"ศึกศักดิ์ศรีแห่งเมืองแมนเชสเตอร์" หวนมาอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นคิวของฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดบนเกาะอังกฤษ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมจัด ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ศิลปินลูกหนังยืนหน้าเป้าหวังระเบิดฟอร์มตะบันตาข่าย "เรือใบสีฟ้า" ที่จะส่งดาวยิงชื่อเสีย มาริโอ บาโลเตลลี่ ลงดวลเพลงแข้งลุ้นเก็บชัยเหนือผีแดงเช่นกัน

ปรีวิวเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน 2554

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สนาม : เวมบลีย์

       โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีม เรือใบสีฟ้า หมายมั่นปั้นมือกับการผ่านเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ให้ได้ เพราะถือเป็นถ้วยใบเดียวที่มีลุ้นติดไม้ติดมือในฤดูกาลนี้

        ข่าวร้ายคือการขาด คาร์ลอส เตเวซ กัปตันทีม ที่อดเจอทีมเก่าแน่นอนแล้ว หลังจากเอ็นหลังหัวเข่าฉีกจากเกมที่แพ้ ลิเวอร์พูล 0-3 เมื่อวันจันทร์ คาดว่าต้องพักร่วมเดือน ซึ่ง มันโช่ ต้องคิดหนักว่าจะเลือก มาริโอ บาโลเตลลี่ หรือ เอดิน เชโก้ เป็นตัวแทน

        แต่ข่าวดีคือการกลับมาซ้อมของ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ หลังเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าจนหายหน้าไปถึง 3 สัปดาห์ ขณะที่ ปาโบล ซาบาเลต้า กลับมาจากไปเฝ้าพ่อที่ประสบอุบัติเหตุตั้งแต่เกมกับ ลิเวอร์พูล แล้ว แต่มีชื่อเป็นแค่ตัวสำรอง

        อย่างไรก็ตาม แนวรับยังขาด เยโรม บัวเต็ง กองหลังทีมชาติเยอรมัน ที่เข้ารับการผ่าตัดเข่า ปิดเทอมก่อนเพื่อน ทั้งที่ซีซั่นนี้ก็แทบจะไม่มีส่วนร่วมกับทีมอยู่แล้ว

        สองตัวหลักอย่าง ดาบิด ซิลบา กับ ไนเจล เดอ ย็อง ที่หลุดเป็นตัวสำรองในนัดที่แล้วที่ แอนฟิลด์ น่าจะทวงตำแหน่งตัวจริงของตัวเองคืนได้อีกครั้ง

       ระบบการเล่น 4-3-3 โจ ฮาร์ท เฝ้าเสา แนวรับใช้ ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ กองกลางมี ยาย่า ตูเร่, ไนเจล เดอ ย็อง, แกเร็ธ แบร์รี่ แดนหน้าวาง อดัม จอห์นสัน, ดาบิด ซิลบา, มาริโอ บาโลเตลลี่

        ทางฝั่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ ปีศาจแดง ยังต้องโทษห้ามคุมทีมข้างสนามเป็นนัดที่ 4 จากทั้งหมด 5 นัด ทำให้ ไมค์ ฟีแลน มือขวา กับ เรเน่ มิวเลนสตีน โค้ชทีมชุดใหญ่ ต้องทำงานหนักข้างสนามร่วมกันต่อ

      สภาพทีมยังไม่มี เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าตัวเก่ง ที่ติดโทษแบนเป็นนัดที่ 2 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายแล้ว หลังเจอข้อหาบสถคำหยาบใส่กล้องทีวี ทำให้โอกาสน่าตกถึง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เสียที หลังนั่งสำรองต่อเนื่อง ทั้งที่มีดีกรีผู้นำดาวซัลโว 21 ประตูในพรีเมียร์ลีก

        แนวรับยังไร้ จอนนี่ อีแวนส์ เซนเตอร์ฮาล์ฟกำลังเสริม ที่โดนใบแดงในเกมกับ โบลตัน ติดโทษแบนเป็นนัดที่ 3 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายแล้ว อย่างไรก็ตาม ราฟาเอล ดา ซิลวา แบ็กขวาบราซิเลียน น่าจะหายเจ็บเข่ากลับคืนทีมเสียที หลังไม่มีชื่อในเกมยุโรปกับ เชลซี เมื่อวันอังคาร

