ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
บันเทิง » ข่าวบันเทิง » เจ๊เบียบ ปัดอคติ บอกตัวเองเป็นคนตรง เข้าใจหัวอกแม่

เจ๊เบียบ ปัดอคติ บอกตัวเองเป็นคนตรง เข้าใจหัวอกแม่

Posted 25/09/2010 by kapook

ข่าวฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ฟิล์ม แอนนี่ บรู๊ค

ข่าวฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ฟิล์ม แอนนี่ บรู๊ค

 เจ๊เบียบ บอกเข้าใจคุณแม่ของฟิล์ม หลังส่งจดหมายระบายความในใจ บอกตัวเองเป็นคนพูดตรง ๆ ดีใจคุณแม่ฟิล์มสุขภาพดีขึ้นแล้ว ขณะที่อัยการชี้ ฟิล์ม บังคับ แอนนี่ บรู๊ค ตรวจดีเอ็นเอไม่ได้ ส่วนหมอพรทิพย์ แนะทั้งสองควรแอบตรวจดีเอ็นเอ อย่างเงียบ ๆ งดให้ข่าวสื่อมวลชนอีก

          เมื่อช่วงเย็น วันที่ 24 กันยายน 2553 นางโคมมนต์ ทองมั่ง มารดาของ ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้เขียนจดหมายระบายความในใจ ส่งถึง นายสรยุทธ สุทัศนะจินดาพิธีกรชื่อดัง ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฟิล์ม กับแอนนี่ บรู๊ค โดยมีข้อความบางส่วนว่า...

          "ตนในฐานะคนเป็นแม่ ได้รู้ถึงปัญหาของลูก ซึ่งพ่อแม่ก็เจ็บปวด และพยายามหาทางออก ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งตลอดที่ทราบว่าแอนนี่ท้อง ตนเอง และครอบครัวก็คอยดูแล และให้กำลังใจแอนนี่มาตลอด มีการช่วยเหลือเงินทอง ตามที่เป็นข่าว แต่เหตุที่เกิดขึ้น ตนรับไม่ได้ โดยเฉพาะตอนที่ นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิชหรือ เจ๊แดง ออกมาตำหนิการกระทำของลูกชายตนเอง รู้สึกสะเทือนใจมาก จนอยากตายต่อหน้าโทรทัศน์ในขณะนั้น

          ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างคน 2 คน นางระเบียบรัตน์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องสิ่งใด และพูดเช่นนี้ ก็พูดแบบไม่มีความรับผิดชอบ หากมองว่า นางระเบียบรัตน์ เป็นหน่วยงานองค์กรเกี่ยวกับสตรี ตนก็อยากให้มองว่า ตนก็เป็นสตีรคนหนึ่ง เป็นแม่ที่ทนเห็นลูกทุกข์ไม่ได้ และพยายามหาทางออกให้ทั้งสองฝ่าย ซึ่งที่เขียนจดหมายมาในครั้งนี้ ก็เพื่อระบายความในใจ ที่อัดอั้นมนาน และเห็นว่า นายสรยุทธเป็นสื่อมวลชน ที่ติดตามข่าวของฟิลม์และแอนนี่ บรู๊ค จึงได้เขียนมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น"

          อย่างไรก็ตาม จดหมายที่มารดาฟิล์ม เขียนนั้น ได้ส่งมาทางโทรสาร โดยมีการลงลายมือชื่อชัดเจน ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ได้พาคุณแม่ โคมมนต์ ทองมั่น ออกจากโรงพยาบาลแล้ว หลังล้มป่วยเพราะเครียดข่าวดังกล่าว โดยจะขอพักผ่อนในช่วงวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์นี้ และวางแผนที่จะเข้าพบ คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ที่บริษัท อาร์เอสฯ เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องงานของฟิล์ม และเรื่องของแอนนี่ ในวันจันทร์ที่ 27 ก.ย.ที่จะถึงนี้

          ต่อมา เมื่อวันที่ 25 กันยายน นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวว่า ตนเข้าใจคุณแม่ของฟิล์มดี ถ้าหากลูกที่เป็นดุจดังแก้วตาดวงใจ เมื่อได้รับผลกระทบ ก็คงไม่มีแม่คนไหนอยู่ได้อย่างมีความสุข และตอนนี้ก็สบายใจแล้วที่คุณแม่ฟิล์มมีสุขภาพแข็งแรง และจิตใจเข้มแข็งมากขึ้น จะได้ดูแลลูกชายได้อย่างเต็มที่ เพราะคาดว่า ขณะนี้ลูกชายคงรู้สึกแย่มาก และแม่จะเกราะกำบัง ให้ความอบอุ่นแก่ลูกได้

          ส่วนเรื่องที่ตนพูดต่อว่านั้น ตนไม่ได้คิดอยากจะดังหรือสร้างกระแส แต่เพราะพี่ ๆ สื่อมวลชนเห็นว่า ตนเป็นอดีต ส.ว. และนายกสมาคมฯ ที่ดูแลเรื่องสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ จึงได้มาถามความคิดเห็น ซึ่งตนเป็นคนตรง ๆ ก็พูดไปโดยไม่ได้อคติต่อใคร และไม่ได้บอกว่า เรื่องนี้ใครผิดใครถูก แต่หากถามตน ตนจะบอกว่า เรื่องนี้ผิดกันทั้ง 2 ฝ่าย แม้จะบอกว่าเป็นเรื่องของคนสองคน แต่พอเรื่องแดงขึ้น คนรับรู้กันหมด ก็เลยกลายเป็นเกี่ยวข้องกับคนอื่นไปด้วย ทั้งหน้าที่การงาน และครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่าย

