ช็อก! พระเอกสุดฮอต ''ณเดชน์ คูกิมิยะ'' ไม่ใช่ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ตามที่หลายคนรับทราบตั้งแต่ต้น ด้านผจก. ''เอ-ศุภชัย'' รับเรื่องจริง! พ่อแท้ๆ พระเอกหนุ่มคือชาว ''ออสเตรีย'' ส่วนพ่อชาวแดนปลาดิบกับแม่ชาวขอนแก่นคือพ่อแม่บุญธรรม แต่แม่ที่แท้จริงก็ยังอยู่ด้วยกัน ลั่นไม่เคยปิดบัง ชาวขอนแก่นรู้เรื่องนี้ดี ผู้ใหญ่ช่อง 3 ก็รับทราบ เผยพระเอกชื่อดังรักและเคารพพ่อชาวญี่ปุ่นมาก และใช้นามสกุล ''คูกิมิยะ'' มาตั้งแต่เด็ก ทำให้คนคิดไปเองว่าเป็นลูกครึ่งไทย-แดนปลาดิบ วอนอย่าขุดคุ้ยอีก เพราะเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผจก.ชื่อดัง ชมเป็นเด็กดีมีความกตัญญู หวังฝากผีฝากไข้ในอนาคต

กลายเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ บนโลกไซเบอร์ไปเรียบร้อยแล้ว กรณีพระเอกดาวรุ่งพุ่งแรงของวิก 3 ''ณเดชน์ คูกิมิยะ'' หรือ ''แบรี่'' ไม่ใช่ลูกครึ่งไทย- ญี่ปุ่น  ที่มีแม่เป็นชาวขอนแก่นและพ่อชาวญี่ปุ่นตามที่ใครหลายคนรับทราบประวัติและข้อมูลส่วนตัวของเขามาตั้งแต่ต้น 

เมื่อมีเว็บไซต์หนึ่งตีข่าวว่า เคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่า ทำไมลูกครึ่งญี่ปุ่นของ ณเดชน์ถึงมีชื่อเล่นว่า ''แบรี่'' แทนที่จะมีชื่อเล่นค่อนไปทางญี่ปุ่น อย่างพวก ทาโร่ ทักกี้ เคนจิโร่ อะไรทำนองนั้น อีกทั้งหน้าตายังออกไปแนวฝรั่งมากกว่าตี๋แบบหนุ่มแดนปลาดิบ นอกจากนี้ ยังมีการรายงานข่าวออกมาอีกว่า พ่อที่แท้จริงของณเดชน์เป็นชาวเยอรมัน ส่วนพ่อชาวญี่ปุ่นที่เขาอยู่ด้วยในขณะนี้เป็นเพียงพ่อบุญธรรม ส่วนแม่ก็คือป้าแท้ๆ ของเขานั่นเอง ส่วนแม่ตัวจริงก็คือน้องสาวของป้า ที่ยกพระเอกหนุ่มให้กับป้าและสามีเพราะไม่มีทายาท และณเดชน์ก็ได้ใช้นามสกุล ''คูกิมิยะ'' ของพ่อบุญธรรม มาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเข้าวงการบันเทิง และหลายคนก็รู้จักเขาในฐานะพระเอกลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ต่อมามีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า แท้จริงแล้วพ่อที่แท้จริงๆ ของณเดชน์ไม่ใช่ชาวเยอรมัน แต่เป็นชาวออสเตรียต่างหาก

เกี่ยวกับความกระจ่างในเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง ''เอ'' ศุภชัย ศรีวิจิตร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มี.ค. 54 ว่าข่าวดังกล่าวจริงเท็จประการใด เรื่องนี้ ''เอ-ศุภชัย'' เผยว่าณเดชน์ไม่ใช่ลูกครึ่งญี่ปุ่นจริงๆ ตามที่มีรายงานข่าวออกมา พร้อมทั้งยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้ปิดบังอะไรใดๆ ทั้งสิ้น หากไปถามชาวขอนแก่นที่อยู่ละแวกเดียวกับพระเอกหนุ่มก็จะทราบเรื่องนี้ดี

