ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
บันเทิง » ข่าวบันเทิง » “เอ ศุภชัย” จากตัวประกอบสู่นักปั้นเงินล้าน ผู้ก่อตั้งบ้านซุป'ตารร.ดัดสันดานดารา

“เอ ศุภชัย” จากตัวประกอบสู่นักปั้นเงินล้าน ผู้ก่อตั้งบ้านซุป'ตารร.ดัดสันดานดารา

Posted 26/01/2011 by ผู้จัดการ

“เอ ศุภชัย” เผยชีวิตกว่าจะเป็นผู้จัดการดาราเงินล้าน ถือกระเป๋าใบละเป็นแสนต้องเป็นตัวประกอบได้ค่าแรงวันละ 300 บาท บากบั่นเก็บเงินไปชุบตัวที่อังกฤษเพื่อเปิดโลกทัศน์จับเด็กนอกมาเป็นดารา เผยเรื่องราวสุดฮากว่าจะปั้น “ป๋อ” จนดังเคยจับยัดสเตย์มาแล้ว ฝันปั้นดาราอีกยาวสร้างบ้าน 50 ล้านไว้เป็นที่กินนอนฝึกเด็กเป็นดารา ตั้งกฏเหล็กห้ามกินกันเอง
      
“เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” ผู้จัดการดาราเงินล้านที่ชอบหิ้วกระเป๋าใบละเป็นแสนจนกลายเป็นโลโก้ของตัวเอง ปั้นดาราดังๆ ประดับวงการมากมายไม่ว่าจะเป็น อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ , ป๋อ ณัฐวุฒิ สะกิดใจ ,เมย์ เฟื่องอารมณ์ ,ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ,ธาวิน เยาวพลกุล ,เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ , ณเดชน์ คูกิมิยะ, หมาก ปริญ สุภารัตน์ , สน ยุกต์ ส่งไพศาล ,วิว วรรณรท สนธิไชย และล่าสุดที่กำลังมาแรงก็ใหม่ ดาวิกา โฮรเน นางเอกช่อง 7 และอีกหลายต่อหลายคนที่ไม่ได้เอ่ยนาม
      
และนอกจากจะเป็นนักปั้นมือทองแล้ว เอ ศุภชัย ยังได้ชื่อว่าเป็นนักขายชั้นเลิศ เด็กในสังกัดของเอ ศุภชัยล้วนกวาดพรีเซ็นเตอร์สินค้าชื่อดังเกือบจะทั้งตลาด เพราะฝีมือการขายโฆษณาของเจ้าตัวนี่แหละ ส่งผลให้ตอนนี้เอ ศุภชัยกลายเป็นนักปั้นหรือผู้จัดการดาราที่มีเงินมากที่สุดในประเทศ มีบ้านหลังละ 50 กว่าล้านเป็นของตนเอง และก็ใช้เป็นที่สถานที่ในการฝึกอบรมเด็กในสังกัดที่กำลังจะก้าวมาเป็นดารา
      
บ้านหลังนี้ประกอบไปด้วยห้องนอน 20 ห้อง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องประชุม ห้องเรียนแอ็คติ้ง เด็กในสังกัดของเอ ศุภชัยจะต้องมากินนอนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เพื่อเรียนรู้วิธีการเป็นดารา ว่าจะต้องเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมร่างกายอย่างไรในการเป็นซูเปอร์สตาร์ในอนาคต หมาก , เวียร์ , ณเดชน์ และใครต่อใครอีกหลายคนก็เคยอยู่ที่บ้านหลังนี้ จนบ้านหลังนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "บ้านซูเปอร์สตาร์" หรือบ้านที่ใช้ฝึกความเป็นดารา พูดกันแบบบ้านๆ เอาฮาก็บ้านดัดสันดานดารานั่นแหละ
      
แต่กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ เอ ศุภชัย เคยเป็นแม้กระทั่งตัวประกอบได้เงินวันละ 300 บาทเท่านั้น ....
      
