โปรบุญชู เรืองกิจ ชื่อนี้น่าเป็นที่รู้จักของทุกคนดี เพราะนอกจากเป็นตำนานแห่งวงการกกอล์ฟ "บิ๊กชู" ยังตอบแทนผู้คน และแผ่นดินนี้อย่างมุ่งมั่น โดยเฉพาะในกลุ่มของคนด้อยโอกาส ทั้งด้านการศึกษา กีฬา และคุณภาพชีวิต

        ชีวิตในวัย 54 เขายังเป็นผู้เล่นกอล์ฟอาชีพจอมบู๊ ที่ผู้เล่นในทุกทัวร์ทั้ง  แชมเปี้ยนทัวร์ อเมริกา, ซีเนียร์ ยูโรเปี้ยนทัวร์, แจแปน ซีเนียร์ ทัวร์, เอเชียนทัวร์ ต่างยอมรับ

       และปีที่ผ่านมา 2010 เขาทำผลงานเยี่ยมยอดคว้าแชมป์ถึง 4 รายการใน ซีเนียร์ ยูโรเปี้ยนทัวร์ และครองตำแหน่งนักกอล์ฟยอดเยี่ยมขึ้นเป็นมือหนึ่งของยูโรเปี้ยนทัวร์

       จากผลงานขั้นเทพทำให้เอเชียนทัวร์มอบรางวัลพิเศษเป็นนักกอล์ฟที่มีผลงานยอดเยี่ยมตลอดทั้งปี ตามด้วยได้รับคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาอาชีพยอดเยี่ยมจากของการกีฬาแห่งประเทศไทย ประจำปี 2553 และล่าสุดนักกอล์ฟผู้นี้คือเจ้าของรางวัลเกียรติยศ "นักกีฬาอาชีพยอดเยี่ยม" ในการประกาศรางวัล "สยามกีฬา อวอร์ดส์ ครั้งที่ 5"

       แน่นอนเขาภูมิใจกับรางวัลที่ได้ไม่น้อยทีเดียว "ขอบคุณสยามกีฬารายวัน ที่สนับสนุนนักกีฬา และสมาคมกีฬาทุกสมาคมมาตลอด รางวัลสยามกีฬา อวอร์ดส์ เป็นเกียรติยศที่ทรงคุณค่า ไม่ใช่ใครจะได้ง่ายๆ มันคุ้มค่าสำหรับการทำผลงานดีตลอดทั้งปี เป็นกำลังใจในเส้นทางอาชีพนี้ ที่มีแต่ซ้อม และซ้อมอย่างหนัก" บุญชู เผยความรู้สึกที่ได้รับรางวัล

       สำหรับ "โปรบุญชู" ไม่ได้เกิดมาท่ามกลางความร่ำรวย เขาเริ่มต้นจากการเป็นเด็กวางลูกกอล์ฟในสนามไดรฟ์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แลกกับค่าจ้างเพียงไม่กี่บาทก่อนจะตัดสินใจไปเป็นแคดดี้ที่สนามกานตรัตน์ ดอนเมือง หรือที่รู้จักกันดีในหมู่นักกอล์ฟด้วยกันว่า "สนามงู" ของกองทัพอากาศ

       "เข้าไปเป็นแคดดี้ไม่ได้คิดจะเป็นนักกอล์ฟด้วยซ้ำ มองว่านั่นเป็นหนทางที่จะทำรายได้ให้ตัวเองเพิ่มขึ้นเท่านั้น น่าจะดีกว่ามาตั้งลูกกอล์ฟที่มีรายได้ไม่กี่บาท แต่เรามุ่งมั่นศึกษารู้กฎ กติกา เพื่อความได้เปรียบให้บรรดานักกอล์ฟที่เล่นพนันชอบ และเรียกใช้บริการ พูดง่ายๆ ถ้านายคนไหนฝีมือดีหน่อย และได้บุญชูถือ ได้ตังค์ใช้แน่นอน" บุญชู ย้อนความหลังให้ฟัง

     "นายได้เยอะ บุญชูได้เยอะ" นั่นคือ...สัญญาใจต่างตอบแทน

     พลิกชะตา...ยึดอาชีพบู๊มวยไทย

     แต่เขาเป็นแคดดี้แบกถุงได้ไม่นานก็เกิดเรื่อง เมื่อแอบลงสนามเล่นกอล์ฟกับเพื่อนแคดดี้ด้วยกันจนโดนเจ้าหน้าที่สนามจับได้ แถมเล่นพนันด้วย ศึกนี้หนักหนาถึงขนาดต้องเปลี่ยนวิถีชีวิต เขาโดนโทษ "ให้ออก" แต่เมื่อปากท้องยังต้องกิน ชีวิตยังต้องอยู่ต่อ...ทางเลือกใหม่ เขาจึงหันไปชกมวยไทย

     "การชกครั้งแรกของผมเกิดขึ้นในงานวัด มันเป็นอะไรที่ว่ากันง่ายๆ ตื่นเต้นเหมือนกัน ขึ้นเวทีเห็นคู่ต่อสู้ โอ้โห!  คิดในใจเราจะรอดมั้ยเนี่ย โดนน็อกยุ่งแน่ สุดท้ายไม่น่าเชื่อคะแนนเราดีกว่า ยืนบนเวทีขาจะร่วง เจ็บไปหมดทั้งตัว ชนะ...ครั้งนั้นได้ 10 บาท สมัยนั้นเยอะอยู่หรอก"

     เขาโลดแล่นในสังเวียนผ้าใบไม่นานก็ออกเดินสาย เมื่อมีคนมาชักชวนให้ไปชกที่โคราช เขาคิดว่าน่าจะแจ้งเกิดจึงออกเดินทางไปเวทีที่โคราชทันที

     "คราวนี้พระเจ้าไม่เข้าข้าง คู่ต่อสู้ผมหมัดหนักมาก ทะลวงแต่ละหมัดจุกไปหมด จำได้ถูกคู่ชกแทงเข่าเข้าที่ท้องทรุดฮวบลงกองที่พื้น และเกิดข้อเท้าพลิกทำให้ชกต่อไปไม่ได้ เนื้อตัวบอบช้ำไปหมด"

     ทิ้งสังเวียนเลือดสู่ยอดนักกอล์ฟ

     หลังจากไม่ประสบความสำเร็จกับการขึ้นชกครั้งสุดท้ายที่โคราชในนัดนั้น บุญชู หันกลับมาหาสนามกอล์ฟอีกครั้ง กลับมาคราวนี้ บุญชู ได้งานเป็นแคดดี้ที่สนามกอล์ฟกองทัพบก บางเขน ถือเป็นความโชคดีของเด็กหนุ่มคนนี้เมื่อสนามแห่งนี้ไม่มีกฎข้อห้ามแคดดี้เล่นกอล์ฟ

     เขาทำหน้าที่เป็นแคดดี้ถือถุงไปด้วยออกรอบเล่นไปด้วย ส่งผลให้ฝีมือเริ่มดีขึ้น จนบรรดาแคดดี้ที่ออกรอบเล่นด้วยชักเห็นแวว ที่สำคัญฟอร์มไปเข้าตา "บิ๊กตุ่ม" นายสันติ ภิรมย์ภักดี เจ้าของเบียร์สิงห์ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ เลยยกไม้กอล์ฟชุดเล็กให้ชุดหนึ่ง และพัฒนาฝีมือดีขึ้นเรื่อย กระทั่งสอบคัดเลือกผ่านเข้าเป็นนักกอล์ฟทีมชาติอย่างน่าภาคภูมิ

     ผมดีใจมากทำให้มุ่งมั่นซ้อมมากขึ้น กระทั่งไปสอบได้เป็นนักกอล์ฟทีมชาติจนได้ โดยได้รับการสนับสนุนจาก "นายตุ่ม" มาตลอด เลยเป็นนักกีฬาในสังกัดของสิงห์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา"

     เขาทุ่มเทให้กับการเป็นทีมชาติเต็มที่ จนคว้าแชมป์สมัครเล่นรายการออสเตรเลียน อเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ และกลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกในรอบ 25 ปี ที่คว้าแชมป์บุคคลในการแข่งขันกอล์ฟปุตรา คัพ กอล์ฟระดับอเมเจอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย และยังจับคู่กับ ถาวร วิรัตน์จันทร์ คว้าแชมป์ประเภททีมมาครองได้ด้วย ทำให้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

