บิ๊กย้อย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา เป็นประธานในที่ประชุมพิจารณาบทลงโทษ เหตุแฟนบอลบีจีและท่าเรือตีกัน บางกอกกล๊าส โดนปรับ 1 แสน ห้ามแข่งที่ลีโอ 3 นัด รวมทั้งห้ามแฟนบอลเข้าชม ส่วนการท่าเรือ ถูกปรับ 1.33 แสน ห้ามแฟนบอลเข้าชม 4 นัด แถมยังโดนปรับเพิ่มอีก 3 หมื่น จากการที่แฟนบอล สิงห์เจ้าท่า ขว้างขวดในเกมล่าสุด

      การประชุมพิจารณาบทลงโทษกรณีเหตุทะเลาะวิวาทของแฟนบอลบางกอกกล๊าส เอฟซี และ การท่าเรือไทย เอฟซี ที่สนามลีโอ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 24 ต.ค.53 ที่ผ่านมา โดยการประชุมวันนี้ (1 พฤศจิกายน) มีขึ้นที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เมื่อช่วง 15.00 น.ที่ผ่านมา โดยมี "บิ๊กย้อย" พล.ต.ท.วรวงษ์ ชิวปรีชา อุปนายกสมาคมฟุตบอลฯ และประธานคณะกรรมการพิจารณามารยาทวินัยและบทลงโทษของสมาคมฟุตบอลฯ เป็นประธานในที่ประชุม ร่วมด้วย "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฯ และ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานไทยพรีเมียร์ลีก เข้าร่วมประชุมด้วย

      เสี่ยเหน่ง และ น้าเจษ นำทัพร่วมชี้แจงเหตุการณ์
      สำหรับการประชุมในช่วงแรกได้มีการเชิญให้ตัวแทนทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยทางบางกอกกล๊าสส่ง นายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผจก.ทีม ในขณะที่การท่าเรือไทย เอฟซี นำโดย "น้าเจษ" เจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง รองประธานและผู้อำนวยการสโมสร เข้าร่วมชี้แจงในครั้งนี้

      เริ่มต้นการพิจารณาบทลงโทษด้วยการดูเทปบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย และตัวแทนทั้งสองสโมสรก็ได้ให้คำชี้แจงเป็นระยะๆ โดยทางฝั่งของบางกอกกล๊าส ก็ได้ชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะมีชนวนมาจากแฟนบอลของการท่าเรือคนนึงผมยาวสวมกางเกงยืนส์ ได้ไปทำร้ายร่างกายของแฟนบอลบีจี บริเวณห้องน้ำ หลังจบการแข่งขัน ซึ่งก็นำมาสู่การทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้น

      แจงเรื่องแฟนบอลเข้าสนามเกินที่ตกลง
      ส่วนทางฝั่งของการท่าเรือ ก็ไม่ได้ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้บอกแค่ว่ามาทราบเรื่องภายหลัง โดยต่อมาก็ได้มีการหยิบยกถึงเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยและจำนวนแฟนบอลที่เข้าสนาม โดยทางเจ้าบ้านก็บอกว่าได้แจ้งต่อทีมเยือนแล้วว่าสามารถให้แฟนบอลเจ้าท่าได้ 900 คน เหมือนกับที่ทุกทีมเคยมาเยือน ส่วนทางการท่าเรือก็บอกว่า ได้มีการแจ้งกลับไปยัง บีจี เช่นกันว่า จำนวน 900 ที่นั่งนั้นคงไม่พอ และต้องการ 1,200-1,400 คน ซึ่งทางเจ้าบ้านก็บอกว่าไม่ทราบเรื่องนี้ และถึงแจ้งมาจริงก็คงจัดการให้ไม่ทัน ซึ่งในเรื่องนี้ทางคณะกรรมการก็นำไปเป็นข้อมูลในการพิจารณาต่อไป

      ทั้งสองทีมแจงทรัพย์สินที่เสียหาย
      ต่อมาก็ได้มีการให้ทั้งสองฝ่ายได้แจ้งถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในวันนั้น โดยทางฝั่งบีจีก็ชี้แจงว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทั้งทรัพย์สินนั้นคิดเป็นเงินก็ประมาณ 87,000 บาท ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นทางสโมสรก็ได้มีการรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด และมีการแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเรียบร้อย

      ส่วนทางการท่าเรือก้บอกว่าสำหรับเรื่องความเสียหายส่วนใหญ่เป็นเรื่องการบาดเจ็บของแฟนบอลเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทางสโมสรก็รับผิดชอบเช่นกัน ส่วนเรื่องทรัพย์สินนั้นก็มีรถบัส 1 คัน และรถของเจ้าหน้าที่สโมสรที่ถูกขว้างกระจกแตก ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ประมาณ 6,000 กว่าบาท โดยในเรื่องนี้ทาง "บิ๊กย้อย" ก็ได้ยกให้เป็นเรื่องของการดำเนินคดีของทางเจ้าหน้าที่ต่อไป โดยขอความร่วมมือต่อทั้งสองฝ่ายหากมีเบาะแสคนร้ายก็ควรแจ้งให้ทราบเพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

      น้าเจษแสดงสปิริตลาออกจากสโมสรหลังจบลีกคัพ
      นอกจากนี้ก่อนที่ตัวแทนทั้งสองสโมสรจะให้คำชี้แจงเรียบร้อยทาง "น้าเจษ" เจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง ก็ได้แสดงสปิริตต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการประกาศขอลาออกจากทุกตำแหน่งในสโมสรหลังจากนี้ โดยจะขอทำหน้าที่จนจบการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ ของการท่าเรือในฤดูกาลนี้เสียก่อน

      ปรับบีจี,การท่าเรือ อ่วม แฟนบอลห้ามเข้าชม
      สำหรับบทลงโทษได้ข้อสรุปออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีมบางกอกกล๊าส เอฟซี จะถูกปรับเงิน 100,000 บาท และห้ามแข่งที่ลีโอ สเตเดี้ยม 3 นัด เริ่มตั้งแต่ฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป รวมถึงแฟนบอลของตัวเองก็ห้ามเข้าสนามด้วย โดยให้จัดในสนามกลางและทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯจะเข้ามาให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังห้ามกองเชียร์ตนเองเข้าชมใน 3 นัดดังกล่าวอีกด้วย

      ขณะที่ทีมการท่าเรือไทย เอฟซี ถูกปรับเงิน 133,000 บาท และห้ามกองเชียร์ตนเองเข้าไปชมต่อเนื่องจำนวน 4 นัด เริ่มตั้งแต่ฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้มีการนำเหตุวุ่นวายในเกมโตโยต้าลีกคัพ ระหว่างการท่าเรือกับสมุทรสงคราม เมื่อวานที่ผ่านมา(31 ตุลาคม) นำมาพิจารณาโทษด้วย ซึ่งก็ทำให้ทีม "สิงห์เจ้าท่า" โดนปรับเพิ่มไปอีก 30,000 บาท ส่วนทีมสมุทรสงคราม โดนลงโทษไปที่นักบอลอย่าง พานุวัฒ ยิ้มสง่า ที่ก่อเหตุ ซึ่งก็ถูกห้ามลงเล่น 5 นัด และปรับเงิน 50,000 บาท

     หลังจากทราบบทลงโทษแล้วทั้งสองทีมก็ยอมรับกับการลงโทษครั้งนี้ แต่ในรายของทีมบางกอกกล๊าส โดยนายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผจก.ทีมก็เผยว่า คงจะมีการอุทธรณ์โทษต่อไป