อาร์เซน่อล ได้รับสิทธิ์ให้เป็นคู่ต่อกรของ แมนฯ ซิตี้ ในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ เดือนส.ค. นี้ตามระเบียบหลังจาก เรือใบสีฟ้า เหมาคว้าดับเบิ้ลแชมป์ของประเทศได้เป็นที่เรียบร้อย

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่สแปนิชไม่พลาดพาทีมคว้าแชมป์ได้เป็นรายการที่สองในซีซั่นนี้หลังจาก แมนฯ ซิตี้ ประสบความสำเร็จในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ ด้วยการพิชิต แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 ต่อจากที่เขาสามารถพา เรือใบสีฟ้า ป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้

จากชัยชนะของ แมนฯ ซิตี้ ที่มีเหนือทีมร่วมเมืองที่สนาม เวมบลีย์ ส่งผลให้เกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ในวันอาทิตย์ที่ 6 ส.ค. ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วจะนำแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาบู๊กับแชมป์ เอฟเอคัพ หนึ่งสัปดาห์ก่อนเปิดฉากซีซั่นใหม่หนีไม่พ้นต้องดึงเอาทีมรองแชมป์ลีกมาฟาดเกือกกับแชมป์ พรีเมียร์ลีก ตามกฏที่ถูกกำหนดเอาไว้หากในซีซั่นดังกล่าวมีทีมที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ซึ่งเท่ากับว่า อาร์เซน่อล จะได้เผชิญหน้ากับ แมนฯ ซิตี้

ทั้งนี้ ในศึก พรีเมียร์ลีก ที่เพิ่งจบสิ้นลง ทีม ปืนใหญ่ ของ มิเกล อาร์เตต้า ถูก กวาร์ดิโอล่า ทำแสบให้เช่นกันเนื่องจากมีอยู่ช่วงหนึ่งทีมจากลอนดอนนำเป็นจ่าฝูงไกลลิบแปดแต้ม แต่สุดท้ายพวกเขาก็แผ่วปลายพลาดการคว้าแชมป์อย่างน่าเจ็บปวด และที่สำคัญการแพ้ต่อ เรือใบสีฟ้า ในลีกทั้งสองนัดส่งผลเสียอย่างแรงต่อ เดอะ กันเนอร์ส ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น สถิติการพะบู๊กันในระยะหลังบ่งชี้ให้เห็นว่า แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าบานเบอะเนื่องจาก 16 นัดหลังที่ต่อกรกัน อาร์เซน่อล แพ้มากถึง 15 นัด และชนะนัดเดียวเท่านั้นในเกม เอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศซีซั่น 2019/20 ซึ่ง ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง เหมาส่องสองเม็ดให้ทีมกำชัย 2-0 ก่อนที่หัวหอกแอฟริกันจะเหมายิงเบิ้ลเช่นกันในเกมชิงชนะเลิศนัดกำราบ เชลซี 2-1

ทั้งนี้ ในเกมดังกล่าวเป็นเกมเดียวที่ อาร์เตต้า สามารถเอาชนะ กวาร์ดิโอล่า ได้สำเร็จ นอกนั้นเขาแพ้ให้กับเจ้านายเก่าเรียบวุธในทุกรายการนับตั้งแต่อำลาตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ มากุมบังเหียน อาร์เซน่อล เมื่อเดือนธ.ค. 2019 (ชนะ 1 แพ้ 9)