     ก้าวสำคัญ... เทิร์นโปรวัยเกือบ 30

     จากนั้นเขาตัดสินใจเทิร์นโปรในปี 1986 ซึ่งตอนนั้นอายุเกือบ 30 ปีเข้าไปแล้ว และด้วยวงสวิงที่นุ่มนวล บวกกับความสุขุมรอบคอบ ทำให้บุญชูคว้าแชมป์มาครองหลายรายการในประเทศไทย ก่อนตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขัน ในเอเชียนทัวร์ และผู้บริหารของเอเชียนทัวร์ได้มอบเกียรติให้เป็นนักกอล์ฟอาชีพคนแรกที่ตีชอตเปิดการแข่งขันกอล์ฟทัวร์ระดับนานาชาติ รายการแรกของเอเชียนทัวร์ ในปี 1995 นั่นเอง

     จากความแข็งแกร่ง ทำให้เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมคว้าแชมป์ได้ถึง 5 รายการของเอเชียนทัวร์ ภายในระยะ เวลาเพียงสามปีเท่านั้น เริ่มจาก ลังกาวี โอเพ่น 1995, เมียร์มาร์ โอเพ่น 1996, เลกซัส อินเตอร์เนชันแนล 1996, เมียนมาร์ โอเพ่น 1997, เมอร์คิวรีส์ มาสเตอร์ส 1998, เคยทำเงินรางวัลสะสมเป็นอันดับ 2 ในออร์เดอร์ ออฟ เมริต ปี 1995 และติด 10 อันดับแรกในปี 1998

     โดยในปี 2004 ทำผลงานมีเงินรางวัลสะสมรวมทั้งปีติดใน 10 อันดับแรกอีกครั้ง และในปี 2004 นี่เองที่บุญชู คว้าแชมป์รายการไทยแลนด์ โอเพ่น มาครองอีกเป็นครั้งที่สอง กลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกที่เก็บแชมป์รายการนี้ได้ถึงสองสมัย ที่สำคัญกว่านั้นเขาคือหนึ่งในผู้เล่นของทีมเอเชียที่ทำผลงานช่วยทีม จนได้ชัยชนะเหนือทีมรวมดาราญี่ปุ่น ในการแข่งขัน วีซ่า ไดนาสตี้ คัพ ที่มิชชั่น ฮิลล์ส ประเทศจีน เมื่อปี 2005

     เข้าฮอล ออฟ เฟม เอเชียนทัวร์

     หลังจาก โปรบุญชู ป้องกันแชมป์เอเชียนทัวร์ได้สำเร็จ ในรายการเมียนมาร์ โอเพ่น และเข้าแข่งขันไทยแลนด์ โอเพ่น 2004 ก่อนที่เขาจะคว้าแชมป์รายการนี้ด้วยชัยชนะเฉือนคู่แข่งเพียง 2 สโตรก ชัยชนะครั้งนั้นทำให้บุญชู กลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ 2 ครั้ง (ครั้งแรกในปี 1992 ยัง เป็นรายการแข่งขันของไทย พีจีเอทัวร์) และยังเป็นนักกอล์ฟอาชีพที่อายุมากที่สุดที่คว้าแชมป์เอเชียนทัวร์ ด้วยวัย 47  ปีกับ 258 วัน บุญชูคว้าแชมป์ในเวทีเอเชียนทัวร์ 5 รายการ จากการลงเล่น 174 รายการ กลายเป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกที่ทำเงินรางวัลทะลุ 5 แสนเหรียญสหรัฐฯ และคว้าเงินรางวัลรวมกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยผลงานระดับนี้ เอเชียนทัวร์จึงได้ประกาศให้เป็นผู้ทรงคุณค่า รับรางวัล "ฮอล ออฟ เฟม" เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพของเอเชียนทัวร์ จนวันนี้เขาแทบเป็นสัญลักษณ์ของเอเชียนทัวร์ไปแล้ว

     กระหึ่มโลกคัดซีเนียร์พีจีเอทัวร์

     ปี 2006 บุญชู เรืองกิจ ในวัย 51 ปี ตัดสินใจไปแข่งขันคัดเลือกเข้าร่วมเล่นในซีเนียร์ แชมเปี้ยนทัวร์ ที่ว่ากันว่าเป็นทัวร์กอล์ฟอาชีพอาวุโสที่ดีที่สุดของโลก ซึ่งมีนักกอล์ฟมือดังๆ ของโลกร่วมอย่างคับคั่ง ที่สหรัฐอเมริกา (ยูเอสจีเอ) ทัวร์นี้ถือว่ามีเงินรางวัลมหาศาลให้ลุ้นตลอดทั้งปี

