ศึก ไทยลีก 2023-24 ประจำสัปดาห์ที่ 4 ของฤดูกาล มีอีกหนึ่ง 'บิ๊กแมตช์' ที่สุดแสนจะน่าสนใจ เพราะมันคือการเผชิญหน้ากันระหว่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด

สถานการณ์ของทั้ง 2 ทีม อาจจะแตกต่างกันพอสมควร เพราะฝั่งเจ้าถิ่นยังไม่แพ้ใคร ส่วนอาคันตุกะจากแจ้งวัฒนะนั้นสะกดคำว่าชนะไม่เป็น

มองผิวเผิน เหมือนว่า เดอะ แรบบิต จะดูไม่น่าหวั่นใจ เพราะการรั้งอันดับ 5 ของตาราง แถมมีแต้มห่างจากกลุ่มทีมนำเพียง 2 คะแนนเท่านั้น (ก่อนเกมวันศุกร์ 2 คู่) แต่เมื่อย้อนกลับไปดูความอุดมสมบูรณ์ของทัพกระต่ายแก้ว ต้องบอกว่าเป็นผลงานที่ 'น่าผิดหวัง' พอสมควร

การเสมอกับ โปลิศ เทโร เอฟซี และ ประจวบ เอฟซี ใน 2 นัดแรกของซีซั่นนั้นนำพา 'ความกดดัน' สู่ ธงชัย สุขโกกี เฮดโค้ช บีจี ปทุม ในทันที โทษฐานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

ด้วยตัวผู้เล่นที่แบ่งออกได้เป็น 2 ทีม แถมแต่ละคนก็ดีกรีทีมชาติชุดปัจจุบันทั้งนั้น ไหนจะได้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ มาอีก ส่วนโควตานอก ก็จัดอยู่ในระดับเกรด เอ ไทยลีก ทว่าผลงานที่ออกมานั้นสวนทางกับงบประมาณที่ลงทุนไป

มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ ธงชัย จะถูกตั้งคำถามว่า 'ดีพอ' สำหรับเก้าอี้กุนซือ บีจี ปทุม หรือไม่?

กระทั่งการปลดล็อกบุกไปเฉือนชนะ เซี่ยงไฮ้ พอร์ท ถึงเมืองจีน ด้วยสกอร์ 3-2 นั่นแหละ อะไรต่อมิอะไรก็ค่อยๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี เพราะพอกลับมาเล่นในประเทศ พวกเขาก็คว้า 3 คะแนนแรกของซีซั่น ด้วยการเอาชนะ อุทัยธานี เอฟซี ได้สำเร็จ

กระต่ายแก้วเริ่มนับหนึ่งในฤดูกาล 2023-24 เสียที

ข้ามมาที่ฟาก เมืองทอง ซึ่งปัจจุบันคือ 1 ใน 7 ทีม ที่ยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น แต่แย่หน่อยก็ตรงที่รั้งอันดับที่ 3 จากท้ายตาราง (ก่อนเกมวันศุกร์ 2 คู่) ด้วยผลงานแพ้ 2 และเสมอ 1

มันคือสิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับแฟนๆ ก็จริง แต่เมื่อถ้าใครได้ชมเกมที่กิเลนผยองแข่ง จะเข้าใจว่าฟอร์มของพวกเขาตรงกันข้ามกับผลที่ออกมา

ทั้ง 3 เกมของ เมืองทอง พวกเขาเป็นฝ่ายครองเกมเหนือคู่แข่งทุกนัด ไม่เว้นแม้กระทั่งแมตช์ที่บุกไปเยือน แบงค็อก ยูไนเต็ด ก็ยังคอนโทรลทุกอย่างได้เลย

ที่หนักสุดคือนัดแรกที่กิเลนผยองปราชัยต่อ เชียงราย ยูไนเต็ด คา ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม 0-1 เกมนั้นกว่างโซ้งมหาภัยมีโอกาสยิงครั้งเดียว แล้วก็เป็นประตูเลย

หากเป็นภาษามวย ก็คงประมาณว่าต่อยสวย แต่หมัดไม่หนัก เลยโดนคู่ต่อสู้วางหมากแก้เกมมา เหวี่ยงแขนทีเดียว น็อกได้ทันที

ทุกประเภทกีฬา ผู้ชนะเท่านั้นจะได้รับการจดจำเสมอ ยิ่งในโลกของฟุตบอล ต่อให้คุณเก่งแค่ไหน แต่ถ้าเป็นแค่อันดับ 2 คุณก็ไม่มีทางแจ้งเกิดได้หรอกบนถนนสายลูกหนัง

จากผลงานของ เมืองทอง ณ ปัจจุบัน ทำให้พวกเขาไม่อาจหลีกเลี่ยง 'ความกดดัน' ได้เช่นกัน โดยเฉพาะ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่ต้องแบกรับภาระไว้บนสองบ่า และยิ่งกับสโมสรใหญ่ ยิ่งต้องถูกจับตามองเป็นพิเศษ

สไตล์การทำทีมของกุนซือชาวมาซิโดเนีย ได้รับคำชื่นชมจากทั่วทุกระแหง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาในฤดูกาล 2022-23 ก็ถือว่าน่าพอใจทีเดียวกับการคว้าอันดับ 4 ได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งๆ ที่ตัวผู้เล่นไม่ได้มีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์

แต่พอตัดฉับกลับมาซีซั่นนี้ 3 เกม ยังไร้ชัย แถมนัดต่อไปยังต้องบุกเยือน บีจี ปทุม อีกต่างหาก

ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งฝั่งกระต่ายแก้วรวมไปถึงกิเลนผยองต่างก็ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันโดยตรง เพราะถ้าฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ เชื่อได้เลยว่าจะต้องมีอาฟเตอร์เอฟเฟกต์สะเทือนหลังการแข่งขันแน่

กระต่าย-กิเลน คู่นี้มีผลข้างเคียง