ถูกจับตาในเรื่องรักตั้งแต่เปิดตัวว่าเป็นแฟนของหนุ่ม "เป้" อารักษ์ อมรศุภศิริ มือกีตาร์สุดเซอร์วง "เสลอ" สำหรับนางเอกสาว "ก้อย"รัชวิน วงศ์วิริยะ

พอมีข่าวว่าเลิกรากัน ก็ทำเอาคนช็อกวงการ และยิ่งทำเอาคนช็อกเข้าไปอีก เมื่อหนูก้อยเปิดตัวคบหาดูใจกับ "ตูน"อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องนำวง "บอดี้สแลม"

ยิ่งไปกว่านั้นหนุ่มตูนยังทำแฟนคลับสาวๆ อกเดาะ เมื่อยอมรับหนูก้อยเป็นแฟนเต็มปาก ส่วนฟากหนูก้อยยังบ่ายเบี่ยงไม่เรียกแฟน

ทำไม และมีเหตุผลอะไร ไปกะเทาะหัวใจเธอกัน

- รู้สึกอย่างไรที่โดนจับตาประเด็นเรื่องรักตั้งแต่เข้าวงการ?

ก้อย - "มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราทำงานอยู่ตรงนี้ เป็นหน้าที่เราที่ต้องตอบคำถาม ต้องเจอสื่อ แต่ทีนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องงาน เพราะคนก็อยากรู้เรื่องส่วนตัว เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เรื่องส่วนตัวของเราจะวนเวียนอยู่ในหนังสือค่ะ"

"ซึ่งทุกคนพอมีเรื่องความรักก็อยากให้เป็นเรื่องของคนสองคน ไม่น่ามีปัจจัยอื่น สภาพแวดล้อม หรือมือที่สามมาทำให้รักบั่นทอน อันนี้ก้อยพูดถึงบุคคลภายนอกนะ แต่กลายเป็นว่าความรักของศิลปินดารามันมีปัจจัยภายนอกเยอะมาก แล้วไม่ใช่แค่บุคคลที่สาม ยังมีบุคคลที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ไหนจะสื่อ ไหนจะคนรอบข้าง ทุกอย่างเหนือการควบคุม คนที่จะอยู่ตรงนี้แล้วอยากจะมีความรักที่มั่นคงและยืนยาวได้ อย่างน้อยต้องมีความอดทนและเข้มแข็ง ต้องมีภูมิคุ้มกันที่จะไม่หวั่นไหวไปกับปัจจัยภายนอก"

- ถึงตอนนี้คิดว่าตัวเองมั่นคงกับคนที่กำลังศึกษาไหม เวลามีข่าวหรือสิ่งต่างๆ มากระทบ?

ก้อย - "จริงๆ ไม่ได้อยากคบคนในวงการเลย มันเหมือนเราอยากมีความรักที่ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่จำเป็นต้องประกาศหรือแสดงออกให้ใครมารับรู้เรื่องราว เพราะพอทุกอย่างออกไปมันมีผลกระทบกลับมาที่ตัวและสภาพจิตใจเรา"

"ความรู้สึกมันห้ามใจกันไม่ได้หรอก ถ้าเราเจอคนที่รู้สึกดี แล้วอยากศึกษาเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ทำงานอะไร อยู่ในหรือนอกวงการ และการคบกับคนในวงการบันเทิงมันยิ่งยาก คือความสัมพันธ์ของคนสองคนมันไม่ยาก แต่เมื่อมีปัจจัยต่างๆ เดี๋ยวคนโน้นพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ขุดคุ้ยอดีตต่างๆ นานา มันก็บั่นทอน ถ้าคิดจะคบคนในวงการเราต้องหนักแน่น ต้องเชื่อใจอีกฝ่ายมากที่สุด"

- ความรักครั้งนี้ดูเหมือนคนสนใจมากกว่าครั้งก่อน?

ก้อย - "จริงๆ ตั้งแต่เลิกกับเป้ ก้อยยังไม่ได้มีแฟน อยู่คนเดียวมาตลอด มีคนเข้ามาคุยเรื่อยๆ แต่ยังไม่พร้อมเปิดใจให้ใคร ก้อยใช้เวลานานกว่าที่ตัวเองจะพร้อมแล้วรู้สึกอยากศึกษาใครอย่างจริงจัง เพราะมันค่อนข้างยากในการคุยหรือศึกษา เพราะเราทำงานตรงนี้ คนที่จะเข้ามาคบ อย่างน้อยต้องเข้าใจเรื่องเวลา ก้อยอาจจะเป็นผู้หญิงที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา อยากใช้เวลานานๆ เวลามีคนมาจีบแล้วได้คุยด้วยกันครั้งหนึ่ง ถ้ารู้สึกว่าไม่ใช่ ก้อยก็ไม่คุยเลย ไม่มีคุยหลายๆ คนแล้วมาเลือก"
 

- เป็นคนชัดเจน?

