โชเซ่ มูรินโญ่ ชื่อนี้มีทั้งคนรักคนหลง และคนเกลียดชัง ด้วยบุคคลที่ค่อนข้างโอหัง รวมทั้งวาจาที่ไม่เคยเกรงใจชาวบ้านทำให้หลายคนไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขา และอาจจะรวมถึงความสำเร็จที่ "เฮียมู" กอบโกยมาได้มากมายให้กับทุกสโมสรที่เข้าทำหน้าที่กุมบังเหียน อย่างไรก็ตาม ด้วยพฤติกรรมที่ไม่ค่อยน่าคบทำให้เขามักโดนเพื่อนร่วมอาชีพด่าอยู่บ่อย และนี่เป็นแค่ 10 ตัวอย่างเรียกน้ำย่อยจากปากของคนในแวดวงลูกหนังที่ ด่าทิ่มแทงเข้าไปในใจของ ยอดโค้ชเลือดฝอยทอง

10) "เขาทั้งหยาบคาย และไร้การศึกษา" (ฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ 2011) 
          คำพูดของ ฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ ตำนานลิเบอร์โร่ทีมชาติเยอรมนี แสดงให้เห็นความชัดเจนเมื่อมีคำถามเกี่ยวกับการที่ มูรินโญ่ ได้รับรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี 2010 โดย "ไกเซอร์ฟร้านซ์" เผยแบบเหลืออดกับพฤติกรรมหยิ่งยะโสโอหังของ "เฮียมู" ว่า "เขาทั้งหยาบคาย และไร้การศึกษา ความจริงแล้วการที่เขาสวมเสื้อสเว็ตเตอร์ขนแพะก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ กัปตันทีมทุกคน และบรรดาโค้ช จากทั่วโลกมองว่า มูรินโญ่ เป็นคนที่มักได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ด้วยวิธีการที่แย่กว่าคู่แข่งของพวกเขา แต่เขาเป็นคนหยาบคาย และไม่มีการศึกษาดูได้จากพฤติกรรมของเขา และทำทุกอย่างเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย"

         แต่ก็ไม่แน่บางที เบ็คเคนเบาเออร์ อาจจะยังอารมณ์ค้างหลัง มูรินโญ่ นำ อินเตอร์ มิลาน ทีมเก่าของเขา คว่ำ บาเยิร์น มิวนิค ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมาก็ได้

9) "หุบปากซะบ้าง โชเซ่" (เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน 2007) 
          ความสัมพันธ์ระหว่าง เซอร์เฟอร์กี้ กับ มูรินโญ่ ไม่เคยราบรื่นมาตลอด อาจเป็นเพราะนายใหญ่ "ปีศาจแดง" ยังคาใจกรณีที่ ยอดโค้ชเลือดฝอยทอง วิ่งกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กกะโปโลตอนที่เขานำ เอฟซี ปอร์โต้ บุกมาเขี่ย แมนฯ ยูไนเต็ด ตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2004 ทั้งสองคนยิ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมากเป็นทวีคูณ เมื่อ "เฮียมู" ย้ายมากุมบังเหียน เชลซี และกำลังขับเคี่ยวแย่งแชมป์ลีก ในปี 2007 โดย นายใหญ่ชาวสกอตต์ ตบะแตกจนต้องแหกปากตำหนิ มูรินโญ่ ว่า "เขามักจะพูดโน่นพูดนี่เกี่ยวกับผู้ตัดสิน และผมคิดว่าเขาเป็นคนสุดท้ายที่น่าจะพูดเกี่ยวกับกรรมการ สโมสรของเขามักจะมีอะไรวุ่นวายกับผู้ตัดสินบ่อยๆ ตลอดช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่า โชเซ่ น่าจะหุบปากจะเป็นการดีที่สุด สำหรับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของซีซั่น"

