ฟิล์ม-รัฐภูมิ บินลัดฟ้าเรียนภาษาที่อังกฤษ 4 เดือน ยิ้มรับฉายาพ่อฟิล์มฉึกฉึก เผยเรื่องคดีกับแอนนี่ บรู๊ค ให้ทางผู้ใหญ่จัดการ ปัดแฉคู่กรณีผ่านพ็อกเก็ตบุ๊ก-ยันเขียนว่าตัวเอง...

บินลัดฟ้าเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษเรียบร้อยแล้วสำหรับนักร้องนักแสดงหนุ่ม ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ แห่งค่ายอาร์เอส โดยเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา หนุ่ม ฟิล์ม ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับพี่ชายและประชาสัมพันธ์ของบริษัทอาร์เอส ท่ามกลางแฟนๆหลายสิบชีวิตที่ตามมาส่งนักร้องหนุ่ม ซึ่งก่อนที่ ฟิล์ม จะเดินทางไปอังกฤษโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 916 ในเวลา 13.00 น. เพื่อไปศึกษาภาษาอังกฤษที่สถาบัน EC London เป็นเวลา 4 เดือนนั้น หนุ่ม ฟิล์ม ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ทุกประเด็น ทั้งความรู้สึกก่อนไปเรียนต่อ เรื่องฉายา "พ่อฟิล์มฉึกฉึก" ที่ได้จากสมาคมนักข่าวบันเทิง เรื่องพ็อกเก็ตบุ๊กของฟิล์ม "เสี้ยวหนึ่งของบทเรียนลูกผู้ชาย"  ที่ดูเหมือนมีบางข้อความพาดพิงไปถึงนักแสดงสาวลูกครึ่ง แอนนี่ บรู๊ค และอดีตคนเคยรู้ใจ ฝ้าย-อริญรดา ปิติมารัชต์ รวมไปถึงความคืบหน้าเรื่องคดีความกับแอนนี่ด้วย

ความรู้สึกที่ได้ฉายาพ่อฟิล์มฉึกฉึก? "ก็น่ารักดีครับ (หัวเราะ) ทำให้นึกถึงโฆษณาตัวนึงที่เด็กคนนึงเล่นในตอนแรก แต่พอมารู้ความหมายตอนหลังก็ขำครับ ก็เราเป็นอย่างนั้นจริงๆ คืออย่างที่พี่ๆแซวกันมาว่ามีข่าวคราวเรื่องผู้หญิงเยอะตลอด 1 ปีที่ผ่านมาครับ ดีใจที่ยังนึกถึงผมอยู่ครับ มีโกรธสักแว้บไหมไม่มีเลยครับ เพราะว่าโดนแทบทุกปี ปีต่อๆไปก็อยากให้ยังมีชื่อผมอยู่" ถือว่าเบากว่าที่คิดไหม? "จริงๆแล้วผมว่าน่ารักทุกปีครับตั้งแต่เข้าวงการมา ทุกปีก็มีชื่อผมตลอด ก็ดีใจมากๆครับ" จะเดินทางแล้วรู้สึกยังไงบ้าง? "ตอนแรกก็ตื่นเต้นครับ แต่พอเมื่อวานนี้ไม่อยากไปเพราะว่าหนึ่งผมคิดถึงบ้าน สองผมมองห้องแล้วผมก็เฮ้ย จะไม่ได้อยู่ตั้ง 5 เดือนครับ มันวุ่นวายกว่าที่คิดเพราะเราเป็นคนจัดการทุกอย่างในครอบครัวคนเดียวครับ  ร้องไห้ไหมไม่มีครับ คุณพ่อคุณแม่ก็ได้แต่ลา แต่ก็ไม่ได้มาส่งกัน เพราะเขาก็คงกลัวเศร้ามั้ง แต่ว่าเดี๋ยวคุณแม่ตามไปพรุ่งนี้เพราะยังเคลียร์งานไม่เสร็จครับ" เตรียมใจกับการไปเรียนที่ต่างประเทศยังไงบ้าง? "ก็เตรียมความพร้อมครับ ผมก็เอาอะไรที่เป็นความรู้ที่เคยเรียนมาก่อนเอาติดตัวไปด้วย  คุณแม่เห็นว่าได้วีซ่าติดตาม เขาก็สามารถทำงานได้ ก็คงทำงานอยู่แถวนั้นสนุกๆ" คนมองตั้งใจลี้ภัย? "จริงๆไม่เกี่ยวนะครับเพราะว่าแพลนนี้มีมานานมากแล้ว มันดันมาไวกว่ากำหนดครับ"

