ไมเคิล โอเว่น และ ฮาเวียร์ “ชิชาริโต้” เอร์นานเดซ ช่วยกันทำคนละประตูช่วยให้ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แซงเอาชนะ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน ได้สำเร็จ 2-1 ได้ผ่านเข้าสู่รอบ 5 เอฟเอ คัพ ต่อไป


ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบที่ 4 (29 ม.ค.54)

เซาแธมป์ตัน 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด

สนาม : เซนต์ แมร์รี่
ประตู :
1-0 แชปโลว 45
1-1 โอเว่น 65
1-2 ชิชาริโต้ 75

“ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้ยกพลมาเยือนคู่ปรับเก่าอย่าง “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน โดยเกมนี้เจ้าบ้านนำมาโดย อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ปีกดาวรุ่งพรสวรรค์ที่มีข่าวแมนฯ ยูไนเต็ดสนใจแย่งตัวกับ ลิเวอร์พูล และอาร์เซนอล ขณะที่ทีมเยือนปรับทัพหลายตำแหน่งเป็นตัวสำรอง โดยแนวรุกเป็น ฮาเวียร์ “ชิชาริโต้” เอร์นานเดซ กับไมเคิล โอเว่น

เกมเปิดฉากมาก็เร้าใจทันที โดย แดน ฮาร์ดิ้ง แบ็กซ้ายเจ้าบ้านได้โอกาสทองเมื่อลูกยิงของ ริชาร์ด แชปโลว์ ไปแฉลบมาเข้าทางก่อนจะยิงเข้าไปแต่ว่าโดนจับเป็นลูกล้ำหน้าก่อน จากนั้นทีมเยือนตอบโต้บ้างโดยเป็น ไมเคิล โอเว่น ที่ได้หลุดไปแต่ว่ายิงด้วยซ้ายหลุดกรอบออกไป

นาทีที่ 13 เซาแธมป์ตัน ทำได้ดีทีเดียวในการขึ้นเกมมาทางซ้ายก่อนที่จะเปิดเข้าไปกลางประตูมี ริคกี้ แลมเบิร์ต ยืนรออยู่ย้อนกลับมาตวัดตัวยิงได้สวยแต่บอลตรงตัว ลินเดการ์ด

แต่หลังจากนั้นแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่ได้เหนือกว่าเจ้าบ้านในช่วงแรกก็เกือบได้เหมือนกันโดยเป็น ไมเคิล โอเว่น ที่ได้หลุดไปทางขวาก่อนจะพยายามเปิดเข้ามาแต่บอลเปลี่ยนทางย้อยไปตกลงบนคาน ที่เสาไกลหวิดได้ประตูนำแบบโชคช่วย

เซาแธมป์ตัน ไม่ขวัญเสียและถือว่าทำได้ดีทีเดียวโดยเรียกฟรีคิกระยะราว 30 หลาได้ ก่อนที่ แลมเบิร์ต ตัวเก่งของเจ้าบ้านจะขอปั่นเองบอลโค้งข้ามกำแพงแต่ว่าเหินข้ามคานออกไป แต่ก็ถือว่าทำได้ดี

ทีมนักบุญยังสู้ได้อย่างสูสี มีจังหวะการเปิดของ ฮาร์ดิ้ง ที่กระชากบอลเข้าในเขตโทษก่อนเปิดไปเสาไกล จอนนี่ อีแวนส์ต้องโขกสกัดทิ้ง ก่อนที่ลูกเตะมุม โฮเซ่ ปอนเต้ จะได้จิ้มบอลแต่ว่าก็เบาและตรงตัว ลินเดการ์ด

จากนั้น อันแดร์สัน ก็ได้โอกาสส่องหน้าเขตโทษแต่ว่าตรงตัว บาร์ตอส เบียลคอฟสกี้ ประตูทีมเยือน ขณะที่ แลมเบิร์ต ก็ได้ลองยิงฟรีคิกอีกครั้งแต่คราวนี้ระยะไกลกว่าเดิมมากราว 35 หลา และก็ซัดข้ามคานออกไปเหมือนเดิม