8) "เขาเลือดเย็นเหมือนนักฆ่า (ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ 2010) 
           การพูดแบบนี้ไม่น่าเป็นไปได้เลยว่า มูรินโญ่ กับ สปัลเล็ตติ มักส่งการ์ดคริสต์มาสให้กันและกันทุกปี ความรู้สึกดีๆ เริ่มหมดไปเมื่อทั้งสองคนต้องมาดวลกึ๋นกับในศึกกัลโช่ เซเรีย อา และ สปัลเล็ตติ กล่าวหาว่า "เฮียมู" ใช้เกมลีกเมืองมะกะโรนีเป็นแค่ทางผ่านในอาชีพของเขา "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ฉลาดเกินคำบรรยาย เขาคว้าแชมป์ทุกรายการ เขาบอกถึงสิ่งที่เขาต้องทำ เขาควบคุมทุกอย่างของเรา คว้าแชมป์ทั้งหมด ได้ในสิ่งที่เขาต้อง แล้วจากนั้นก็บอกลาเพื่อไปคุม เรอัล มาดริด เขาเป็นนักฆ่าที่เลือดเย็นมาก"

7) "โรมัน อบราโมวิช เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ" (ราฟาเอล เบนิเตซ 2006) 
           ปัญหาไม่กินเส้นระหว่าง เบนิเตซ กับ มูรินโญ่ มีมานานแล้วโดยเฉพาะการเปิดศึกสงครามน้ำลายตอนที่ทั้งคู่กุมบังเหียนในพรีเมียร์ลีก "เดอะ สเปเชียล วัน" ยังแค้น ลิเวอร์พูล ไม่หายที่เขี่ย "สิงโตน้ำเงินคราม" ตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2005 แถมยังเจ็บช้ำระกำใจอีกรอบเมื่อลูกทีมของ เบนิเตซ เขี่ยพวกเขาหลุดวงโคจรศึกเอฟเอ คัพ ในปีต่อมา เขาปรามาส นายใหญ่เลือดกระทิงดุ ไม่มีทางคว้าแชมป์ลีกเมืองผู้ดีได้ แถม เชลซี มี 45 แต้ม ดีกว่าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เจอแบบนี้เข้าไป ราฟา ตอกกลับว่า "ผมพูดมาตลอดว่า อบราโมวิช ทำงานได้ดีกับ เชลซี เขาเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของทีม"

6) "มูรินโญ่ ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็ก" (อูไน เอเมรี่ 2010) 
           บิคตอร์ บัลเดส นายทวาร บาร์เซโลน่า แซวว่าการมาของ มูรินโญ่ ในศึกลา ลีกา จะช่วยทำให้หนังสือพิมพ์ขายดียิ่งขึ้น ซึ่งคำพูดของ บัลเดส ก็ไม่ผิดเลย เพราะ กุนซือเลือดโปรตุกีส มักมีส่วนพัวพันกับการพูดจาเสียดสีนับตั้งแต่ที่คุม เรอัล มาดริด "เฮียมู" วิจารณ์การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินเป็นประจำ ทำให้ อูไน เอเมรี่ เทรนเนอร์ บาเลนเซีย ต้องออกมาแขวะ อดีตโค้ช อินเตอร์ มิลาน ว่ามักจะพูดเรื่องความผิดพลาดของกรรมการในเกมที่ "ราชันชุดขาว" พบ เซบีย่า โดย เอเมรี่ เปิดใจว่า "มูรินโญ่ ร้องไห้เหมือนเด็กๆ เรามีเหตุผลมากมายที่จะแสดงความคิดเกี่ยวกับความผิดพลาดต่างๆ และบ่นกับสื่อทุกครั้งที่เราเจอผลกระทบ แต่เราไม่เคยทำแบบนั้น"