     เส้นทางนี้ในแชมเปี้ยนทัวร์ แค่ควอลิฟายผ่านยังลุ้นกันยาก แต่การแข่งขันกับนักกอล์ฟจากทั่วโลกที่แห่สมัครร่วมควอลิฟายด้วยมากกว่าพันคน โปรบุญชูกลับคว้าแชมป์ได้อย่างเหลือเชื่อ จนสื่อมวลชนจากทั่วโลกตีข่าวดังกระหึ่มในปี 2007 ทำให้เขาเข้าไปโลดแล่นในซีเนียร์ พีจีเอ ทัวร์ อย่างสง่างาม

     เขาเล่นแชมเปี้ยนทัวร์ได้แค่ 2 ปี ก็ต้องโชคร้ายเมื่อบาดเจ็บที่ข้อมือจนต้องบินกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทย หลังจากพักรักษาอาการบาดเจ็บข้อมือจนหายเป็นปกติ จึงเข้าร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ของเอเชียนทัวร์อีกครั้ง แต่เส้นทางอาชีพในวัย 53 ยังไม่หยุดลงแค่นี้ ต้นปี 2009 ตัดสินใจไปควอลิฟายอิ้งสกูล สอบคัดเลือกเพื่อเข้าไปเล่น ซีเนียร์แจแปนทัวร์ ที่ญี่ปุ่น ไม่ผิดหวังด้วยการคว้าแชมป์ในสเตจแรก และจบด้วยอันดับ 10 ในสเตจสุดท้ายได้สิทธิ์เล่นตลอดฤดูกาลทันที

     นักกอล์ฟมากประสบการณ์ กล่าวว่า "อาการบาดเจ็บที่ข้อมือ หรือปวดหลัง เป็นเรื่องปกติของนักกอล์ฟอาชีพ อยู่ที่ว่าจะเกิดขึ้นวันไหนเท่านั้นเอง กลับมาเล่นกับน้องๆ ในเอเชียนทัวร์ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ถึงแม้ว่าผลงาน จะไม่หวือหวา แต่นั้นทำให้เรามั่นใจมากขึ้น และรอวันที่จะกลับไปแชมเปี้ยนทัวร์อีกครั้ง" บุญชู ย้อนความหลังให้ฟัง

     และเดือนมีนาคม ปี 2010 โชคเป็นของบุญชูอีกครั้ง เมื่อได้รับเชิญเข้าร่วมแข่งขันรายการบรูไน ซีเนียร์ มาสเตอร์ส รายการยูโรเปี้ยน ซีเนียร์ รายการแรกในอาเซียนในฐานะนักกอล์ฟซีเนียร์ผลงานดีที่สุดของเอเชีย และคว้าแชมป์รายการนี้ได้ ถือเป็นการเปิดทางสู่ยูโรเปี้ยน ซีเนียร์ทัวร์ เต็มตัว สัปดาห์ถัดมาเข้าร่วมแข่งขันไทยแลนด์  ซีเนียร์ มาสเตอร์ส ที่สนามเดอะ รอยัลเจมส์ เขาคว้าแชมป์อีกครั้ง พร้อมทำสถิติสกอร์ต่ำสุด  21 อันเดอร์พาร์ 195 (วันที่ 14 มี.ค. เล่น 54 หลุม) และยังทำสถิติชนะอันดับสองมากที่สุดถึง 11 สโตรกตั้งแต่ทัวร์นี้เปิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1952

     จากนั้นเพียงสัปดาห์ถัดมาเขาไปคว้าแชมป์ได้อีกที่แอฟริกาใต้ ในรายการเบเรนเบิร์ก มาสเตอร์ส (วันที่ 28  มี.ค.) กลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกของยูโรเปี้ยน ซีเนียร์ทัวร์ ที่สามารถคว้าแชมป์สามรายการติดต่อกันตั้งแต่ "ทอมมี่  ฮอร์ตัน" นักกอล์ฟชาวอังกฤษเคยทำได้

     ความร้อนแรงยังมีอยู่ในตัว วันที่ 17 ตุลาคม คว้าแชมป์อีกเป็นรายการที่ 4 ในรายการเดนา อาบีส ซีเนียร์มาสเตอร์ส ที่สเปน จบฤดูกาลแข่งขันในปี 2010 เล่นทั้งหมด 17 รายการ แชมป์สี่รายการ ทำเงินรางวัลรวม 266,609 ยูโร หรือราว 10,664,360 บาท

     กลายเป็นนักกอล์ฟรุกกี้ยอดเยี่ยม และขึ้นเป็นมือหนึ่งของยูโรเปี้ยนทัวร์