“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล พังในเกมเยือนอีกครั้งเมื่อโดน “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ที่เพิ่งเปลี่ยนกุนซือมาเป็นอลัน พาร์ดิว เอาชนะไป 3-1


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (11 ธ.ค.53)

นิวคาสเซิล 3-1 ลิเวอร์พูล

สนาม : เซนต์ เจมส์ ปาร์ค
ประตู :
1-0 โนแลน 15
1-1 เคาท์ 49
2-1 บาร์ตัน 79
3-1 คาร์โรลล์ 90

เกมบิ๊กแมตช์ส่งท้ายวันเสาร์เป็นเกมระหว่าง “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล โดยเกมนี้เจ้าบ้านเพิ่งจะเปลี่ยนโค้ชหมาดๆจาก คริส ฮิวจ์ตัน เป็น อลัน พาร์ดิว ส่วนทางทีมเยือนได้ เฟร์นานโด ตอร์เรส กลับคืนสู่ทีมตัวจริงอีกครั้ง

เริ่มต้นเกมมาในช่วงแรก ลิเวอร์พูล ทำได้ดีกว่าแต่เมื่อมาถึงนาทีที่ 15 นิวคาสเซิล กลับมาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะฟรีคิกระยะไกล บาร์ตัน เปิดลึกเข้าไปที่เสาไกลบอลถึง คาร์โรลล์ ได้โขกชงกลับมาให้เควิน โนแลน วิ่งเข้าฮอสระยะเผาขนเข้าไป เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 แม้ว่าจากภาพช้าจะดูล้ำหน้าไปแล้วก็ตาม

หลังเสียประตู ลิเวอร์พูล ยังเดินเกมได้ดีกว่าแต่ว่า นิวคาสเซิล ลงมาตั้งรับกันได้ดีมาก ทำเอาทีมเยือนหนักใจไม่รู้จะเจาะช่องไหนดี พอได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะ 20 หลา ตอร์เรส ก็ดันซัดไปอัดกำแพงเต็มๆอีก

เจ้าบ้านยังสร้างปัญหาได้ดีโดยเฉพาะการทิ้งบอมบ์ไปข้างหน้า โดย อเมโอบี้ มีจังหวะได้แตะพักกลับมาให้ คาร์โรลล์ เติมมาซัดเต็มๆแต่ว่าบอลตรงตัว เรน่า รับเข้าซองเอาไว้ได้สบาย แต่ลิเวอร์พูล ก็มีจังหวะบอมบ์เข้าเหมือนกันในนาทีที่ 32 โดย จอห์นสัน เปิดลึกเข้าไป เคาท์ วิ่งตามบอลไปกดดัน ครูล ต้องชกออกมาซึ่งชกไม่ขาด มาเข้าทาง เอ็นก๊อก ยิงสวนแต่ไม่ดีออกไป

ถัดมาจากจังหวะลูกเตะมุม เมยเรเลส ได้โอกาสซัดในเขตโทษบอลไปแฉลบเปลี่ยนทางกำลังจะเข้าอยู่แล้ว แต่ว่าสุดท้ายโดน เอ็นริเก้ เตะสกัดจากเส้นได้อย่างหวุดหวิดสุดๆ ก่อนจะพยายามเปิดกดดันเข้าไปแต่ว่า

นาทีที่ 35 นิวคาสเซิล เกือบได้ประตูหนีห่างออกไป จากจังหวะที่ เมยเรเลส จ่ายคืนหลังพลาดเอง สุดท้ายเป็น อเมโอบี้ ซัดไกลไปแฉลบขาสเคอร์เทล หลุดเสาออกไปนิดเดียว โดยที่ เรน่า หลงทางขาตายไปแล้ว

จากนั้นเกมดำเนินไปเรื่อยๆโดยลิเวอร์พูล ก็ไม่ได้กดดันหนักอะไร โดยกว่าจะมาได้ลุ้นอีกก็คือช่วงปลายครึ่งแรกแล้วจากจังหวะลูกเตะมุม คีร์เกียกอส ขึ้นโถมโขกเต็มๆบอลถากเสาออกไปแค่นิดเดียวเท่านั้น จบครึ่งแรกเจ้าบ้านจึงยังนำอยู่ 1-0

แต่ครึ่งหลังกลับมาเล่นได้แค่ 4 นาที เมื่อลิเวอร์พูล เปิดเกมขึ้นมา แคมป์เบลล์ ดักบอลพลาดบอลกระเด้งไปเข้าทาง เคาท์ ตวัดยิงเฉือนๆด้วยซ้ายนิดเดียวแต่บอลกลิ้งไหลเข้าเสาไกลทำให้ สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1

ถัดมา 2 นาที ลิเวอร์พูล บี้ต่อเนื่อง และน่าจะได้ประตูแซงนำเมื่อคอนเชสกี้ เล่นฟรีคิกเร็ว สาดบอลเข้าไปในเขตโทษ ตอร์เรส สอดขึ้นไปก่อนเกี่ยวเอาบอลลงได้ก่อนได้ดวลกับ ครูล แต่ว่ากลับยิงไปติดขาอย่างน่าเสียดายสุดๆ

แต่ในจังหวะที่ทีมเยือนกำลังบุกเพลินๆก็เกือบจะโดนทีเด็ดเกมสวนกลับ เมื่อ บาร์ตัน เติมไปทางขวาก่อนจะเปิดไปที่จุดนัดพบให้ คาร์โรลล์ วิ่งมาพุ่งโหม่งเต็มๆแต่บอลข้ามคานออกไป

ตอร์เรส ได้โอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 57 เมื่อ ลูคัส โหม่งสวนบอลเปิดขึ้นมาของนิวคาสเซิล ตอร์เรส เก็บบอลได้ก่อนจะลากไปแล้วตัดสินใจยิงไกล 30 หลา บอลพุ่งถากเสาออกไปแค่คืบเดียวเท่านั้น

จากนั้น นิวคาสเซิล ต้องเปลี่ยนตัวเอา นีล เรนเจอร์ ลงมาแทน อเมโอบี้ ที่บาดเจ็บ ซึ่งลงสนามมาก็สร้างความปั่นป่วนได้ทันที แค่จังหวะแรกก็ได้บอลโหม่งชงมาให้จาก คาร์โรลล์ ก่อนจะหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษแต่ว่าสุดท้าย เรนเจอร์ พยายามยิงไปที่เสาไกล บอลหลุดออกไปอย่างน่าเสียดาย

จังหวะเกมกลับมาเป็นของเจ้าบ้านทันที โดยก็ได้บุกถล่มอีกชุดใหญ่ๆทำเอา ลิเวอร์พูล ป่วนอยู่นาน ก่อนจะต้องเปลี่ยนตัวเอา เอ็นก๊อก ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าจนเลือดอาบออก และให้ ไรอัน บาเบิล ลงสนามมาแทน

แต่มาถึงนาทีที่ 79 ลิเวอร์พูล ก็มาพลาดเสียประตูง่ายๆอีกครั้ง จากจังหวะเตะขึ้นเกมมาของ ครูล สาดขึ้นมาเป็น คาร์โรลล์ ที่โหม่งต่อไปในเขตโทษ สเคอร์เทล สกัดบอลพลาดบอล โจอี้ บาร์ตัน ปรี่มาจิ้มบอลสวน เรน่า เข้าไป

ทีมเยือนพยายามจะบุกเพื่อตีเสมอให้ได้แต่ว่า นิวคาสเซิล ก็ตั้งรับเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แถมยังมาได้ประตูปิดท้ายอีกจาก คาร์โรลล์ ที่ได้ตั้งป้อมยิงจากระยะ 30 หลาด้วยซ้ายเสียบตาข่ายอย่างสุดมัน เป็นประตูปิดท้ายให้นิวคาสเซิล ชนะไปในเกมนี้ 3-1