5) "เขาเป็นคนที่ไม่ยอมรับความล้มเหลว" (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 2007) 
           แม้ตอนนี้ มูรินโญ่ กับ โรนัลโด้ เป็นคู่หูที่กำลังช่วย เรอัล ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมก็ตาม แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ในกรณีปี 2007 เพราะตอนนั้น เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นคู่แข่งลุ้นแชมป์กันอยู่ และในเกมที่ทั้งสองทีมพบกัน "เฮียมู" ออกมาโวยวายไม่พอใจหลังจบเกม เนื่องจาก เชลซี ไม่ได้จุดโทษ โดยเขาเอาแต่บ่นพร่ำตลอด จนทำให้ "โด้น้อย" ต้องพูดว่า "เขาต้องพูดบางสิ่งตลอด เพราะเขาไม่เคยยอมรับความล้มเหลว ทุกคนทั่วโลกรู้จัก มูรินโญ่ ว่าเป็นคนยังไง เขาไม่เคยจดจำว่าเขาก็เคยทำผิดพลาด" แน่นอนการวิจารณ์คนปากร้ายอย่าง มูรินโญ่ ก็เหมือนหาเหาใส่หัว เพราะ "จ่ามู" จัดการตอกกับ ดาวเตะเพื่อนร่วมชาติ ว่าเป็นคนที่มีชีวิตแล้งแค้นในวัยเด็ก และไร้การศึกษา โดนแบบนี้เข้าไป โรนัลโด้ แทบอยากหนีไปร้องไห้ในห้องน้ำเลยทีเดียว

4) "เขาอยู่ที่นี่ 2 ปี และก็ดูถูกทุกคน" (มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี 2010)
          มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เทรนเนอร์เอซี มิลาน ระบายความรู้สึกผ่าน "ลา กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต" สื่อดังเมืองมะกะโรนี ว่า "เขาเป็นตัวอย่างที่เลว และดูถูกทุกคนในอิตาลี เขาอยู่ที่นี่ 2 ปี และก็ดูถูกทุกคน" นอกจากนี้ นายใหญ่ "ปีศาจแดง-ดำ" ยังวิจารณ์แท็กติคของ "เฮียมู" ว่าน่าอับอายกว่า อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ซะอีก

           "คุณสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างก็ได้ถ้าไม่มีใครคอยจับจ้อง ถ้าคุณเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ แต่ไม่ใช่เมื่อเกมที่มีการจับตาดูทางโทรทัศน์" อัลเลกรี กล่าวต่อว่าในกรณีที่ มูรินโญ่ ใช้แผนให้ ชาบี อลอนโซ่ กับ เซร์คิโอ รามอส โดน 2 ใบเหลืองเพื่อจะได้ถูกไล่ออก และเป็นการล้างใบเหลืองทิ้งในรอบแรก เพื่อจะได้ลงเล่นในรอบน็อกเอาต์แบบไม่ต้องกังวลใจ และสุดท้ายทั้งเจ้านายกับลูกน้องก็โดนปรับเงินจาก ยูฟ่า เรียบร้อย

3) "เขาคิดว่าเขาเป็นใคร ?" (มาโนโล่ เปรเซียโด้ 2010) 
          กุนซือปากกรรไกร เคยสร้างบาดแผลในใจกับนายใหญ่สปอร์ติ้ง กิฆอน อย่างมาก จากการที่เขาบอกว่า กิฆอน จัดตัวผู้เล่นแบบสมยอม บาร์เซโลน่า ในเกมเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดย เปรเซียโด้ กล่าวว่า "เขาคิดว่าเขาเป็นใครถึงได้พูดแบบนั้นออกมา ? เขาคิดว่าเขามีสิทธิ์พูดแบบนั้นกับทีมอย่างเรา ซึ่งเป็นทีมธรรมดาๆ ในการต่อสู้เพื่อที่จะอยู่รอดในลีกสูงสุด ? แน่นอน เราเป็นทีมที่ไม่ได้ร่ำรวย แต่เราไม่ได้โง่เง่า เขาเป็นเพื่อนร่วมอาชีพที่แย่มาก มีแต่อีโก้และคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นตลอด เขามันไอ้สารเลว"

         นอกจากนี้หลังเกมที่ เรอัล เฉือน กิฆอน 1-0 มูรินโญ่ ได้ทำสัญลักษณ์ วี ไซน์ (V sign) ไปที่ เปรเซียโด้ โดยเจ้าตัวกล่าวถึงกรณีนี้ว่า "บางทีผมก็พูดแรงเกินไป เพราะผมเป็นพวกจุดเดือดต่ำ ผมไม่รู้ว่าไอ้เครื่องหมาย วี ไซน์ มันหมายถึงชัยชนะหรือการลงไปเล่นในดิวิชั่น 2  แต่ผมจินตนาการได้ว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่"

2) "เขาน่าจะโดนต่อยจนฟันร่วงจริงๆ"  (ปิเอโตร โอ โมนาโก 2008) "
          "เฮียมู" ย้ายเข้ามาทำงานในประเทศอิตาลี พร้อมกับความซ่าไม่เกรงใจใคร เขาไม่เสียเวลาที่จะทำให้ทุกๆ คนต้องสะอิดสะเอียน เริ่มด้วยการพูดจาเยะเย้ยว่า "งูใหญ่" สามารถเอาชนะ คาตาเนีย ได้อย่างง่ายดาย แม้เขาจะเล่นเป็นผู้รักษาประตูก็เอาชนะได้สบายๆ เจอแบบนี้เข้าไป ปิเอโตร โอ โมนาโก ผู้บริหารของ คาตาเนีย ลมออกหูทันที ออกมาสวนกลับว่า "มูรินโญ่ ก็แค่คนไร้ค่า และคนประเภทนี้ก็น่าจะโดนชกให้ฟันหักจริงๆ" หลังโดนด่าอย่างเจ็บแสบ ตามสไตล์ของ มูรินโญ่ ก็ต้องออกมากัดคืน โดยบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อของเขาเลย และยืนยันว่าชื่อ โมนาโก เขารู้จักแค่การแข่งขันรถสูตรหนึ่งเท่านั้น ! แสบไหมล่ะ

1)  "คนอย่าง มูรินโญ่ เป็นศัตรูของวงการฟุตบอล" (โฟลเกอร์ โรธ 2005) 
          หนึ่งในคู่กัดของ มูรินโญ่ คนแรกๆ ในวงการลูกหนังแดนฝอยทอง ได้แก่ ไฮเม่ ปาเชโก้ ที่ตราหน้า มูรินโญ่ ว่า -น่ารังเกียจ และปัญญาอ่อน- แต่มันเปรียบเทียบไม่ได้กับการที่เขาโดนด่าจาก ยูฟ่า ในปี 2005 ตอนนั้น นายใหญ่โปรตุกีส เปิดปากวิจารณ์ อันเดอร์ส ฟริสค์ ท่านเปาชาวสวีดิช หลังเกมที่ เชลซี พบ บาร์เซโลน่า รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2005 และส่งผลให้เขาต้องวางนกหวีดเนื่องจากมีจดหมายขู่ฆ่าตามมา ตอนนั้น "เฮียมู" บอกว่าตุลาการสนามเลือดไวกิ้ง แอบไปคุยกับ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด โค้ช "เจ้าบุญทุ่ม" ช่วงพักครึ่งของการแข่งขันแมตช์แรก

          โฟลเกอร์ โรธ ประธานคณะกรรมการผู้ตัดสินของ ยูฟ่า ฉุดขาดโดยเปิดปากยำพฤติกรรมของ มูรินโญ่ แบบไม่ไว้หน้า ว่า "เรายอมรับไม่ได้ที่หนึ่งในผู้ตัดสินที่ดีที่สุดของเรา โดยกดดันให้ต้องเลิก เพราะเรื่องนี้ คนอย่าง มูรินโญ่ เป็นศัตรูของวงการฟุตบอลอย่างแท้จริง"