ก้อย - "ค่อนข้างนะ เป็นคนเชื่อมั่นในความรัก เวลารักใครรักจริง แล้วศรัทธาเรื่องความรักมาตลอด เรามีความรักในแง่ของความเป็นจริงมากขึ้น เวลาคบใครก็อยากคบนานๆ จุดเริ่มต้นที่จะเปิดใจให้ใครสักคนที่คุยกันรู้เรื่อง ชอบที่จะสื่อสาร ชอบที่จะคุย เพราะมันทำให้เราเห็นสมอง เห็นละติจูดของแต่ละคน"

- ผู้ชายแบบไหนที่คิดว่าคนนี้น่าที่จะเป็นคนที่เราอยากศึกษา?

ก้อย - "อันดับแรกเหมือนเป็นเซนส์ของผู้หญิง คือเราเห็นภายนอกจะรู้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่เราก็ถูกสอนว่าอย่าตัดสินคนจากภายนอก เราก็ยังให้โอกาส แต่พอเราคุยกันปุ๊บรู้เลยว่าใช่ไม่ใช่ สัญชาตญาณของผู้หญิงทุกคนจะบอกเลย มันอาจจะผิดหรือถูก แต่เราก็เชื่อในสัญชาตญาณของเรา คือเราเจ็บมาแล้ว มันเป็นวิธีป้องกันตัวเองอย่างหนึ่ง เป็นปราการอย่างแรกก่อนจะเปิดใจรับใคร รู้สึกเลยว่ามีช่วงหนึ่งก่อนหน้านี้ตัวเองเป็นคนกลัวความรัก เรียกว่าหมดศรัทธาในความรัก ไม่เชื่อแม้ว่าใครจะดีกับเราแค่ไหน"

- แล้วตอนมีข่าวตูน (บอดี้สแลม) เข้ามาล่ะ รู้สึกอย่างไร?

ก้อย - "คนในวงการเวลามีความรักมันอาจยากหน่อย อย่างก้อยเป็นนักแสดงตั้งใจทำงานและวางตัวดีมาตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนรักได้ คือข่าวฉาวมันขายได้มากกว่าข่าวดี ยิ่งเราเป็นนักแสดง เขาอยู่สายดนตรีเป็นนักร้อง ก่อนหน้าจะรู้จักพี่เขา เขาไม่ต้องมาเจอข่าวอะไรมากเท่าช่วงนี้ ส่วนตัวไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าเขาจะโอเคมั้ย แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้"

"ทุกวันนี้ คนเห็นเราเขาตัดสินเราจากภาพที่ออกสื่อ ซึ่งทุกอย่างมันมีกลไกมีวิธีเพื่อให้ข่าวน่าสนใจ ทำให้ไม่รู้หรอกว่าความจริงคืออะไร ไม่อยากให้มาตัดสินเราแค่ภายนอกโดยไม่ได้มองถึงจิตใจเราจริงๆ เพราะเรามีความเป็นมนุษย์เหมือนกัน เป็นคนเปราะบาง"

- ดูก้อยจะซีเรียสกับรักครั้งนี้และข่าวที่เกี่ยวกับตูนมาก?

ก้อย - "เพราะพี่ตูนเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นที่รักของคนทั้งประเทศ พอมีข่าวด้วยกันมันต้องถูกจับตามองเป็นธรรมดา ก่อนหน้านี้ที่คบกับเป้ไม่มีข่าวอะไรในลักษณะนี้ ตั้งแต่ก้อย โสดก็เริ่มมีข่าวโน่นนี่ จับคู่คนนั้นคนนี้ ซึ่งเป็นผู้หญิงมันเสียหายอยู่แล้ว"

- เพราะตูนเขาเป็นเหมือน ซูเปอร์สตาร์ไหม ทำให้ไม่อยากพูดถึง?

ก้อย - "เหมือนเราเพิ่งรู้จักกัน อยากศึกษาให้แน่นอนก่อน ไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าดาราคบกันเดี๋ยวก็เลิก เราคบกันรู้สึกดีต่อกัน จริงใจต่อกัน ก้อยอยากรอให้มั่นใจถึงจะพูดอะไรได้เต็มปาก พี่เขาทำงานอยู่ในสายดนตรี เราค่อนข้างเกรงใจเขา เขามีแฟนคลับเยอะมาก คนรักเขาเยอะมาก"
 

- เหมือนก้อยแคร์ความรู้สึกคนรอบข้างทุกคน?

