น นาที 86 สิงห์บลูส์ มาได้เม็ดที่สามนำห่าง 3-1 จากความยอดเยี่ยมของ ราฮีม สเตอร์ลิง ลากบอลเข้าไปในเขตโทษก่อนจ่ายสั้นๆ มาหน้ากรอบให้ ชูเอา เฟลิกซ์ ที่ลงมาสำรองเช่นกันแปด้วยขวาจังหวะเดียวเสียบเสาแรกเข้าไป

จบเกม เชลซี ปลดล็อคคว้าชัยแรกในรอบเกือบสองเดือน หลังบุกมาปราบ บอร์นมัธ 3-1 ซิวสามแต้มมีเพิ่มเป็น 42 คะแนน ขยับรั้งอันดับ 11 ส่วน บอร์นมัธ หล่นไปอยู่ที่ 14 มี 39 แต้มเท่าเดิม

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

บอร์นมัธ (4-2-3-1) : เนโต้ - อดัม สมิธ, มาร์กอส เซเนซี่, ลอยด์ เคลลี่, มาติอัส วินญ่า - โจ ร็อธเวลล์ (ลูอิส คุ๊ก น.59), เจฟเฟอร์สัน เลร์มา - ด็องโก้ อ็อตตาร่า, ฟิลิบ บิลลิ่ง (ไจดอน อันโธนี่ น.83), ไรอัน คริสตี้ (อองตวน เซเมนโย่ น.84) - โดมินิก โซลันกี้ (เดวิด บรู๊กส์ น.90)

เชลซี (4-3-3) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า - เทรโวห์ ชาโลบาห์, เบอนัวต์ บาเดียชิลล์, ติอาโก้ ซิลวา, เบน ชิลเวลล์ (เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า น.75) - เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (รูเบน ลอฟตัส-ชีค น.63), เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, คอนอร์ กัลลาเกอร์ - โนนี่ มาดูเอเก้ (ฮาคิม ซิเย็ค น.76), ไค ฮาร์แวร์ตซ์ (ชูเอา เฟลิกซ์ น.84), มิไคโล่ มูดริค (ราฮีม สเตอร์ลิง น.63)

ผู้ตัดสิน : จอห์น บรู๊คส์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »