กลายเป็นพระเอกขายดีไปซะแล้ว สำหรับนักร้องหนุ่มมาดเซอร์ 'เป้'อารักษ์ อมรศุภศิริ หนึ่งในสมาชิกวง "สเลอ" ที่ตอนนี้มีผลงานทั้งงานเพลงและแสดงออกมาพร้อมๆ กัน

หลังเพลง "มาเลเซีย" ที่ออกในนามศิลปินเดี่ยวฮอตฮิตติดชาร์ต ตามด้วยเพลง "เซโรงัง" ที่ออกในนามวง "สเลอ" ดังตามมา

ล่าสุดหนุ่มเป้ก็มีงานละคร "เธอกับเขาและรักของเรา" ที่กำลังออนแอร์เรียกเรตติ้งให้ช่อง 7 อีกทั้งงานหนัง "สุดเขตเสลดเป็ด" "บางกอกกังฟู" และ "หลุดสี่หลุด" ที่ลำเลียงจ่อคิวฉายอีก

เรียกว่าเป็นปีทองที่ฮอตฮิตแบบไม่ทันตั้งตัว

-เคยคิดหรือเปล่าว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้?
เป้ - "ไม่เคยเลยครับ เพราะตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กธรรมดา มาติสต์แตกตอน ม.4 ที่สาธิตประสานมิตร มาเจอเพื่อนๆ ที่ชอบทำงานศิลปะก็เริ่มทำตัวอินดี้ เริ่มฟังเพลงอินดี้และดูหนังอินดี้ สมัยนั้นเขาเรียกว่าเด็กแนว เราจะไม่ชอบให้คนเรียกแบบนั้น แต่เดี๋ยวนี้สบายมาก ใครจะเรียกก็เรียกได้เลย (หัวเราะ)"

-ถึงวันนี้มองย้อนกลับไปรู้สึกอย่างไร?
เป้ - "ดีใจ รวมไปถึงตกใจและประหลาดใจ เพราะผมไม่ใช่คนที่บอร์น ทู บี ไม่ได้เกิดมาหน้าตาดี เรารู้สึกว่าหน้าตาเราธรรมดาๆ ตี๋ๆ หน้าจืดคนหนึ่งที่ได้โอกาสดีๆ เข้ามาก็เลยทำเต็มที่"

"ผมอาจจะบอร์น ทู บี ในเรื่องเสียงเพลง มีเซนส์แยกแยะความเจ๋งและไม่เจ๋งของเสียงเพลงได้ แต่ผมไม่ใช่คนที่เล่นหนังหรือละครเก่ง ไม่ใช่คนหน้าตาดีมาก แต่มีคนให้โอกาสเพราะคาแร็กเตอร์เราที่แปลกๆ วัยรุ่นชอบ คนอาจมองว่าผมเป็นคนขวางๆ แต่จริงๆ ผมเป็นคนไนซ์นะครับ แต่ด้วยลุกส์เราคนอาจจะมองว่าแบดบอย นิดๆ แต่จริงๆ เป็นเด็กดีนะ (หัวเราะ)"

-ช่วงนี้ดูเหมือนเป้ทำงานค่อนข้างหนัก มีเวลาพักผ่อนบ้างหรือเปล่า?
เป้ - "แทบไม่มีเลยครับ (หัวเราะ) ตอนนี้นับจริงๆ ทำงาน 8 วันต่ออาทิตย์ด้วยซ้ำ เวลาให้กับครอบครัวน้อย แต่ก็ไปกินข้าวกับป๊าและแม่บ้าง ป๊าไม่ว่าอะไรเลย จะช่วยเหลือดูแลเป็นอย่างมาก และตอนนี้ผมย้ายมาอยู่คอนโดฯ คนเดียวแถวทองหล่อ เพราะใกล้สมอลล์รูมซึ่งอยู่เอกมัย เราอยากมีพื้นที่ส่วนตัวทำอะไรเงียบๆ ได้"

"ผมออกมาอยู่คนเดียวป๊ากับแม่ก็เป็นห่วง แต่ผมกลับไปบ้านบ่อยมาก ยิ่งเราเกิดอุบัติเหตุตอนขี่จักรยานเขายิ่งห่วงเรื่องการขับรถ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ขับเองแล้ว ถ้าไปทำงานไม่ไกลและงานไม่หลายที่มากก็จะจ้างรถตู้เป็นคิวๆ ไปครับ"

-ชีวิต ณ วันนี้แฮปปี้ไหม?
เป้ - "แฮปปี้มาก ไม่อยากให้ช่วงเวลาตอนนี้ผ่านไปเลย เราแฮปปี้ในเรื่องงาน แต่เรื่องเพื่อนๆ แทบจะหายไปเลย งานแต่งเพื่อนบางคนไม่ได้ไป งานวันเกิด งานบวชไม่ได้ไป เพื่อนๆ คงเกลียดผมไปแล้ว (หัวเราะ)"

"เราถ่ายละครเยอะขนาดนี้คิดว่าเพื่อนๆ คงเข้าใจ ตอนนี้เขาเลิกชวนไปไหนแล้ว เรื่องเที่ยวยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่เราก็แฮปปี้กับการสร้างงานในช่วงนี้ เหมือนน้ำขึ้นให้รีบตัก มีแรงทำได้ต้องรีบทำ ตอนนี้มีเวลาใช้ชีวิตเยอะ ได้ใช้ชีวิตควบคู่กับการทำงาน ได้ออกกองถ่าย ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ต เป็นการใช้ชีวิตที่คุ้มค่าแบบที่คนอื่นไม่ได้ใช้ แต่ปลายปีนี้มีแพลนแล้วครับว่าจะไปมาเลเซีย ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แก๊งโรงเรียนเก่าที่ปีใหม่ต้องไปเที่ยวด้วยกันทุกปีครับ"

-ทำงานหนักแบบนี้กลัวสุขภาพทรุดไหม?
เป้ - "กลัวเหมือนกันครับ แต่ผมก็โอเคนะ นอนวันละ 5-6 ชั่วโมง ยังมีเวลานอนอยู่และผมเป็นคนที่หลับง่ายมาก ไปกองละครว่างปุ๊บหลับ รวมถึงเป็นคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นยังเชื่อว่ายังไหวอยู่ ตอนเด็กๆ เราสร้างขึ้นมาดีเป็นเด็กแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันครับ และพอทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มอึดมาก แต่ไม่รู้ว่าตอนแก่ตัวลงไปจะเป็นอย่างไร อาจพังก็ได้ (หัวเราะ)"

"ความจริงงานแสดงเป็นงานที่ขายแรงงานเลยล่ะ แต่ได้ค่าตอบแทนสูง ก็โอเค เราไม่ได้คิดจะบ่นกับโชคชะตา แฮปปี้มากๆ เพราะตอนนี้เพื่อนๆ ผมที่วัยเท่ากับผม ชีวิตลำบากกว่าเราเยอะ บางคนทำงานบริษัท โอเคมีเงินเดือนประจำ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่คนที่อยากจะสร้างอนาคตโดยเปิดบริษัทแล้วมีปัญหาต่างๆ เราก็เห็นว่าเพื่อนลำบาก จะหาเงินจากไหน ในขณะที่เรามีต้นทุนอยู่แล้ว รวมถึงลุกส์ที่ถูกใจคนอยู่แล้ว มันก็ไม่ยากเท่าเพื่อนของเราครับ"

-ลองวิเคราะห์ดูบ้างหรือเปล่าว่าทุกวันนี้ที่เราเป็นที่ต้องการของตลาด เสน่ห์ของเราอยู่ตรงไหน?
เป้ - "ไม่รู้จริงๆ ครับ (หัวเราะ) แต่ถ้าให้วิเคราะห์ตัวเองน่าจะเป็นความเป็นธรรมชาติเข้ากับคนได้ง่ายมั้ง และบางคนอาจจะชอบที่ผมมีโลกส่วนตัวดูติสต์แตก แต่ความจริงผมไม่ใช่คนอย่างนั้น ผมเป็นคนมีโลกส่วนตัว แต่ใครจะเดินเข้ามาหาก็ได้ ไม่ได้เป็นคนเข้าใจยากและไม่ใช่คนซับซ้อน สามารถอ่านเราได้ง่าย มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ยิ่งอยู่วงการนี้ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดคุณถามอะไรผมก็ตอบได้หมด ไม่ได้มีชนักติดหลัง ไม่ได้ไปแย่งแฟนใคร ไม่ได้ฆ่าใคร ไม่ได้ติดยาครับ"

-อึดอัดไหมในการวางตัวในวงการ?
เป้ - "ผมไม่เคยอึดอัดเลยนะ สบายมากๆ อย่างเวลาเข้าหาผู้ใหญ่ คนอื่นจะเกร็ง แต่ผมไม่รู้สึกเกร็ง เราเป็นตัวของตัวเอง ค่อนข้างสบายจุดนี้ แต่อาจจะทำให้พ่อแม่สาวๆ ที่เราไปจีบไม่ค่อยชอบเราเท่าไหร่ (หัวเราะ)"

-มีโครงการเรียนต่อโทหรือเปล่า?
เป้ - "ไม่มีเลยครับ ไม่จำเป็นแล้ว ถ้าจะเรียนต่อคงไปเทกคอร์สดนตรีและไปทำงานต่างประเทศมากกว่า แต่ผมเคยไปออสเตรเลียมาแล้วรู้สึกคนไทยที่นั่นเหมือนกับพม่าอยู่เมืองไทย เขาจะมองเราเป็นแรงงานต่างด้าวที่ไปแย่งงานเขามองเราเหยียดๆ"

"เอาจริงๆ ผมไม่ค่อยเชื่อระบบการเรียนเท่าไหร่ เพราะผมจบมาแล้วทำงานไม่ตรงสายที่เรียนมาเลยครับ และผมเชื่อว่าวิชาหลายๆ วิชาที่มันเกิดขึ้นมันเป็นวิชาที่ไม่ได้ให้อะไรกับชีวิตเราเลย มันเป็นวิชาที่เราลงเก็บเครดิต ลงไปท่องจำแล้วก็สอบ ห่วยแตก (หัวเราะ) 'มหา'ลัย มหาหลอก' จริงๆ ครับ"

-ตอนนี้วางอนาคตตัวเองอย่างไรบ้าง?
เป้ - "ก็ทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีงานทำ และทำอัลบั้มเพลงของเราไปเรื่อยๆ ครับ"

เซอร์ อินดี้ และแนวจริงๆ

อยากทำอะไรทำ

เป็นลูกที่ว่านอนสอนง่ายของปะป๊า 'ไพโรจน์ อมรศุภศิริ' กับคุณแม่ 'ระเบียบ ศรียี่ทอง' และเป็นพี่ชายที่แสนใจดีของน้องสาว 'ออม-มาริสา' สำหรับพระเอกหนุ่ม 'เป้'อารักษ์ อมรศุภศิริ

เป้เล่าประวัติคร่าวๆ ว่าเขาเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อทำงานชิปปิ้ง แม่เป็นแม่บ้าน เป้สนิททั้งป๊าและแม่

ถามว่าทางบ้านสนับสนุนให้ทำงานในวงการบันเทิงไหม เป้กล่าวว่า ป๊าสนับสนุนทุกอย่าง ลูกอยากทำอะไรทำ ขอให้ไม่ผิดระเบียบให้ทำหมด

"ป๊าให้ผมเรียนกีตาร์ ผมไปเรียนแล้วก็ไปแคสต์งาน ตอนเด็กๆ มีโมเดลลิ่งติดต่อมาให้เราไปแคสต์งาน เราก็ไปแคสต์ ซึ่งได้งานบ้างไม่ได้บ้าง ผมเดินแบบตั้งแต่ตอน ม.4 ตอนนั้นไปกับเพื่อนๆ เหมือนไปเหล่สาวที่มาแคสติ้ง และเวลาได้งานมาก็รู้สึกดีใจ เพราะตอนเด็กๆ เราอยากหาเงินใช้เอง"

โดยงานชิ้นแรกนักร้องหนุ่มบอกว่า "เป็นงานเดินแบบที่ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ตอนนั้นอายุ 17 ปี ค่าตัวประมาณ 2 พันบาท ถือว่าเยอะมาก จำได้ว่าเดินแบบกับอั๊ต-อัษฎา พานิชกุล, พี่เอส-วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย ตอนนั้นสั่นมากๆ"

"หลังจากนั้นก็มีติดต่อมาอีกหลายงาน และมีงานโฆษณาตอนเรียนปี 1 ที่ฟลุกได้มาคือ คิวเพรส ได้เงิน 50,000 บาท ดีใจมาก ได้เงินมาปุ๊บซื้อกีตาร์ปั๊บ แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย มหิดลอินเตอร์ คณะบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ ก็ไม่ได้แคสต์งานเลย ทำแต่งานเพลงอย่างเดียว"

และที่มหาวิทยาลัยนี้ก็เป็นโอกาสดีที่หนุ่มเป้ได้ทำงานดนตรีที่รัก โดยรวมตัวกับเพื่อนทำวงกับมหาวิทยาลัย พอขึ้นปี 2 ได้ทำวง "สเลอ" ไปเล่นคอนเสิร์ตตามที่ต่างๆ จากนั้นก็ทำงานเพลงมาเสนอกับค่าย "สมอลล์รูม" ต้นสังกัดปัจจุบัน

แต่พอขึ้นปี 3 ได้เล่นหนัง "บอดี้ศพ 19" พระเอกหนุ่มต้องดร็อปเรียนไปเทอมนึง ถามว่าป๊าว่าอะไรไหม เจ้าตัวว่า "ไม่ได้ว่าอะไร การเรียนตอนนั้นก็ไม่แย่ลง ใช้เวลาเรียน 5 ปี จบมาได้เกรดเฉลี่ยประมาณ 3.2 ซึ่งก็จบมา 2-3 ปีแล้ว แต่ไม่ได้รับปริญญา และยังไม่ได้ไปเอาใบปริญญาเลย (หัวเราะ) พอจบมาแล้วก็ลุยกับงานเต็มที่ครับ"

ไม่สร้างภาพ-สเป๊กสาวมองที่สวยบวกจิตใจดี

เรื่องการงานลงตัวหมด ทั้งงานเพลงงานแสดง ส่วนเรื่องความรักนั้น หนุ่ม 'เป้-อารักษ์' ถึงกับออกปาก "ห่วยมากเลยครับ"

หลังเลิกกับ 'ก้อย'รัชวิน วงศ์วิริยะ แล้ว นักร้องหนุ่มก็มีกิ๊กกั๊กกับสาวบ้าง แต่ไม่เวิร์ก ปัญหาเกิดจากงานที่มีเข้ามามาก บวกกับอยู่วงการบันเทิงมีแต่สาวสวย ทำให้เขาติดความสวย

"ตอนที่ผมคบก้อย 3 ปี พอเลิกกันไปไม่รู้สึกเสียดายเวลา เพราะเวลาที่ผ่านมามันโอเค มีความสุข อย่างตอนนี้เขามีความรักใหม่แล้วกับพี่ตูน (บอดี้สแลม) ก็ยินดีกับเขา แต่ทำให้รู้สึกว่าเราก็อยากมีความรักที่จริงจังบ้าง ก้อยเขาไปได้ดีกับพี่ตูน และพี่ตูนก็รักเขามากเลย ทำให้เราคิดว่าเราควรจะหาคนที่จริงจังสักที แต่ตอนนี้ยังหาไม่เจอ"

นั่นแสดงว่าพิจารณาคนที่จะมาเป็นแฟนมากขึ้นด้วย เจ้าตัวพยักหน้า "ผมเป็นคนเรื่องมากและช่างเลือกอยู่แล้ว อย่างที่บอกผมเป็นคนติดคนสวย เราอยากได้คนที่สวยและดีด้วย เรื่องมันก็เลยเยอะเข้าไปใหญ่ ทำให้มันยากในการหาจริงๆ"

แต่ถ้าตัดเรื่องความสวยออกไป เขาว่า "คงพิจารณาเรื่องจิตใจดีเป็นสิ่งสำคัญสุด ไม่คิดร้าย ไม่นินทาว่าร้าย ไม่ด่าคนอื่น ผมชอบคนที่มีทัศนคติที่ดีต่อโลก มองโลกด้านบวก ผมเป็นคนมีทัศนคติที่ดีต่อโลกนะ แต่ก็มองโลกในแง่ร้ายเหมือนกัน แต่ผมมีจิตใจที่เปิดกว้างและดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มันเป็นความดีพื้นฐานที่สังคมมนุษย์ควรจะมี"

สำหรับสเป๊กสาวของเขาตอนนี้ นักร้องหนุ่มกล่าวว่า "สเป๊กมั่วซั่วครับ ยังไงก็ได้ (หัวเราะ) ไม่ได้ฟิกซ์ ไม่จำเป็นต้องสวยมาก พูดตรงๆ ทุกคนก็ต้องมองคนสวยอยู่แล้ว ผมไม่อยากตอบสร้างภาพว่ามองคนที่จิตใจดี แต่เรื่องความสวยถ้าเรามองว่าเป็นเรื่องรองก็ได้ ขอให้เขาเข้ากับเราได้และเป็นคนดีก็โอเคแล้ว"

ตอนนี้มองอนาคตไกลไปถึงเรื่องแต่งงานหรือยัง "ถ้าเจอแบบเป๊ะๆ แล้วเขายอมแต่งก็แต่งเลย เป๊ะๆ คือแบบที่ผมสามารถรักเขาได้ตลอดเวลา รักเขาได้ทั้งวันทั้งคืน และเขาต้องเข้าใจเราและเราเข้าใจเขาด้วย"

คิดจะมีรักอีกครั้งเมื่อไหร่ "เมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเจอคนที่ชอบก็เข้าไปจีบแล้ว แต่มันหายาก"

คนอาจจะมองว่าระดับ 'เป้ สเลอ' น่าจะหาแฟนง่าย แต่ความจริงมันไม่ง่ายเลย

"ผมไม่สามารถเล่นกับความรู้สึกของตัวเองได้ ผมไม่สามารถไปมั่วซั่วคนนี้ มาวันไนต์สแตนด์กันมันไม่ได้ และผมเป็นคนที่ชอบรู้จักเขาก่อนด้วย"

"มีข้อความอยู่ข้อความหนึ่งที่ผมคิดขึ้นมา ผมเป็นมนุษย์ต่างดาว ชอบกินผู้หญิง ชอบกินหัวก่อนแล้วค่อยกินตัว แต่ถ้าตัวไม่น่ากินก็ไม่อยากกินหัว (หัวเราะ) สุดท้ายต้องยอมรับความจริงว่าเราชอบผู้หญิงที่ความสวยก่อน พอเห็นสวยปุ๊บ ต้องเข้าไปคุย ไปทำความรู้จักว่าตัวตนจริงเป็นอย่างไร ถึงจะเป็นแฟนเขาและลึกซึ้งกับเขา"

อย่างนี้ต้องให้พ่อแม่ร่วมสกรีนแฟนด้วยไหม เป้หัวเราะพร้อมปฏิเสธ "ไม่จำเป็นครับ ป๊ากับแม่ไม่เคยว่า ยังไงก็ได้ ตอนคบกับก้อยพ่อกับแม่รักหนูก้อยมาก ณ ตอนนี้ผมเปิดตลอดใครจะเข้ามาคุยกับผมก็ได้"

"ล่าสุดผมรู้สึกนอยด์มาก ไปขอเบอร์สาวมา แต่ไม่ได้โทร.หาเขา เพราะไม่กล้า (หัวเราะ) ผมไม่ค่อยกล้าอยากจะเสี่ยงเท่าไหร่ กลัวการผิดหวังและเรื่องชื่อเสียงมันก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เราต้องคำนึงถึงตรงนี้ เราจะไปลองคุยแล้วมันไม่เวิร์กเดี๋ยวจะเป็นเรื่องอีก"

"ตอนนี้ดูไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตชิลชิลโสดๆ ไปก่อน ถ้ามีเดี๋ยวจะบอก ขอชัวร์แล้วค่อยบอก"

ไม่แน่ว่าถึงตอนนั้นอาจจะร่อนการ์ดงานแต่งเลยก็ได้