ก้อย - "แคร์มาก แคร์จนเขาคิดว่าเราไม่แคร์เขา แคร์คนอื่นมากกว่า เราคิดซะจนแบบเขาก็กลุ้มใจแทนเราไปด้วย พี่ตูนเขาอยากให้เราเชื่อมั่น แต่เราเองที่กังวลกับสิ่งต่างๆ"

"ซึ่งเรื่องนี้ก้อยขอให้แน่ชัดก่อนแล้วก้อยจะบอกค่ะ"

หลงเสน่ห์แสดง

นอกจากจะลักกี้อินเลิฟแล้ว ดาราสาว "ก้อย"รัชวิน วงศ์วิริยะ ยังลักกี้อินเกม มีงานแสดงเข้ามือไม่ขาด โดยผลงานแสดงล่าสุดเป็นภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง "แฟนใหม่"

ทั้งๆ ที่เป็นคนกลัวผี แต่ที่ยอมรับเล่นหนังเรื่อง "แฟนใหม่" นั้น ก้อยกล่าวว่า "เพราะผู้กำกับฯ เขาบอกว่ามั่นใจให้ก้อยเล่นบทนี้ แล้วเขาก็เอาเรื่อง "แฟนเก่า" มาให้ดู แล้วเอาบทของก้อยมาให้อ่าน บทละครตัวนี้มีมุมมองที่น่าสนใจ มีความท้าทายก็เลยลองดู"

"ตอนแรกกลัวเหมือนกัน เพราะหนังผีเล่นยากมาก ต้องผสมผสานหลายอย่าง มีทั้งดราม่า ลึกลับ และเวลาเจอผี เราต้องจินตนาการและเชื่อว่าเราเจอผีจริงๆ ความกลัวที่แสดงออกมา มันต้องเป็นการไต่ระดับ เริ่มจากความสงสัย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนจินตนาการว่าเห็นผีจริงๆ"

สำหรับฉากที่หนักที่สุดในหนังเรื่องนี้ เจ้าตัวบอก คือฉากที่ต้องแช่ในบ่อโคลนนาน 6 ชั่วโมง แล้วในบ่อโคลนได้เซ็ตให้มีซากศพ พร้อมเป็นฉากที่ฝนตก ทั้งเปียกชื้น สยดสยอง ไม่เคยเจออะไรที่หนักแบบนี้

"ฉากนี้เขาเช็ตฉากกันในป่า เริ่มถ่ายตั้งแต่ 1 ทุ่ม จนถึงตี 5 ทีแรกก็กลัว เพราะก้อยกลัวกิ้งกือมาก กลัวว่าพอลงไปแล้วจะเหยียบอะไร พอทำได้ก็รู้สึกดีใจ มันเหมือนเราได้พิสูจน์ว่าเราทำได้"

ถามถึงความคาดหวัง ก้อยแง้ม "ก้อยขอแค่คนดูแฮปปี้ บอกว่าชอบหนังเรื่องนี้และบอกต่อกันก็พอใจแล้ว ไม่คาดหวังว่าจะต้องเป็นหนังที่ทำรายได้หรือทำรางวัลค่ะ"

มีบทอะไรที่อยากเล่นแล้วยังไม่ได้เล่น ก้อยตอบ

"อยากเล่นแนวคอมเมดี้มาก คือคนอาจติดภาพเราเป็นลุกส์ดราม่า อยากเล่นหลายๆ แบบให้ต่างออกไป โดยเฉพาะโรแมนติกคอมเมดี้อยากเล่นมาก อีกอย่างอยากเล่นละครเวที เพราะก้อยเคยเล่นมาครั้งหนึ่งตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่นานแล้ว อยากจะเล่นอีกครั้ง ศาสตร์ของละครเวทีเป็นศาสตร์ที่ก้อยชอบมาก หลงรักเสน่ห์ของมัน เลือกเรียนการสื่อสารการแสดง เพราะเราได้เล่นละครเวที"

"มันเป็นจุดเริ่มต้นและทำให้ก้อยรักการแสดงค่ะ" ก้อยกล่าว

 
ขอพัฒนาฝีมือ-รางวัลไม่ได้การันตีความเก่ง

เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ "ฟูกูโอกะ อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล" ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-26 ก.ย. เรียบร้อยแล้ว สำหรับนางเอกสาว "ก้อย"รัชวิน วงศ์วิริยะ ซึ่งเป็นตัวแทนจากประเทศไทยนำภาพยนตร์เรื่อง "October Sonata : รักที่รอคอย" ไปฉายโชว์

โดยก้อยเผยก่อนจะบินข้ามฟ้าไปแดนซามูไรว่า "สำหรับหนังเรื่อง October Sonata เป็นหนังไทยเรื่องเดียวของประเทศไทยที่ได้ไปร่วมงานนี้ ยอมรับว่าตื่นเต้น เพราะก้อยไม่เคยมีโอกาสไปเทศกาลหนังต่างประเทศ แค่ในเมืองไทย เวลาไปงานประกาศรางวัลเราก็ตื่นเต้นจะแย่แล้ว แต่นี่ได้ไปร่วมงานที่ต่างประเทศ ซึ่งงานนี้มีหนังจากทั่วเอเชียมาร่วมประกวด ได้เจอนักแสดงหนังจากประเทศอื่นๆ ได้ดูหนังของประเทศอื่นๆ แล้วเราก็เป็นเหมือนตัวแทนของประเทศไทยในสายของหนัง ทำให้คนเขาได้รู้จักหนังไทยเราก็รู้สึกภูมิใจและตื่นเต้นค่ะ"

"การที่เขาเลือกหนังของเราไปอย่างน้อยก็แสดงว่าเขายอมรับเรา เพราะก่อนที่เขาจะเลือก เขาต้องดูหนังของเราก่อนอยู่แล้ว คือผู้กำกับฯ บอกว่าพอดูหนังเรื่องนี้จบ ทางญี่ปุ่นก็โทร.มา บอกเลยว่าอยากให้หนังเรื่องนี้มาฉายในเทศกาลนี้ แล้วก็ขอเชิญนักแสดงและผู้กำกับฯ ไปค่ะ เราก็ดีใจที่เขาให้เกียรติประเทศเรา และให้เกียรติหนังเรา"

จากความสำเร็จของหนัง ส่งผลให้ตัวก้อยเวลารับงานแสดงต้องเลือกบทเยอะขึ้นไหม เจ้าตัวกล่าวว่า "ทุกครั้งเวลาที่ก้อยตัดสินใจเลือกงานแสดง ก้อยค่อนข้างพิถีพิถัน เราใช้เวลาในการตัดสินใจอยู่แล้ว ไม่ได้เลือกทุกเรื่องที่เข้ามา คือเราไม่สามารถรับทุกอย่างที่เข้ามาในเวลาเดียวกันได้หมด ก็ต้องดูที่ความสามารถของเราด้วยว่าเรามีมากน้อยแค่ไหน นักแสดงทุกคนก็อยากที่จะเลือกบทที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง บทที่เล่นแล้วท้าทาย ได้พิสูจน์ความสามารถ ยิ่งได้ร่วมงานกับผู้กำกับฯ เก่งๆ ได้ร่วมงานกับคนที่มีประสบการณ์ เราก็ยิ่งแฮปปี้ค่ะ"

ถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยังกับการแสดง เพราะก็ได้รางวัลการันตีมาแล้วในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม รางวัลสุพรรณหงส์ จากหนังเรื่อง "รัก/สาม/เศร้า"

"มันยังไม่มีคำว่าประสบความสำเร็จค่ะ ถ้าเรารู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จเมื่อไรมันก็จะไม่มีการพัฒนาต่อ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับว่าเราพอใจแค่ตรงไหน ตรงไหนที่เรียกว่าความสำเร็จของเรา คนอื่นอาจจะเป็นการได้รางวัล ได้ชื่อเสียง เล่นหนังร้อยล้าน แต่สำหรับก้อยรู้สึกว่าถ้าใครให้การยอมรับเราในฐานะนักแสดง ไปดูหนังของเราแล้วมาบอกเราว่าชอบหนังชอบการแสดงของคุณแค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว"

"ก้อยคิดว่าตัวเองเป็นนักแสดงที่อยากเล่นได้หลายบทบาท ไม่ใช่เล่นได้แค่บทบาทเดียว อยากจะพัฒนาตัวเองไปอีก ต่อให้ได้รางวัลมาก้อยไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่ง มันยังมีอีกเยอะที่เรายังไม่รู้ ยังมีประสบการณ์อีกหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้มากกว่านี้ค่ะ ก้อยถือว่าตอนนี้เรายังเด็ก ยังมีบันไดอีกหลายขั้นที่ต้องก้าวขึ้นไปอีก มันไม่มีสิ้นสุดหรอกในเรื่องของการแสดง"

"ถ้าเราคิดว่าเราเก่งแล้วมันคือจบเลยค่ะ"...จบเห่