“ผมเป็นเด็กเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราชถือกำเนิดที่ภาคใต้ คุณพ่อเป็นครูแต่เป็นคุณครูที่มีสวนยางพาราเยอะมาก เพราะคุณปู่มีลูกคนเดียวคือคุณพ่อก็เลยทิ้งสวนยางพาราไว้ให้เป็นหลายร้อยไร่ ถามว่าชีวิตที่นั่นลำบากไหมก็ไม่ลำบากแต่คุณพ่อสอนให้ลำบากตั้งแต่เด็ก”
      
“คือเมื่อก่อนบ้านเราจะเป็นแค่ป่าไผ่คุณปู่ก็ต้องถอนไผ่ทีละต้นๆ เพราะรัฐบาลสนับสนุนให้ปลูกยางพารา ปู่ถางป่าหลายร้อยไล่ก็เลยได้ปลูกยางพารา ซึ่งเราก็เติบโตมากับยางพาราติดตาเป็น ปลูกต้นกล้าเอง บ้านเราก็อยู่กันแบบนี้ พ่อเป็นครูเขาก็ไม่ได้มองชีวิตในวงการบันเทิง เขาก็มองแต่วิศวะ เภสัช หมอ พอเรียนจบที่โน่นก็เลยมาเรียนวิศวะมหาวิทยาลัยรังสิต”
      
“เป็นการเรียนที่ตามใจคุณพ่อ ทั้งๆ ที่เราเป็นคนที่ชอบแสดงออกตั้งแต่เด็กเคยโต้วาทีระดับจังหวัดได้ที่ 1 และก็ได้ที่ 1 ของภาคใต้ ก็เลยทำให้เรารู้ว่าเราชอบการสนทนาชอบการโต้ตอบก็อยากจะเรียนด้านนิเทศศาสตร์ แต่พ่อบอกว่าจะเรียนด้านนี้จบมาทำอะไร สมัยนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับ พ่อก็ไม่ยอมเขาก็บอกว่า มีสองอย่างให้เลือกถ้าไม่เลือกเรียนวิศวะก็ให้เป็นครู ก็เลยเลือกที่จะเรียนวิศวะเพราะอยากจะเข้ากรุงเทพ”
      
“พอเรียนวิศวะที่ม.รังสิตเราก็คิดว่า จะทำยังไงก็ได้ที่จะทำให้เราเข้าใกล้วงการบันเทิงที่เราใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กให้ได้มากที่สุด ผมฝันอยากจะเป็นนักแสดงอยากอยู่ในจอ บ้านเราเป็นบ้านที่ไม่มีชาวบ้านอยู่ใกล้ๆ เลยเพราะมีพื้นที่หลายร้อยไร่ทำให้เราต้องอยู่คนเดียว เราก็ต้องพูดกับต้นไม้เหมือนคนบ้า ก็จะแทนตัวเองสมมติเรื่องขึ้น อย่างเห็นต้นไม้ก็จะแบบ นี่พี่เอ้งนะ พี่เอ้งไม่สบายเป็นไงบ้าง จะอยู่กับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เด็กเหมือนได้เล่นละคร”
      
ไต่เต้าจากตัวประกอบได้ค่าแรงวันละ 300
“พอมาเรียนที่นี่ชีวิตก็หักเหเพราะได้มาเจอกับน้องยุ้ย(ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี)คือน้าของเราเป็นน้องสะใภ้ของบ้านน้องยุ้ย เขาจะทำด้านตัวประกอบคือจัดหาตัวประกอบ อย่างค่าตัว 500 เราก็จะเรียกตัวประกอบมาเข้าฉากให้เขา 300 เราได้ 200 ผมก็จะไปช่วยน้าทำงานด้านนี้ และเราก็ได้แฝงตัวเองไปเล่นด้วย ถ้าเป็นตัวประกอบเมนก็จะได้ 1000 - 2000 บาทก็จะได้ค่าขนม ก็เป็นการทำงานที่ได้เงินและก็แลกกันกับการที่ได้อยู่บ้านเขาระหว่างเรียน”
      
“ผมจะเป็นเหมือนพี่เลี้ยงน้องยุ้ยจะตามน้องยุ้ยตลอดตั้งแต่สมัยออกเทปเธอยังคงมีฉัน น้องยุ้ยก็เรียนที่ม.รังสิตเหมือนกันกับเราแต่เรียนนิเทศ พอตามบ่อยๆ มันก็เหมือนเราแบบครูพักลักจำก็ได้ซึบซับการทำงานมาเรื่อยๆ ตอนนั้นยังไม่คิดอะไรยังไม่เห็นช่องทางหรอกว่าจะมาได้ขนาดนี้ แต่เหมือนเป็นอะไรที่เราชอบเราได้ตามน้องยุ้ยได้อยู่กับสิ่งที่สวยๆ งามๆ”
      
“แต่ชีวิตช่วงนั้นก็เรียกได้ว่าค่อนข้างลำบากเหมือนกัน เพราะพ่อประกาศเอาไว้เลยว่า ถ้าเราเรียน 4 ปีไม่จบเขาจะไม่ส่งเงินมาให้ซักบาทแต่เราเรียน 6 ปีจบ ฉะนั้นพอหลังจาก 4 ปีก็ไม่เคยขอเงินพ่อเลยจะหาเงินเรียนเองมาโดยตลอด”
      
“ก็หาเงินเรียนจากการเป็นตัวประกอบนี่แหละ เป็นตัวประกอบนี่เหนื่อยนะ ตอนนั้นเล่นเป็นตัวประกอบโฆษณาประกันชีวิตก็จะเป็นแบบมีรถวิ่งมาชน พอชนเราก็ต้องแกล้งทำเป็นหกล้มแล้วไอ้คนที่อยู่ข้างเราก็กระเด็นมาโดนตาเราตาเราก็แตก เขาก็บอกว่า ถ้าไม่เล่นต่อจะไม่ให้เงิน 500 เราก็ต้องนั่งตุ๊กๆ ไปเย็บสดๆ 5 เข็มมาเล่นต่อเพราะกลัวไม่ได้เงิน แล้วเงิน 500 เนี่ยก็โดนน้าหักไป 200 เหลือ 300”(หัวเราะ)
      
“ประสบการณ์ตรงนี้มันทำให้เราจะไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เพราะเขาบอกว่า ถ้าชีวิตมันเคยลำบากมาก่อนมันจะรู้ถึงความสบายเป็นยังไง และก็จะไม่กลัวถ้าจะต้องลำบากอีก ชีวิตของเราทุกวันนี้ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องโดดเด่นโด่งดังเสมอ เราพร้อมที่จะเดินลงต่ำอยู่เสมอ”
      
“คือทองนี่มันอยู่บนดินถ้าเราทำตัวอยู่บนฟ้าเราก็คงไม่สามารถหยิบทองได้หรอก เหมือนกับการปั้นดาราถ้าเราทำตัวเชิดๆ เลิศๆ เราก็ไม่สามารถเจอณเดชน์เจอเวียร์ได้หรอก อันนี้เป็นแบบฝึกหัดหนึ่งในชีวิต การที่เราสะสมความลำบากทำให้เราเจอสิ่งดีๆ”
      