          นางระเบียบรัตน์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับเรื่องนี้ในสังคมไทยที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงจะเสียหายถึง 99% ส่วนผู้ชายเพียง 1% เท่านั้น ถ้าเกิดกับคนธรรมดาคงไม่มีปัญหา สื่อคงไม่สนใจ ส่วนตนไเวลาพูดอะไรจะยึดหลักการ คนอื่น ๆ ที่ออกมาพูดคือบุคคลที่ 3 ทั้งนั้นที่ทำให้เรื่องวุ่นวายมากขึ้น จึงขอให้พอได้แล้ว

          ส่วนเรื่องการตรวจดีเอ็นเอ หากเป็นคนที่ตนรู้จัก หรือญาติ ตนจะแนะนำไม่ให้ตรวจ เพราะทำเช่นนั้นยิ่งกว่าตบหน้าผู้หญิง หากผู้ชายรู้ว่าผู้หญิงรักสนุก แล้วไปหลับนอนกับผู้หญิงคนนั้น ผู้ชายคนนั้นไม่ยิ่งเลวกว่าหรือ นี่คือสิ่งที่เป็นแนวคิดของตน และหากเป็นครอบครัวตน ก็จะไม่ขอรับความช่วยเหลือจากฝ่ายชาย ซึ่งตนก็ให้สัมภาษณ์ไปลักษณะนี้ หากบอกว่าแรงไปก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะแค่พูดอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น

          สุดท้ายนางระเบียบรัตน์ กล่าวว่า มนุษย์ปุถุชนพลาดกันได้ทั้งนั้น และไม่ใช่เรื่องเสียหายถึงขั้นได้รับการประหารชีวิตจากสังคม ทั้งนั้นเมื่อออกมายอมรับ ก็ควรจะให้ทำงานกันต่อเหมือนเดิม หากแอนนี่ บรู๊ค ไม่ขอรับความช่วยเหลือ เรื่องนี้ก็จบกันไป อย่าไปขยายผลต่อ

แอนนี่ บรู๊ค
 

ขณะที่ประเด็นเรื่องการตรวจ DNA นั้น นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของบุคคลทั้งสอง แต่ตามข้อกฎหมายแล้ว ลูกที่เกิดโดยที่พ่อและแม่ไม่ได้จดทะเบียนกัน กฎหมายจะให้สิทธิกับแม่ในการเลี้ยงดูลูก 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนฝ่ายชายจะไม่มีสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก แต่ฝ่ายชายสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อขอรับรองเด็กเป็นบุตรได้ แต่ต้องอธิบายในคำร้องว่า ทำไมต้องการรับรองเด็กเป็นลูก มีเหตุผลอะไร ขณะเดียวกันถ้า แอนนี่ บรู๊ค ไม่ต้องการให้ ฟิล์ม รัฐภูมิ เป็นพ่อของเด็ก ก็สามารถยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเยาวชนฯ ได้เช่นกัน

          นายกายสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ฟิล์ม รัฐภูมิ คงไม่สามารถไปบังคับให้นางสาวแอนนี่ บรู๊ค ยอมตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอได้ ยกเว้นแต่เป็นคำสั่งของศาล ในกรณีที่นายรัฐภูมิ ยื่นคำร้องขอรับรองเด็กเป็นลูก ซึ่งศาลจะเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ ว่าเป็นประเด็นข้อพิพาทที่สำคัญในคดีหรือไม่ ซึ่งศาลไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งให้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอในทุกคดี ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์และพยานแวดล้อม เช่น ถ้าพิสูจน์ได้ว่า ช่วงเวลาที่ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ คบหาอยู่กับชายคนนั้นเพียงคนเดียวมาโดยตลอด ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ แต่ถ้าคาราคาซังกัน ก็อาจจำเป็นที่ต้องตรวจ

          ด้านแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยสถาบันนิตวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า สำหรับกรณีของ ฟิล์ม รัฐภูมิ และ แอนนี่ บรู๊ค หากได้ตรวจดีเอ็นเอ เรื่องก็คงยุติ ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่มีฝ่ายใดผิด แต่การตรวจดีเอ็นเอ ถือเป็นความรับผิดชอบที่มีต่อเด็ก เด็กมีสิทธิ์จะได้รู้ และมีสิทธิ์ที่จะมีผู้เลี้ยงดูจนเติบโต

          แพทย์หญิงพรทิพย์ กล่าวตต่อว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจธรรมชาติสังคม และวัฒนธรรมปัจจุบันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น จึงทำให้ฝ่ายชายไม่มั่นใจว่าเป็นลูกของฝ่ายชาย จึงทำให้ฝ่ายชายเกิดสิทธิ์ในการรับรู้ สำหรับกรณีของฟิล์ม รัฐภูมิ นั้น ขอแนะนำให้ทั้ง ฟิล์ม รัฐภูมิ และ แอนนี่ บรู๊ค ยุติการให้สัมภาษณ์สื่อ และหาคนที่ไว้ใจเข้ามาช่วยแก้ปัญหา พร้อมกับตรวจดีเอ็นเออย่างเงียบ ๆ ให้ผลตรวจเป็นความลับของคนสามคน ไม่จำเป็นต้องให้สังคมรับรู้
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »