จอห์น เฮนรี่ แห่ง เอ็นอีเอสวี จากเมืองมะกัน เผยจะเลิกเข้ามาเป็นเจ้าของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทันที ถ้าถูกพรีเมียร์ลีกสั่งตัดถึง 9 แต้ม เพราะมีปัญหาทางการเงินจนต้องโดนควบคุมกิจการ เพราะเรื่องนี้ไม่เคยมีการหารือกันตอนเจรจาซื้อขายกับสโมสร

 
     จอห์น เฮนรี่ เจ้าของบริษัท นิว อิงแลนด์ สปอร์ตส์ เวนเจอร์ส (เอ็นอีเอสวี) ประกาศจะล้มแผนการเทคโอเวอร์ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ด้วยวงเงิน 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 14,094 ล้านบาท) หากสัปดาห์หน้าศาลตัดสินให้ถูกเข้าควบคุมกิจการ เพราะมีปัญหาหนี้ล้นพ้นตัว และโดนตัด 9 คะแนน ตามกฏพรีเมียร์ลีก เนื่องจากอยู่นอกเหนือข้อตกลงตอนที่เข้ามาขอซื้อ

     กลุ่มทุนของเฮนรี่ไม่พอใจที่ทั้งพรีเมียร์ลีก และธนาคาร รอยัล แบ๊งค์ อ็อฟ สกอตแลนด์ (อาร์บีเอส) ออกข่าวจะลงโทษ "หงส์แดง" หากไม่สามารถหาเงินมาใช้ได้ทันกำหนด เพราะพวกเขาอุตส่าห์ติดต่อขอซื้อทีมกับ มาร์ติน บรอตัน ประธานสโมสร มานานกว่า 2 เดือน และการโดนตัดแต้ม ก็ไม่เคยอยู่บนโต๊ะเจรจา แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา บิ๊กบอสลิเวอร์พูลยอมรับอาจโดนควบคุมกิจการ หากพวกเขาแพ้ในการต่อสู้คดีในชั้นศาล ให้กับ ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ สองเจ้าของสโมสรชาวอเมริกัน เพราะเอ็นอีเอสวีอยากได้ยินว่าคำขู่นั้นมันไม่มีทางเกิดขึ้นมากกว่า

      แม้ว่าจะไม่พอใจ เศรษฐีแดนลุงแซมก็ยอมรับได้ที่ผลการพิจารณาของศาล มีผลต่อแผนเทคโอเวอร์ของพวกเขา และอ้างว่าคู่แข่งจากสิงค์โปร์พยายามปลุกปั่นเรื่องนี้ โดยเดือนที่ผ่านมาพรีเมียร์ลีกเคยประกาศจะแยกแยะระหว่างหนี้ของเจ้าของสโมสร กับหนี้ของสโมสร และไม่น่าจะมีการตัดแต้ม โดยฮิคส์ กับจิลเลตต์ มีหนี้สิน 282.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 13,267 ล้านบาท) ตอนซื้อทีมเมื่อปี 2007 ในนามบริษัท ค็อป ฟุตบอล ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับ แอนด์ แอธเลติกส์ กราวน์ด จำกัด ที่พรีเมียร์ลีกสามารถตรวจสอบบัญชีได้ และแตกต่างจากกรณีก่อนหน้านี้ของ เดวิด มัวร์ อดีตประธานสโมสร "หงส์แดง" กับ ริค แพร์รี่ ประธานกรรมการบริหาร

      การเคลื่อนไหวของพรีเมียร์ลีก ทำให้หลายฝ่ายสงสัยว่าถ้าลิเวอร์พูลมีปัญหาหนี้สินเยอะจนต้องถูกตัดแต้มจริง แล้วพวกเขาอนุญาตให้ทีมไปเตะฟุตบอลยุโรปฤดูกาลนี้ได้อย่างไร เพราะทุกสโมสรต้องขอรับใบอนุญาต และแสดงให้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เห็นว่ามีหลักฐานของเงินทุนสำหรับการแข่งขันในฤดูกาลนี้ ตั้งแต่ปีก่อน โดยเข้าใจกันว่าอาร์บีเอส เป็นฝ่ายยืนยันต่อพรีเมียร์ลีก ว่าลิเวอร์พูลสามารถดำเนินธุรกิจต่อไป และมีทุนพอจะแข่งขันจน