ลงทุนรวบรวมเงินเก็บไปชุบตัวที่อังกฤษ
“พอจบเป็นช่วงเศรษฐกิจไม่ดีเราก็เลยได้มาทำงานแนวนี้ ประกอบกับเป็นเพื่อนกับอั้มตั้งแต่สมัยเข้าวงการ อั้มก็เลยแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการส่วนตัว ตอนนั้นน้องอั้มให้เงินเดือน 8000 บาทเราก็บอกว่า เราคงอยู่ไม่ได้ อั้มก็เลยบอกว่า งั้นเราคงต้องหาคนอื่นเข้ามาด้วยเพื่อให้มีรายได้เพิ่ม แล้วก็ได้ไปเจอกับป๋อ ณัฐวุฒิ เราเคยเรียนหนังสือห้องเดียวกันป๋อเป็นรุ่นน้อง และเราก็เคยขอลอกข้อสอบป๋อแต่ป๋อไม่ให้ก็ยังเคยวีนป๋อ”(ยิ้ม)
      
“พอป๋อไปเรียนที่อังกฤษเราก็ไปที่อังกฤษด้วย ที่ไปก็เพราะว่ามันเป็นเหมือนความฝัน เมื่อก่อนอยู่บ้านนอกก็อยากจะเข้ากรุงเทพ พอเข้ากรุงเทพเราก็มีเพื่อนเป็นเด็กนอกเราก็อยากไปให้ถึงจุดนั้น ก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินเองได้ประมาณแสนหรือสองแสนก็ไปทำวีซ่าไปอังกฤษ เงินแค่ 2 แสนแต่เราสามารถอยู่ที่นั่นได้นานมาก”
      
“ไปอยู่ที่นั่นเราไม่ได้เรียนหนังสือเพราะไม่มีเงินแต่เรามีโอกาสได้เรียนรู้ชีวิตของคนที่นั่น เรียนรู้ภาษา เรียนรู้วัฒนธรรม เหมือนไปเปิดโลกทัศน์ของตัวเองมันทำให้เรามีความคิดกว้างไกลมากขึ้น ผมไปอยู่ที่นั่นก็ทำงานด้วยวันไหนว่างๆ ก็ไปเดินแถวหน้ามหาวิทยาลัยยูซีแอล ก็ไปเจอแอนจี้ เฮสติ้ง ,แซม โชติบัณฑ์ คือเรารู้ว่าถ้ากลับจากอังกฤษเราจะไปทำอะไรที่เมืองไทย ก็สะสมเบอร์คนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ ก้อง การุณก็เจอก็ยังเอาเขามาถ่ายโฆษณาบัตรเครดิตยี่ห้อหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว”
      
“การไปที่นั่นเราวางแผนไว้แล้วว่าจะทำอะไรต่อไปได้บ้าง เราไม่ได้ไปเที่ยวไร้สาระไปวันๆ เพราะเราก็อุตส่าห์สะสมเงินทั้งชีวิตเพื่อมาที่นี่ แต่ก็คุ้มนะครับเพราะการไปครั้งนั้นนอกจากจะทำให้เราเจอน้องๆ ดาราคนโน้นคนนี้แล้ว ก็ยังทำให้เราได้รู้จักกับคนอื่นๆ ที่ไปเรียนที่นั่นอีกเยอะ ซึ่งแต่ละคนก็เป็นลูกของนักธุรกิจที่เมืองไทย ทุกวันนี้น้องๆ เหล่านี้ก็เติบโตเป็นผู้บริหารกันหมดแล้ว เวลาที่เราไปคุยงานไปดิวลูกค้าก็จะแบบรู้จักกันหมดเลย”
      
ด้านได้อายอด หาเบอร์เลขา “แดง สุรางค์” เพื่อดันเด็กเข้าช่อง 7
“พอกลับจากอังกฤษเราก็แอบได้เบอร์เลขาคุณแดง(สุรางค์ เปรมปรีดิ์)มา คือเราตั้งใจหาอยู่แล้ว(หัวเราะ) ก็โทรไปหาว่า ตอนนี้เอมีน้องคนหนึ่งมาจากอังกฤษนะอยากนำเสนอพี่ให้พี่ไปนำเสนอเจ้านายดู พี่เขาก็เอารูปป๋อ ณัฐวุฒิ ที่เราพาไปถ่ายรูปไว้อย่างหล่อเอาไปให้คุณแดงดู มันเป็นจังหวะที่ตอนนั้นพี่ตุ้ย(ธีรภัทร สัจจกุล)ไปร้องเพลงพอดี ป๋อเขาก็เข้มๆ เหมือนกันคุณแดงก็เลยเรียกไปที่ช่อง 7 และก็กรุณาให้ป๋อได้เล่นเก็บแผ่นดินที่สิ้นชาติแต่เรื่องแรกยังไม่ได้เป็นพระเอกยังเป็นคู่สอง เรียกว่าป๋อเป็นคนแรกที่เราทำงานปั้นจริงๆ”
      
“ส่วนกับอั้มนี่ตอนแรกอั้มเขาก็มีพี่แก้ว(แก้วพรีเมียร์ ศิริ เหลืองสวัสดิ์)บก.กอสสิปสตาร์คอยดูอยู่ ตอนนั้นอั้มมีสัญญากับพี่แก้ว พี่เขาก็จะคอยสอนงานเราก็ได้เรียนรู้งานจากตรงนั้นด้วย แต่พอตอนหลังๆ พี่แก้วจะไปทำหนังสือกอสสิปสตาร์ก็เลยไม่ได้ทำด้านผู้จัดการนักแสดง ตอนหลังๆ ก็เลยได้มาดูแลอั้มแบบจริงๆ จังๆ แต่จริงๆ แล้วอั้มน่าจะเป็นคนดูแลเราซะมากกว่า เพราะตอนนั้นเราใหม่จริงๆ นักข่าวนัดสัมภาษณ์ป๋อ ก็มาปรึกษากับอั้มว่าจะทำยังไงดี อั้มก็มานั่งแต่งหน้าให้ป๋อที่สยาม”(หัวเราะ)
      
“ตอนนั้นเรายังไม่เก่งด้านการแต่งตัวหรืออะไรเลย ไม่รู้เรื่องเลย วันดีคืนดีก็เอาป๋อไปทำผมเป็นสีแดงก็ขำดี มีอยู่ครั้งหนึ่งป๋อเล่นเรื่องไรนี่แหละจะต้องแต่งตัวเป็นตำรวจ เราก็คิดว่าจะทำยังไงให้ป๋อใส่ชุดตำรวจแล้วเท่ห์ ตอนนั้นก็มีหน้าท้องนิดนึงเราก็เลยแอบไปซื้อสเตย์ของผู้หญิงมาให้ป๋อคาด ป๋อเห็นสเตย์ก็ร้องเลย...อีพี่เอกูไม่ใช่มึงจะได้ใส่สเตย์แบบนี้ได้(หัวเราะ) เราก็ใส่ไปเหอะป๋อใส่แล้วจะเป็นเชฟแบบนี้นะเดี๋ยวใส่เสื้อตำรวจจะออกมาดูดี ป๋อก็แบบกูไม่ใส่ถึงคนนอกไม่รู้แต่กูรู้(หัวเราะ) แต่สรุปเขาก็ใส่นะเพราะเกรงใจเราแต่ใส่แค่วันเดียว”
      
“แต่ป๋อก็ดูแลเราเหมือนกัน คือต่างคนต่างดูแลเพราะไม่รู้เรื่องด้วยกันทั้งคู่(หัวเราะ) ป๋อเขาก็จะชอบด่าเพราะเราแต่งตัวแย่มาก เพราะเราก็ไม่มีตังค์น่ะนะพูดตรงๆ ป๋อก็ให้การบ้านว่า เป็นผู้จัดการดาราต้องมีรถนะ เราก็กูจะเอาตังค์ที่ไหนมาซื้อรถวะเงินมีเท่าไหร่ก็เอาไปอังกฤษหมดแล้ว ก็เลยเก็บตังค์ได้อัลติสท์มาคันหนึ่ง ก็ได้รถคันนี้พาน้องๆ ไปส่งเข้าประกวดที่นั่นที่นี่อำนวยความสะดวกให้กับน้องๆ”
      
