ถือเป็นฤดูกาลที่ดราม่าสุดๆ และลุ้นระทึกยันวินาทีสุดท้ายของจริง สำหรับศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ประจำฤดูกาล 2022-23 ที่ บาเยิร์น มิวนิค แซง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์สมัยที่ 32 (สมัยที่ 33 หากนับรวมแชมป์ลีก 1 ครั้ง ยุคก่อน บุนเดสลีกา) และถือเป็นแชมป์ฤดูกาลที่ 11 ติดต่อกัน ด้วยผลต่างประตูได้-เสียที่ดีกว่า "เสือเหลือง" จากประตูชัยในนาที 89 ที่ จามาล มูเซียล่า กดบอลเสียบมุมส่ง "เสือใต้" บุกเชือด เอฟซี โคโลญจน์ 2-1 ที่้ ไรน์เอเนอร์กี้สตาดิโอน เกมลีกนัดสุดท้าย เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ทางฝั่ง ดอร์ทมุนด์ ที่ถาดแชมป์อยู่ในมือตอนแรก กลับทำได้แค่เปิดรัง ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค เสมอ ไมนซ์ 05 2-2 ทั้งที่เกมนี้พวกเขาขอแค่ "ชนะ" ทุกอย่างก็จบ และจะได้แชมป์ที่รอคอยมานานตั้งแต่ฤดูกาล 2011-12 โดยที่ไม่ต้องไปลุ้นผลของ บาเยิร์น ซึ่งแน่นอนว่า การได้แค่รองแชมป์ครั้งนี้ โทษใครไม่ได้ นอกจากตัวเอง เพราะดันปล่อยให้คู่แข่งยิงนำไปก่อนสองลูก

ขณะที่ แอร์เบ ไลป์ซิก ท็อปฟอร์มสุดๆ ช่วงท้ายซีซั่น คว้าชัยรวดห้านัดติด จบที่อันดับสาม ควง อูนิโอน เบอร์ลิน ทีมอันดับสี่, บาเยิร์น และ ดอร์ทมุนด์ คว้าตั๋วลุยถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า โดย ไลป์ซิก ยังมีลุ้นแชมป์ เดเอฟเบ-โพคาล อีกรายการด้วย ซึ่งพวกเขาในฐานะแชมป์เก่า มีคิวลงเตะเกมรอบชิงฯ กับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน

ขยับมาดูโซนล่างในตารางคะแนน ชาลเก้ 04 กับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน จบที่อันดับ 17 และ 18 ตามลำดับ ตกชั้นลงไปเล่นในศึก บุนเดสลีกา 2 ฤดูกาลหน้า โดย "ราชันสีน้ำเงิน" ร่วงอีกแล้ว หลังจากที่กลับมาโลดแล่นในเวที บุนเดสลีกา ได้แค่ฤดูกาลเดียว ส่วน "หญิงชรา" นี่คือการตกชั้นจาก บุนเดสลีกา ครั้งแรกในรอบ 11 ของพวกเขา

สำหรับ "ม้าขาว" เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท จบที่อันดับ 16 ยังคงมีลุ้นอยู่รอด โดยจะต้องเตะเพลย์ออฟกับทีมอันดับสามจาก บุนเดสลีกา 2 ซึ่งอาจจะเป็น เอฟซี ไฮเดนไฮม์ หรือ ฮัมบูร์ก เอสเฟา

- โควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : บาเยิร์น มิวนิค, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, แอร์เบ ไลป์ซิก, อูนิโอน เบอร์ลิน

- โควตา ยูฟ่า ยูโรปา ลีก : ไฟร์บวร์ก, ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต* (กรณีได้แชมป์ เดเอฟเบ-โพคาล)

- โควตา ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก : ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (แถมมีลุ้นได้สิทธิ์ขึ้นไปเล่นถ้วย ยูโรปา ลีก หาก แอร์เบ ไลป์ซิก ได้แชมป์ เดเอฟเบ-โพคาล), ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต* (กรณีได้รองแชมป์ เดเอฟเบ-โพคาล)

- ตกชั้น : แฮร์ธ่า เบอร์ลิน, ชาลเก้ 04, เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท* (ได้ลุ้นอยู่ต่อในการเตะเพลย์ออฟเลื่อนชั้น-ตกชั้น)

ดาวซัลโว 10 อันดับแรก

1. นิคลาส ฟูลล์ครูก (แวร์เดอร์ เบรเมน) 16 ประตู

= คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู (แอร์เบ ไลป์ซิก) 16 ประตู 

3. วินเชนโซ่ กริโฟ (ไฟร์บวร์ก) 15 ประตู

= ร็องดาล โกโล มูอานี่ (ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต) 15 ประตู

5. แซร์จ นาบรี้ (บาเยิร์น มิวนิค) 14 ประตู

6. มาร์กกุส ตูราม (โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค) 13 ประตู

7. มาร์วิน ดุคช์ (แวร์เดอร์ เบรเมน) 12 ประตู

= โยนาส ฮอฟมันน์ (โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค) 12 ประตู

= อันเดรย์ ครามาริช (ฮอฟเฟนไฮม์) 12 ประตู

= จามาล มูเซียล่า (บาเยิร์น มิวนิค) 12 ประตู

แอสซิสต์ 10 อันดับแรก

1. ราฟาเอล เกร์เรโร่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) 12 ครั้ง

2. ร็องดาล โกโล มูอานี่ (ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต) 11 ครั้ง

3. ฟลอเรียน เคนซ์ (เอฟซี โคโลญจน์) 10 ครั้ง

= จามาล มูเซียล่า (บาเยิร์น มิวนิค) 10 ครั้ง

5. อังเคลินโญ่ (ฮอฟเฟนไฮม์) 9 ครั้ง

= โยนาส ฮอฟมันน์ (โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค) 9 ครั้ง

= อลาสซาน เปลอา (โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค) 9 ครั้ง

= มิตเชลล์ ไวเซอร์ (แวร์เดอร์ เบรเมน) 9 ครั้ง

9. ยูเลียน บรันด์ท (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) 8 ครั้ง

= มุสซ่า ดิยาบี้ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น) 8 ครั้ง

= โธมัส มุลเลอร์ (บาเยิร์น มิวนิค) 8 ครั้ง

= โดมินิค โซบอสซ์ไล (แอร์เบ ไลป์ซิก) 8 ครั้ง

= พาทริค วิมเมอร์ (เอฟเอฟแอล โวล์ฟสบวร์ก) 8 ครั้ง

คลีนชีต 5 อันดับแรก

1. มาร์ค เฟรคเค่น (ไฟร์บวร์ก) 13 เกม

2. โคน กาสตีลส์ (เฟาเอฟแอล โวล์ฟสบวร์ก) 12 เกม

3. เกรกอร์ โคเบิล (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) 11 เกม

4. เฟรเดอริค รอนนาว (อูนิโอน เบอร์ลิน) 11 เกม

5. ลูคัส ฮราเด็คกี้ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น) 9 เกม