      ในราย ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ กองกลางร่างบาง ที่ป่วยปริศนา พักไปนานหลายสัปดาห์แล้ว ล่าสุดกลับมาลงซ้อมได้ก็จริง แต่ยังทำอะไรได้ไม่มาก คาดว่าต้องใช้เวลาอีกสองสัปดาห์กว่าจะกลับคืนทีมได้

        ระบบการเล่น 4-2-3-1 เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เฝ้าเสา แผงหลังใช้ ราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า กระเถิบขึ้นมามี ไมเคิ่ล แคร์ริค กับ พอล สโคลส์ คุมแดนกลาง แนวรุกวาง นานี่, พาร์ค ชี-ซอง, ไรอัน กิ๊กส์ ร่วมกันทำเกมอยู่ด้านหลัง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท - ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ - ยาย่า ตูเร่, ไนเจล เดอ ย็อง, แกเร็ธ แบร์รี่ - อดัม จอห์นสัน, ดาบิด ซิลบา, มาริโอ บาโลเตลลี่

        แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ - ราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า - ไมเคิ่ล แคร์ริค, พอล สโคลส์ - นานี่, พาร์ค ชี-ซอง, ไรอัน กิ๊กส์ - ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

       ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม
                                  แมนฯ ซิตี้ ชนะ                     เสมอ                แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ
ลีก                                          37                              49                                    58
เอฟเอคัพ                                2                                0                                      4
ลีกคัพ                                     3                                1                                      2
อื่นๆ                                        0                                0                                      1
รวม                                        42                               50                                    65

มันโช่มั่นใจบาโลจะเป็นฮีโร่เชือดผี

        โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กระตุ้น มาริโอ บาโลเตลลี่ หัวหอกแบดบอยชาติเดียวกัน พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส สวมบทฮีโร่ในเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เวมบลีย์ วันเสาร์นี้ เนื่องจาก คาร์ลอส เตเวซ กองหน้าตัวหลัก เจ็บจากเกมแพ้ ลิเวอร์พูล 0-3 วันจันทร์ที่ผ่านมา

       มันชินี่ ทุ่มเงินคว้า บาโลเตลลี่ มาจาก อินเตอร์ มิลาน พร้อมกิตติศัพท์ด้านลบ ซึ่งดาวยิงวัยรุ่นก็แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมแย่ออกมาเป็นระยะ และด้วยการที่วันเสาร์นี้ บาโลเตลลี่ จะถูกจับตามองมากขึ้น เมื่อ เตเวซ ลงไม่ได้ มันชินี่ จึงต้องกระตุ้น บาโลเตลลี่ ว่าจะสามารถใช้โอกาสนี้เอาชนะใจแฟนบอล "เรือใบสีฟ้า" ได้

        "เขาสามารถเป็นฮีโร่ได้ วันเสาร์นี้ ถ้าเขาได้เล่นมันจะเป็นโอกาสให้เขาได้ทำผลงาน และถ้าเขายิงประตูพาเราเข้ารอบชิงชนะเลิศ ปีนี้ของเขาจะเปลี่ยนไปเลย"

        "เขามีความสามารถที่จะทำแบบนั้นในเกมใหญ่ๆ ในเกมก่อนนี้กับ ซันเดอร์แลนด์ เขาก็เล่นดี แต่เกมกับ ลิเวอร์พูล หลังจากสกอร์มัน 3-0 แล้ว มันก็กลายเป็นเรื่องยากของนักเตะทุกคน ในเกมลีก 6 นัดถัดไป และในเกมรอบรองฯ กับรอบชิงฯ ผมหวังว่า มาริโอ จะยิงได้" มันชินี่ กล่าว

เชื่อแข้งเรือยังหนุนตนเต็มที่

        มันชินี่ ยืนยันต่อว่า ตนได้รับการสนับสนุนจากนักเตะในทีมอย่างเต็มที่ หลังมีข่าวว่าผู้เล่นในทีมอย่าง เจมส์ มิลเนอร์ และ มาริโอ บาโลเตลลี่ แสดงอาการไม่พอใจที่ถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองนัดพ่าย ลิเวอร์พูล 0-3 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

        มันชินี่ กล่าวว่า "ผมคิดว่านักเตะยังให้การหนุนหลังผม มันคงจะเป็นเรื่องที่โง่มากหากคิดเป็นอย่างอื่น เนื่องจาก ทั้งตัวผมเอง และนักเตะต่างมีโอกาสที่ดี มันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับนักเตะเหล่านี้ เพราะมันอาจจะเป็นการได้ถ้วยแชมป์ครั้งแรกของพวกเขา"