“ป๋อเขาเป็นเหมือนครูเลยนะ เขาบังคับให้เราแต่งตัวดี วันดีคืนดีก็จะแบบ พี่เอมึงน่ะใส่กางเกงเหยียบชายจนขาดแล้วขาดอีกกูดูไม่ได้เลย เราก็เลยโมโหค่ะรุ่งเช้าประชดแต่งตัวเป็นแบบนักเรียนอังกฤษเลยแต่ไปเฝ้าป๋อถ่ายละครที่น้ำตก 7 สาวน้อย(หัวเราะ) ป๋อบอกมันบ้าเนาะกูบอกให้มึงแต่งตัวดูดีแต่ต้องถูกกาละเทศะ มึงมาน้ำตก 7 สาวน้อยแต่ใส่สเวตเตอร์สีแดง เวลาอยู่กรุงเทพมึงแต่งตัวเป็นพ่อคล้าวเลี้ยงควายในมนต์รักลูกทุ่ง”(หัวเราะ)
      
“แล้วเวลาอยู่กองถ่ายเราจะเป็นคนชอบทำกับข้าว ก็ทำกับข้าวในกองถ่ายแล้วก็เอาไว้ป๋อกิน ป๋อทำไงรู้ไหม ป๋อไม่กินค่ะทำเป็นเชิดเลยบอกว่า กูให้มึงมาเป็นผู้จัดการนะ กูไม่ได้ให้มึงมาเป็นคนครัวนะ กูให้มึงมาดูมอนิเตอร์นะ กูไม่ได้ให้มึงมาทำกับข้าวให้กูแดก กูกินได้ทุกอย่าง คือเขาดูแลลุคส์ให้เราด้วย เขาอยากให้เราไปนั่งดูมอนิเตอร์แต่เรามัวแต่ทำกับข้าว ป๋อถามเมื่อกี๊เล่นเป็นยังไงบ้างตอบไม่ได้เลย”(หัวเราะ)
      
จากนักปั้นกลายเป็นนักขาย เด็กของ “เอ ศุภชัย” ฟาดพรีเซ็นเตอร์เกลี้ยงตลาด
“เราก็ดูแลเขามาอย่างนี้เรื่อยๆ จนป๋อเริ่มมีชื่อเสียงคราวนี้เราก็เริ่มจะไปจับงานขายโฆษณา ก็อาศัยว่าตอนเด็กๆ เราเคยเล่นเป็นตัวประกอบไว้เยอะ เราก็พูดจาตอแหลเขาไว้เยอะโปรดักชั่นเฮ้าส์เราก็รู้จักกันตอนเป็นตัวประกอบนี่แหละ แมทชิ่ง หับโห้หิ้นฯลฯ เรารู้จักตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว และตอนหลังก็พัฒนาไปเป็นรู้จักลูกค้า เพราะเพื่อนที่จบม.รังสิตหรือจบจากอังกฤษน้ำสกุลโน้นนามสกุลนี้ก็เป็นลูกค้าเอง คือพอจบเขามาบริหารงานแทนพ่อ เราก็จะยกหูนี่เอเองนะที่เจอที่ลอนดอนไงอ่า(หัวเราะ)ก็จะมาเลยงานโฆษณา เด็กของเราก็จะได้โฆษณาเยอะมาก”
      