เรื่องคดีเป็นไงบ้าง? "ผมไม่ขอพูดอะไรมากถึงเรื่องนี้ ผมขอให้ทางอาร์เอสต้นสังกัดจัดการอยู่แล้วครับ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมครับ เพราะว่าเราเป็นผู้ที่ถูกทำมากกว่าครับ เราก็ให้ทนายจัดการครับ ไม่มีอะไรกังวลเลย" ย้อนมองกลับไปถึงปีที่ผ่านมารู้สึกยังไง? "ผมว่าจริงๆแล้วทุกสิ่งทุกอย่างคือประสบการณ์ที่ดีครับ และเป็นอะไรที่มีค่าสำหรับผมมาก ทุกความทุกข์เราก็มองเห็นความสุขที่มากกว่าเดิมเสมอ" อยากแก้ไขอะไรไหม? "ไม่มีเลย ดีมากด้วยซ้ำ" เป็นห่วงอะไรทางนี้ไหม? "ส่วนใหญ่ก็จัดการไว้หมดแล้ว พอดีมีพี่ชายอยู่ที่นี่ เราก็ไปเรียน แล้วก็ไปเรียนเพิ่มทักษะตัวเองอีก เรียนทำเพลง เต้น เรียนบริหารเพิ่มเติมด้วย" เรื่องงานพอเรากลับมาคุยกันว่าไงบ้าง? "ก็ยังไม่ทราบครับ ตอนนี้เรียนให้เต็มที่ก่อน พอกลับมาก็ค่อยคุยกับทางผู้ใหญ่อีกทีนึงครับ" เฮียให้คำสัญญาไหมว่ากลับมาจะมีงาน? "อ๋อ เฮียก็ไม่ได้สัญญาอะไรหรอกครับ แต่ก่อนที่จะมา ก็ไปกราบลาเฮียเขา ก็บอกว่าจะตั้งใจเรียนครับ ส่วนที่ถามว่ามีงานไหมก็คงมีพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มนี้แหละครับ ใครอยากรู้เรื่องราวของผมที่มากกว่าที่ทุกคนเคยรู้มาก็อ่านจากเล่มนี้ครับ" แต่คนมองว่าหนังสือเล่มนี้เหมือนทิ้งทุ่นระเบิด มีแฉพูดถึงคนโน้นคนนี้? "จริงๆผมว่าต้องรออ่านครับ ผมเขียนเนี่ยมีแต่ว่าตัวเองครับ เราไม่อยากเขียนกระทบใครครับ" แต่ในช่วงหนึ่งของพ็อกเก็ตบุ๊กเหมือนเราเขียนว่าฝ้าย? "ไม่ได้ว่าครับ ลองอ่านดูครับ ไม่ได้ว่าใครครับ" หนังสือเล่มนี้เขียนตอนไหน? "ก่อนบวชครับ ตอนที่โดนอะไรมาเยอะๆ ก็เริ่มเล่ามาเรื่อยๆครับ"

แล้วกับคนที่แอบอ้างว่าพาฟิล์มเข้าวงการจะฟ้องพจน์ อานนท์? "จริงๆแล้วเรื่องพวกนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อของบุคคลครับ คนที่มาเจอผมก็เป็นโมเดลลิ่งเยอะแยะมากมายจริงๆ  ผมก็ไม่รู้ว่าใครอยู่ดีๆมาเจอผมแล้วเอาผมมาถ่ายรูป ผมมีเป็นพันโมเดลลิ่งน่ะครับ แล้วก็ไม่รู้ว่าใครจะออกมา แต่ผมไม่ว่าใครครับ ก็ยินดีเพราะเขาคืออีกหนึ่งแรงที่สนับสนุนผม แต่คนที่ผมเข้ามาทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วครับ ผมไม่ต้องบอกก็ได้  เป็นเรื่องที่คนรู้อยู่แล้วครับ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณจริงๆว่าจะเสพข่าวแบบไหนครับ"  จะไปมีแฟนแหม่มที่นั่นไหม? "ผมชอบคนไทยครับ เขาเอาใจเก่ง น่ารักดี แต่ผมว่าน่าจะยากเพราะว่าไม่รู้ว่าเรียนจะหนักขนาดไหนครับ แล้วผมต้องถ่ายรายการทีวีด้วย เดี๋ยวก็เอามาออกอากาศให้ดู เป็นเรียลลิตี้ชีวิตผมเองครับ ก็มีทีมงานไป 2 คน แล้วมีคุณแม่ผมด้วยครับ ออกอากาศน่าจะเป็นช่องทางของอาร์เอสครับ ต้องติดตามดูอีกทีครับ"ณ วันนี้ยังกลัวเรื่องความรัก? "ถามว่ากลัวก็กลัว จริงๆแล้วเราก็ต้องโตขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าเป็นเด็กๆอยู่ตลอดเวลาครับ หลังจากได้บวชเรียนแล้วก็มีแง่คิดอะไรเยอะแยะมากมายมากยิ่งขึ้นครับ"

ทิ้งท้ายกับแฟนๆนิดนึง? "จริงๆแล้วเรามีจัดงานมีตติ้งกัน ก็ขอบคุณมากที่ไปหากัน สำหรับคนที่ไม่ได้ไป อยากบอกว่าคิดถึงนะครับ ผมไปก็จะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดครับ ทุกๆคนก็ดูแลตัวเองด้วยครับ แล้วก็สวัสดีปีใหม่แฟนๆด้วย ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงครับ ทุกความทุกข์ผมเชื่อได้ว่าผมเป็นคนนึงที่ทุกข์มากกว่าทุกๆคนครับ ผมก็ผ่านมาได้ ผมเชื่อว่าพอผ่านมาได้แล้วมันจะเจอความสุขที่มากกว่านั้นครับ แล้วมันจะมองเห็นว่าใครรักเราจริง มันจะมองเห็นประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาเยอะแยะมากมาย สำหรับคนที่มีความทุกข์อยู่ผมอยากบอกว่าขอให้ก้าวออกมา หรือใช้ปรัชญาที่ว่าถอยเพื่อก้าวก็ได้ครับ".