''เรื่องไม่ใช่ลูกครึ่งญี่ปุ่นคือเรื่องจริงครับ เราไม่เคยปิดบัง ตัวน้องเองก็ไม่เคยปิดบัง ชาวขอนแก่นทราบเรื่องนี้ดี แม่ของน้องก็คือป้าของเขา ซึ่งแม่ที่แท้จริงของณเดชน์ก็คือน้องสาวของป้า พ่อชาวญี่ปุ่นเป็นสามีของป้า ที่รับณเดชน์เป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเสียหาย ณเดชน์เป็นเด็กดี เขาสามารถอยู่ได้โดยมีพ่อ 1 คน และแม่ 2 คน พร้อมๆ กัน เขารักและดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่เขาได้อย่างดี นี่คือสิ่งที่พี่เอรับรู้มาตลอด และตั้งใจที่จะดันเขาเข้าวงการเพราะเขาเป็นคนดี กตัญญูรู้คุณ สามารถที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่ของเขาทั้ง 3 คน ได้ ฉะนั้นพี่เอคิดว่า เขาก็จะเป็นคนที่พี่เอฝากผีฝากไข้ได้ในอนาคต เพราะเขาเป็นคนกตัญญูรู้คุณคน และเด็กๆ เยาวชน แฟนคลับเขาก็ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง''

ต่อข้อถามว่า แต่ว่าตั้งแต่เริ่มต้น เหมือนทุกคนก็รู้จักณเดชน์ว่าเป็นพระเอกลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น มาตลอด โดยที่ไม่มีใครออกชี้แจงว่ามันไม่ใช่ ก็ปล่อยเลยตามไปเลยไปแบบนั้นใช่หรือเปล่า  เรื่องนี้ ''เอ-ศุภชัย'' เผยว่า

''คือพี่เอว่าคงจะไม่มีใครมานั่งแนะนำว่า คนนี้เป็นพ่อบุญธรรมหรือแม่บุญธรรม เวลาแนะนำก็ต้องบอกว่าพ่อแม่ถูกไหมครับ น้องเองก็เลือกเกิดไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมาเขาก็ใช้นามสกุลคูกิมิยะ เขารักและเคารพคุณพ่อชาวญี่ปุ่นของเขามาก รักและมองเป็นไอดอล พ่อเขาสอนเขาให้เป็นเด็กดี ทำงานขยันอดออมและไม่ทิ้งการเรียน ฉะนั้นนามสกุลมันก็เหมือนเป็นตัวที่บอกไปแล้วว่าเขาคือ ลูกครึ่งญี่ปุ่น ไม่มีการปิดบังใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ''

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า ณเดชน์ทราบข่าวแล้ว กลัวคนจะมองว่าที่ผ่านมาโกหกไหม  ''เอ-ศุภชัย'' บอก ''ไม่เลยครับ อย่างที่บอกว่าชาวขอนแก่นทราบเรื่องทุกอย่าง เขาไม่ซีเรียสเลย มันไม่ใช่เรื่องนะครับ ผู้ใหญ่ช่อง 3 ก็ทราบเรื่องนี้ พี่เอว่าเยาวชนควรเอาเขาเป็นแบบอย่าง ทั้งที่รู้ว่าพ่อแม่ไม่ใช่แท้ๆ แต่เขายังดูแลอย่างดี ตรงนี้ถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่รักณเดชน์มากคนหนึ่ง รักเหมือนลูก ขนาดเขาทำงานเยอะขนาดนี้ เรียนเทอมล่าสุดยังได้เกรดเฉลี่ย 3.0 เลยนะครับ ซึ่งน้อยคนนะที่จะทำได้ ในขณะที่ทำงานไปด้วยหนักขนาดนี้''

''สำหรับณเดชน์ เขาทราบว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ตอนประมาณ ม.2 ม.3 เพราะรู้สึกว่าตัวเองหน้าตาไม่เหมือนญี่ปุ่น เพื่อนๆ ก็ถามและสงสัย เลยไปถามกับแม่เขา ทั้งพ่อและแม่ที่แท้ของณเดชน์ได้แยกทางกันไปตั้งแต่น้องเขายังจำความไม่ได้น่ะครับ  ซึ่งเจ้าตัวก็ยังไม่เคยเจอกับพ่อแท้ๆ เลย พี่เองไม่อยากให้นักข่าวหรือใครก็ตาม ไปสอบถามเรื่องนี้ เพราะเรื่องครอบคัรวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขา น่ะครับ'' เอ-ศุภชัย กล่าว