ลุยจิ เดล เนรี่ กุนซือ "ม้าลาย" ยูเวนตุส มั่นใจทีมกำลังพัฒนาสู่ทิศทางที่ถูกต้องภายใต้แผนการระยะยาว แม้ว่าล่าสุดออกไปพ่าย นาโปลี แบบหมดสภาพ 3-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เชื่อจะประสบความสำเร็จได้ถึงไม่มีเงินทุนมหาศาลเหมือน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้

      ลุยจิ เดล เนรี่ เทรนเนอร์ ยูเวนตุส ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าทีมกำลังเดินมาถูกทางแล้ว แม้ทีมบุกไปพ่าย นาโปลี 3-0 ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ที่สนามซาน เปาโล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการแพ้ขาดลอยนัดที่ 2 ติดต่อกันแล้ว
 
      กุนซือทัพ "ม้าลาย" กล่าวว่า "เรากำลังทำงานภายใต้โครงการระยะยาว แน่นอนว่าความพ่ายแพ้เหล่านี้เป็นเรื่องเจ็บปวด แต่พวกมันก็ช่วยให้คุณเรียนรู้ เราต้องกลับมาวิเคราะห์เกมอย่างละเอียด เรากำลังก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบาก เมื่อเราต้องขาดผู้เล่นสำคัญอย่าง ฟาบิโอ กวายาเรลล่า, วินเชนโซ่ ยาควินต้า และ เฟลิเป้ เมโล่ ซึ่งเป็นนักเตะที่ทำให้ทีมมีคุณภาพมากขึ้น ยังมีปัญหาอื่นๆ อีก และเราพยายามแก้ไขมัน"
 
      เดล เนรี่ เจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ตัดสินใจส่ง ลูก้า โทนี่ ศูนย์หน้าตัวใหม่ ยืนคู่กับ อเมารี หัวหอกเชื้อสายบราซิลเลี่ยน แล้วปล่อย อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ กัปตันทีม ไว้ที่ม้านั่งสำรอง โดยเขาอธิบายว่า "มอร์แกน เด ซานช์ติส ป้องกันประตูได้ 2 ครั้งสำคัญ และประตูที่เรายิงได้แต่กลับไม่เป็นประตู 1 ครั้ง เราควรจะผ่านบอลไปรอบๆ มากกว่านี้ แต่มันไม่เข้าทางเรา และ นาโปลี ทำได้ดี"
 
     เป็นที่รู้กันดีว่า "เบียงโคเนรี่" สนใจคว้าตัว เอดิน เซโก้ อดีตดาวยิง โวล์ฟสบวร์ก แต่กลายเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.3 พันล้านบาท) แต่ เดล เนรี่ ไม่ได้แสดงความผิดหวังอะไร "ผมคิดว่าสโมสรได้ตัดสินใจสร้างทีมที่สามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญได้ เราดึง โทนี่ เข้ามาแทน กวายาเรลล่า และนั่นยอมรับได้ เราไม่สามารถแข่งกับสโมสรอย่าง แมนฯ ซิตี้ เราไม่มีเงินจะใช้จ่ายขนาดนั้นสำหรับนักเตะคนเดียว เรากำลังสร้างทีมที่ดี และผมคิดว่าเรามาถูกทางแล้ว"