        "ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมมักจะเล่นเพื่อชัยชนะอยู่เสมอ สำหรับพวกเขาก็ด้วยเช่นกัน ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มันไม่สำคัญว่าใครจะได้เล่นในวันเสาร์ ทีมสำคัญกว่า และนักเตะทุกคนก็ให้การสนับสนุนผม"

      "ผมคิดว่านักเตะทุกคนรู้ดีว่าเราก้าวเข้าถึงช่วงที่สำคัญ สำหรับสโมสร พวกเรากำลังจะเล่นเกมสำคัญ และพวกเราก็สามารถผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้ หากเราเล่นได้ดี ดังนั้นนักเตะทุกคนจะต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ เราน่าจะมีความสุขในช่วงเวลานี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ดี เรามีการพัฒนาไปมากในแง่ของทีมตลอดหลายปีที่ผ่านมา"

       "เราเริ่มต้นด้วยฤดูกาลด้วยเป้าหมายที่ต้องการเป็นแชมป์ และผ่านเข้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป้าหมายทั้งสองก็รออยู่ข้างหน้าเรา สำหรับนักเตะบางราย มันอาจจะเป็นการได้ถ้วยแชมป์แรกของพวกเขา"

        "หากเราผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ พร้อมกับคว้าแชมป์ มันคงจะดีเหมือนกับที่เราได้โควต้าไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก และสภาพจิตใจที่นี่คงจะเปลี่ยน มันน่าจะมีความหมายต่อฤดูกาลต่อไปที่เราจะสู้อย่างเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์เพื่อเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้" มันชินี่ ร่ายยาว

สโคลส์หยันเรือยังไม่ใช่คู่แข่งผี

        พอล สโคลส์ กองกลางจอมเก๋าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมคู่แข่งร่วมเมือง อย่าแม้กระทั่งจะคิดว่าตัวเองเป็นคู่แข่งสำคัญของ "ปีศาจแดง" ก่อนหน้ามีคิวเจอกันในเอฟเอ คัพ รอบตัดเชือก ที่สนามเวมบลีย์ วันเสาร์นี้ เหตุเพราะถึงแม้จะได้เจ้าของรวยล้นฟ้า แต่ทัศนคติยังแย่ โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่นว่าสามารถเอาชนะได้ทุกทีม 

        นับตั้งแต่ได้เศรษฐีจากตะวันออกกลางมาเทกโอเวอร์ และมีการระดมทุนมหาศาลซื้อนักเตะมามากมาย ทำให้ ซิตี้ มุ่งหวังว่า ได้เวลาโค่นบัลลังก์ ยูไนเต็ด แล้ว แต่ตอนนี้ความหวังของพวกเขาเหลือแค่ขัดขวางอริร่วมเมือง จากการลุ้นคว้า 3 แชมป์เป็นครั้งที่สองเท่านั้น เพราะหมดลุ้นแชมป์อื่นๆ แล้ว ทั้งในลีก ที่โดนทิ้งห่างมากเกินไป ขณะที่ คาร์ลิ่ง คัพ กับ ยูโรปา ลีก ก็จอดป้ายหมดแล้ว

        สโคลส์ กล่าวว่า "บางทีนี่อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างทั้งสองทีม เรามีความเชื่อมั่นว่า สามารถชนะได้ทุกทีม แต่ ซิตี้ มีความเชื่อแบบนี้หรือไม่ ผมไม่มั่นใจเท่าไหร่"

        มิดฟิลด์วัย 36 บอกอีกว่า การทุ่มเงินเพื่อลุ้นทำอันดับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างที่ ซิตี้ กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ทำให้พวกเขายังไม่คู่ควรต่อการถูกยกให้เป็นก้างชิ้นสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ลงแข่งแต่ละปี ต้องลุ้นแชมป์เท่านั้น

        "เมื่อพวกเขาอยู่อันดับ 4 หรือ 5 หรือที่ไหนก็ตามในตารางลีก ผมไม่คิดว่าพวกเขาควรถูกยกให้อยู่ในระดับของคู่แข่งสำคัญได้ คู่แข่งสำคัญของเราคือ อาร์เซน่อล และเชลซี ผมคิดว่าที่ ซิตี้ ถูกยกให้เป็นคู่แข่งเพียงเพราะเมืองที่พวกเขาอยู่เท่านั้น ลิเวอร์พูล เองก็เหมือนกัน"

       "ด้วยการที่พวกเขามีเงินมีทอง มันอาจส่งผลมาช่วยเราด้วยซ้ำ เพราะมันอาจกลายเป็นตัวกระตุ้นเรามากขึ้นเวลาเจอกับพวกเขา"

        สโคลส์ เติบโตมาในฐานะแฟนบอลปีศาจแดง และตอนนี้ตัวเองกลายเป็นหนึ่งในตำนานของทีมไปแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยว่าเกมดาร์บี้แมตช์นั้นหอมยวนใจเสมอ "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เป็นเกมที่คุณคิดถึงมากเสมอ ในฐานะแฟนมันไม่มีเกมไหนใหญ่กว่านี้แล้ว"

        "คราวล่าสุดที่เจอกันมีเพียงประตูของ เวย์น รูนี่ย์ (ตีลังกายิง) เท่านั้นที่สร้างความแตกต่าง และช่วง 5-6 เกมมานี้ทั้งสองทีมสูสีมาก เรามักชนะพวกเขาในนาทีสุดท้าย ทั้ง ไมเคิ่ล โอเว่น, เวย์น ก็ทำเมื่อซีซั่นก่อน และผมก็ทำมาแล้ว"      

แกรี่ยันผีนิ่งเสมอเมื่อชนเรือใบ

        แกรี่ เนวิลล์ อดีตฟูลแบ็ก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อว่า ความนิ่งและความเก๋าเกมของพลพรรคนักเตะ "ปีศาจแดง" ที่แสดงให้เห็นมาครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น จะเป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่างอย่างชัดเจน เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แค้นร่วมเมือง ในเกม เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ เสาร์นี้  

        เนวิลล์ กล่าวว่า "บรรดาผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นพวกที่ใจเย็น พวกเขาไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้าควบคุมจิตใจ พวกเขาก็แค่ออกไปและเล่นฟุตบอล ซึ่งก็เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่เคยเล่นกับ ซิตี้ ในอดีต"

        "ปัจจัยหลักก็คือ การพยายามควบคุมจังหวะของเกมให้ได้ รวมทั้งต้องอดทนด้วย มันจะเป็นเกมที่ยากแน่ๆ ในการดวลกับคู่แข่งที่เก่งแบบนี้ และเป็นเกมที่มีการเดิมพันที่สูงมากๆ ด้วย แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้ตั้งหลายครั้งในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา"

        เนวิลล์ ยอมรับว่า ตนยังรู้สึกคิดถึงช่วงเวลาที่ลงเล่นให้ต้นสังกัด โดยระบุว่า "บางครั้ง ผมก็หวังว่า ผมจะได้ลงเล่น เพราะว่า พอคุณมาดูเกมแล้ว มันจะรู้สึกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง  คุณมีระดับของความกังวลที่แตกต่าง เมื่อคุณมองเกมในฐานะผู้ชม ซึ่งคุณไม่สามารถควบคุมมันได้และช่วยเหลืออะไรไม่ได้"

        "แต่ผู้เล่นจะเป็นเหมือนตัวแทนของสโมสรในรูปแบบที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขามีในใจอยู่แล้ว พวกเขาตั้งใจเต็มที่เพื่อสิ่งนี้ และพวกเขาก็มีสมาธิเช่นกัน"

มันชินี่หวังคว้าเอฟเอใบแรกเหมือนป๋า

        มันชินี่ ยังหวังว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเริ่มต้นความสำเร็จแรกจากเอฟเอ คัพ ในฤดูกาลนี้ เหมือนอย่างที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยทำมาแล้วเมื่อปี 1990 ซึ่งตอนนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เกือบตกเก้าอี้ผู้จัดการทีมมาแล้ว เพราะสโมสรไร้ความสำเร็จ

       "ผมให้ความเคารพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะพวกเขาคว้าแชมป์ทุกรายการมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา"

        "จุดเริ่มต้น พวกเขาก็คว้าแชมป์รายการนี้เพียงแค่ใบเดียว หลังจากรอคอยความสำเร็จมาอย่างยาวนาน และตอนนี้เราก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน"

       "เราสามารถทำอย่างที่ ยูไนเต็ด เคยทำเอาไว้ เรามีโอกาสแล้ววันเสาร์นี้ และเราน่าจะจบลงแบบมีความสุข" มันชินี่ กล่าว