เซาแธมป์ตัน ยังเล่นได้เหนือกว่าและน่าจะได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ โด ปราโด ได้ขึ้นโขกคนเดียวโล่งๆแล้วแต่ว่าจังหวะเทคตัวโหม่งไม่ดีก็เลยพลาดไป แต่หลังจากนั้นในช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก แฟนบอลเจ้าบ้านก็ได้เฮสนั่นเมื่อแนวรับแมนฯ ยูไนเต็ด พลาดสกัดบอลไม่ดี บอลมาเข้าทาง แชปโลว ได้อัดเต็มๆระยะ 12 หลา ลูกเสียบสามเหลี่ยมสุดมัน เป็นประตูนำ 1-0 และเป็นประตูโทนในครึ่งแรก

เข้าสู่ครึ่งหลัง เฟอร์กี้ ต้องแก้เกมส่ง เวส บราวน์ ลงมาแต่รูปเกมก็ยังไม่ได้ถึงกับดีขึ้นมาก สุดท้ายก็ต้องยอมส่งทั้ง ไรอัน กิ๊กส์ และ นานี่ ลงมาแก้เกม และรูปเกมก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ

นานี่ มีจังหวะได้เปิดบอลให้โอเว่น โฉบเข้าฮอสที่เสาแรกแต่ไม่เข้ากรอบ ซึ่งก็ถือเป็นสัญญาณอันตราย และก็มาได้เรื่องจนได้ในนาทีที่ 65 โดยเป็นลูกลักษณะใกล้เคียงกัน แต่เปลี่ยนฟากเป็นทางขวา โอแบร์กต็อง เปิดหักกลับมาบอลแฉลบก่อนกระเด้งขึ้นมาเข้าทาง โอเว่น ได้โหม่งพอดิบพอดี เป็นประตูตีเสมอให้แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1

หลังจากนั้นเกมเปิดแลกกันสนุก เจ้าบ้านก็ยังได้ลุ้นอีกเหมือนกันโดยเฉพาะลูกเตะมุมสั้น ฮาร์ดิ้ง เล่นกับแชมเบอร์เลน ที่ตอกส้นคืนมาก่อนจะกึ่งยิงกึ่่งไปที่เสาไกลแต่บอลเลยไปหมดก่อนจะเฉี่ยวเสา ออกไป

แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีโอกาสเหมือนกันโดย โอแบร์กต็อง เปิดจากขวาเข้ามากลางประตูบอลเลยไปถึง นานี่ ที่ได้จังหวะพักเอาบอลลงก่อนจะวางเท้าซัดเต็มๆบอลพุ่งไปตรงตัว เบียลคอฟสกี้

ถัดมา ความเฉียบขาดของแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ผ่านการพิสูจน์อีกครั้งโดยเป็นจังหวะที่ เซาแธมป์ตัน เสียบอลในแดนตัวเองก่อนที่ กิ๊กส์ จะจ่ายใส่พานให้ “ชิชาริโต้” หลุดทะลุเข้าเขตโทษ ถึงจะเสียจังหวะไปนิดหน่อยแต่ก็ยังล้มตัวแหย่บอลสวนตัวประตูเข้าไป เป็นประตูแซงนำ 2-1

ประตูนี้กลายเป็นประตูชัยที่ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งประคองตัวเองรักษาสกอร์เอาไว้ได้จนหมดเวลาได้ผ่านเข้าสู่รอบที่ 5 ต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เซาแธมป์ตัน : เบียลคอฟสกี้, บัตเตอร์ฟิลด์, ฟอนเต้, ซีบอร์น, ฮาร์ดิ้ง, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ชไนเดอร์ลิน, แชปโลว, โด ปราโด, แลมเบิร์ต, บาร์นาร์ด

แมนฯ ยูไนเต็ด : ลินเดการ์ด, โอเช, อีแวนส์, สมอลลิง, ฟาบิโอ, กิ๊บสัน, อันแดร์สัน, สโคลส์, โอแบร์กต็อง, เอร์นานเดซ, โอเว่น