"ลอนดอนดาร์บี้" สเปอร์ส เจ้าถิ่นยังคงไม่มี ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท กองกลางตัวเก่งที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ ด้าน เชลซีทีมเยือน พร้อมเรียกตัวหลักกลับมาลงสนามครบครัน ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนนี้

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2553

สเปอร์ส - เชลซี

สนาม : ไวท์ ฮาร์ท เลน

 
     แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ กุนซือ ไก่เดือยทอง ทำผลงานสุดยอดผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ ลีกเรียบร้อยแล้ว ในฐานะแชมป์กลุ่มเอ หลังบุกเสมอ ทเวนเต้ ถึงฮอลแลนด์ 3-3 เมื่อวันอังคาร
 
     เกมนี้ยังคงไม่มี ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท จอมทัพชาวดัตช์ ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า และหายไม่ทันเกมนี้ ขณะที่สองกองกลาง เจอร์เมน จีนัส (น่อง) และ นิโก้ ครานชาร์ (เอ็นหลังหัวเข่า) ก็มาเจ็บเพิ่มอีกในเกมยุโรป
 
     ยูเนส กาบุล เซนเตอร์ฮาล์ฟ หายเจ็บสะโพกกลับมาลงซ้อมได้แล้วในวันศุกร์ และคาดว่าจะมีชื่ออยู่ในทีม ขณะที่ ลูก้า โมดริช มิดฟิลด์ไดนาโม ที่กำลังเข้าฝัก ก็จะกลับคืนตัวจริงด้วย หลังป่วยจนไม่มีชื่อเกมยุโรป
 
     ส่วนพวกที่เจ็บยาวก่อนหน้านี้มี ทอม ฮัดเดิลสตัน (ข้อเท้า), เลดลี่ย์ คิง (โคนขาหนีบ), เจมี่ โอฮาร่า (หลัง), โจนาธาน วู้ดเกต (โคนขาหนีบ)
 
     ระบบการเล่น 4-4-2 เอเรลโญ่ โกเมส เฝ้าเสา แผงหลังใช้ อลัน ฮัตตัน, วิลเลียม กัลลาส, ยูเนส กาบุล, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ แดนกลางมี อารอน เลนน่อน, วิลสัน ปาลาซิออส, ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล คู่หน้า ปีเตอร์ เคร้าช์ ยืนคู่ เจอร์เมน เดโฟ
 
     ด้าน สิงโตน้ำเงินคราม ของกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ ผลงานตกต่ำต่อเนื่อง ในลีกล่าสุดเสมอ เอฟเวอร์ตัน คาบ้าน 1-1 และเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ ก็บุกไปแพ้ มาร์กเซย 0-1 อีก แต่ก็เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มอยู่แล้ว
 
     ข่าวร้ายจากเกมที่ มาร์กเซย คืออาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าฉีกของ โชเซ่ โบซิงวา แบ็กขวาที่ต้องกระเผลกออกจากสนามช่วงท้าย ทำให้ เปาโล แฟร์ไรร่า ต้องรับบทแบ็กขวาช่วงนี้ เพราะ อเล็กซ์ เซนเตอร์อีกคนผ่าตัดเข่า
 
     อันเชล็อตติ จะเรียก นิโกล่าส์ อเนลก้า กับ แอชลี่ย์ โคล สองตัวหลักที่ได้พักในเกมยุโรปกลับคืนทีม โดยที่ โคล หายเจ็บข้อเท้าด้วย เช่นเดียวกับ จอห์น โอบี มิเกล ที่เป็นตัวสำรอง เพราะคาดโทษใบเหลืองเกมยุโรปอยู่
 
     อย่างไรก็ตาม ในราย แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่เจ็บโคนขาหนีบซ้ำ หลังผ่าตัดเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ยังคงไม่ฟิต และ ยูริ เซียร์คอฟ แข้งสารพัดประโยชน์ก็ยังเจ็บน่องเหมือนเดิม
 
     ระบบการเล่น 4-3-3 ปีเตอร์ เช็ก เฝ้าเสา แนวรับใช้ เปาโล แฟร์ไรร่า, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล แดนกลางมี ไมเคิ่ล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล, รามิเรส แดนหน้าใช้ ฟลอร็องต์ มาลูด้า, นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
 
     รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
     สเปอร์ส : เอเรลโญ่ โกเมส - อลัน ฮัตตัน, วิลเลียม กัลลาส, ยูเนส กาบุล, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ - อารอน เลนน่อน, วิลสัน ปาลาซิออส, ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล - ปีเตอร์ เคร้าช์, เจอร์เมน เดโฟ
 
     เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - เปาโล แฟร์ไรร่า, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - ไมเคิ่ล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล, รามิเรส - ฟลอร็องต์ มาลูด้า, นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
 
     ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน 

6 นัดหลังไก่พ่ายสิงห์เกมเดียว

 
     ก่อนหน้านี้ บอลคู่นี้เหมือนเป็นการแพ้ทางกัน เพราะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เอาชนะ เชลซี ไม่เป็น ตลอด 16 ปี หรือ 32 นัดในลีก จนกระทั่งมาทำลายกำแพงดังกล่าวได้ในชัยชนะ 2-1 ที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน เมื่อปี 2006 นับตั้งแต่นั้นมา ผลงานของ ไก่เดือยทอง ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
 
     6 นัดหลังสุดที่ สเปอร์ส เจอกับ เชลซี รวมทุกรายการ ปรากฏว่า ไก่เดือยทอง กวาดชัยชนะถึง 3 นัด เป็นเกมที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ทั้งหมด ที่เหลือเสมอ 2 นัด และแพ้ สิงโตน้ำเงินคราม นัดเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
 
     ครั้งสุดท้ายที่ เชลซี บุกชนะ สเปอร์ส ในพรีเมียร์ลีก ต้องย้อนกลับไปปี 2005 เมื่อครั้ง อาเซียร์ เดล ออร์โน่ กับ เดเมี่ยน ดัฟฟ์ ช่วยกันยิงคนละประตูในเกมบุกชนะ 2-0

โปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
20.30 น. โบลตัน - แบล็คเบิร์น  
20.30 น. วูล์ฟแฮมป์ตัน - เบอร์มิงแฮม 
23.00 น. สเปอร์ส - เชลซี