“นอกจากนั้นแล้วเด็กของเราจะรับโฆษณาตัวไหน เด็กคนนั้นจะต้องใช้สินค้าตัวนั้นด้วย อย่างอั้มเขาใช้ผลิตภัณฑ์อะไรเวลาไปบ้านเขาเราเห็น เราก็จะไปขายสินค้าตัวนั้นว่าอั้มใช้นะ แต่ถ้าเขาไม่ใช้แต่เราอยากให้ถ่ายโฆษณาเราก็จะยัดเยียดให้ใช้ ใช้สิๆ ถ้าเขาใช้แล้วชอบเราก็จะเอาไปขายโฆษณาให้ เพราะเราอยากให้แฮบปี้ทั้งสองฝ่าย ลูกค้าเขาก็แฮบปี้ที่พรีเซ็นเตอร์ใช้โปรดักส์เขาจริงๆ


"อั้ม พัชราภา" ซูเปอร์สตาร์คนที่ "เอ" ทำหน้าที่ผู้จัดการเป็นครั้งแรก


"ป๋อ" เด็กปั้นคนแรกของเอ


แองจี้ เฮสติ้ง" อดีตนางเอกช่อง 3 คนนี้ "เอ" ไปจีบมาตอนเรียนที่อังกฤษ


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • พัชราภา เนเวอร์ดายส์
    แน่จริงๆ นะจ๊ะ...คุณนายอั้ม พัชราภา ต่อให้ใครหน้าไหนก็ตามจะมีกระแสข่าวกระชากเร็ตติ้ง ไม่ว่าจะเป็นข่าวท้องไม่มีพ่อ แอบย่องทำแท้ง ปีนคอนโด หรือ จิกหัวตบกัน สาดน้ำกรด จนเป็นข่าวครึกโครมทั้งประเทศ ทำให้เป็นที่สนใจของคนทั่วไปแต่สำหรับ "อั้ม เธอเนเวอร์ดายส์" ไม่เคยตายไปจากใจสื่อมวลชน เพราะไม่ว่าเธอจะโผล่หน้าไปงานไหนก็ตาม ต่อให้ช่วงนั้นเธอไม่มีข่าวอะไรอัพเดตเหมือนกระแสข่าวฉาวของดาราคนอื่นที่แข่งกันสร้างก...
  • ทะเลาะ โน้ต แค่เบาเบา อั้ม ยัน! ไม่มีเขวี้ยงกุญแจใส่
    ทะเลาะ โน้ต แค่เบาเบา อั้ม ยัน! ไม่มีเขวี้ยงกุญแจใส่
  • "อั้ม-โน้ต"แรงขึ้น"มึง-กู"
    ออกมาประกาศตัวว่าเป็นโสด เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2553 ก่อนวันเกิด 5 ธันวาคม 2553 แต่ไม่นานหลังจากนั้น "อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ"ก็กลับไปสวีท "โน้ต-วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์"โดยควงคู่ไปเติมความรักให้กันในต่างแดนโดยเมื่อกลางเดือนธันวาคม "อั้ม-โน้ต"ได้ควงคู่บินไปร่วมฉลองวันเกิดของ "เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร"ที่ประเทศเกาหลี ก่อนจะบินไปเคาท์ดาวน์ สองต่อสองที่ประเทศอังกฤษ เมื่อช่วงปีใหม่แต่ดูเหมือนทัวร์เลิฟต่างแดน ท...
  • อ๋อม ชวน เมย์ เฟื่องฯ กินข้าวรอบดึก...
    ควันหลงจากงานวันเกิด อั้ม พัชราภา เม้าท์กันกระฉ่อนว่างานนี้หลังจากที่โน้ตแอบย่องเข้ามาเซอร์ไพรส์ อั้ม ด้าน หนุ่มอ๋อม ก็ทำตาเจ้าชู้ แอบชวน หนูเมย์ เฟื่องฯ กินข้าวรอบดึก 2 ต่อ 2 ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ มากันยกแก๊ง ทำเอาเพื่อนๆ หลายคนในวงปาร์ตี้ถึงกับอึ้งที่เห็นหนุ่มอ๋อมกล้าตีท้ายครัว ดีนะที่หนูเมย์เซย์โน มิฉะนั้นงานแต่งอาจจะเลื่อนออกไปอีกยาวนาน

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »