"โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ รับมีหลายทีมทาบทาม แต่ยันจะเดินออกจากถิ่น แพท สเตเดี้ยม เป็นคนสุดท้าย โดยจะส่งให้เพื่อนๆ น้องๆ ในทีมออกไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ลั่นไม่ใช่คนทรยศ แต่เป็นวิถีของเส้นทางอาชีพ และทำนายว่าทีมการท่าเรือไทย จะเหลือเพียงแค่ตำนานเท่านั้น ขณะที่ พิเชฐ มั่นคง อดีตประธานสโมสร ชี้การแยกทางกับ ซูเปอร์ริช ถือเป็นกรรมของทุกฝ่าย ที่มีผู้ใหญ่ บริหารงานไม่เป็น ทำเหมือนกบอยู่ในกะลา

เรื่องราววุ่นๆ ของทีม "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี ยังไม่ได้บทยุติง่ายๆ ล่าสุดทางด้าน พิเชฐ  มั่นคง อดีตประธานสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ได้ออกมากล่าวเพิ่มเติม ถึงเรื่องของการขอใช้สนาม แพท สเตเดี้ยม ที่มีปัญหามาตลอด โดยเฉพาะการโดนกีดกันในเรื่องของห้องต่างๆ ที่ห้ามใช้ ว่า  

"จริงๆ แล้วเมื่อเราเช่า เราก็สามารถที่จะใช้ได้ทุกห้อง และทุกพื้นที่ มันเป็นหลักการเช่าง่ายๆ ยกตัวอย่าง เมื่อเราเช่าบ้านสักหลัง เจ้าของบ้านก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมายุ่งเกี่ยวกับบ้านที่เราเช่า นอกจากทำความเสียหายร้ายแรงเท่านั้น หรือดูอย่างด้าน บีอีซี เทโรศาสน ที่ไปขอเช่าสนามเทพหัสดิน ยังมีสัญญากันชัดเจนว่ากี่ปี และยังสามารถใช้งานได้ทุกพื้นที่ 

แต่นี่อะไรกับผู้ใหญ่ของการท่าเรือฯ ที่บริหารงานไม่เป็นเอาเสียเลย คุณไปเอาหลักการเช่าเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วมาใช้งานได้อย่างไร มันเหมือนอยู่ในกะลา ในกะลาเน่าๆ ที่ยังไม่ยอมออกจากกะลา และผมยังติดใจในสมาคมฟุตบอลฯ เมื่อตัดสิทธิ์ผมไปแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนชื่อใหม่ แต่ที่ผมไม่โวย ก็เพราะไม่อยากให้ทีมแตก"

    
                                                          แยกทางซูเปอร์ริชถือเป็นกรรมทุกฝ่าย 

เกี่ยวกับการที่ บ.ซูเปอร์ริช ได้ขอถอนตัวไม่สนับสนุนทีมต่อไปนั้น นายพิเชฐ มั่นคง เผยว่าในที่สุดมันก็ต้องแยกทางกัน ซึ่งถือว่ามันเป็นกรรมของทุกฝ่าย ที่ทางด้านการท่าเรือแห่งประเทศไทย ยังมีผู้บริหารแบบนี้ เป็นกรรมของนักเตะ และของโค้ชด้วย
 
แต่เรายืนยันว่าจะไม่มีการทิ้งนักเตะเด็ดขาด โค้ชเตี้ยเองก็ไม่ทิ้งทีมไปไหน ซึ่งเราจะหาสโมสรที่ดีให้กับนักเตะได้ไปประกอบอาชีพตามความฝันของตัวเอง ส่วนเรื่องเกี่ยวกับการเทกโอเวอร์นักเตะต่างๆ ให้กับสโมสรบุรีรัมย์ทั้ง 2 ทีมนั้นยังไม่รู้เรื่อง แต่ยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้งนักฟุตบอลแน่นอน

    
                                                                 "โค้ชเตี้ย" ให้ท่าเรือเคลียร์ให้จบ 

ด้าน "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ ผจก.ทีม "สิงห์เจ้าท่า" กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะพูดไปก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ในฐานะทำคนทีมแล้ว ก็จะทำหน้าที่ให้เต็มที่ต่อไป  

แต่ว่าทางผู้บริหารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ก็จะต้องเร่งเคลียร์ทุกอย่างให้จบภายในสัปดาห์นี้ ตอนนี้มันมีอะไรหลายอย่างคาราคาซังเหลือเกิน มันเป็นเรื่องปากท้องของนักเตะและสตาฟฟ์ทีมงานทุกคน ถ้าปัญหาไม่จบทุกคนก็ต้องโยกย้ายหางานใหม่ทำ

    
                                                          ยืดอกถ้าจะออกจากทีมขอเป็นคนสุดท้าย 

ผจก.ทีมจอมโวย กล่าวต่อว่า พวกตนและนักเตะทุกคนถือเป็นทีมงานของซูเปอร์ริช ที่เข้ามาบริหารทีม ไม่ใช่คนของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เมื่อนโยบายไม่ชัดเจน ก็ต้องไปตามระบบ และเพื่อเปิดทางให้ทุกคนได้อยู่ดีกินดีต่อไป เราจำเป็นที่จะต้องโยกย้าย และสโมสรการท่าเรือฯ ก็จะเหลือเพียงแค่ตำนานเท่านั้น ตรงนี้บอกได้เลย  

โดยถ้าทีมต้องแยกย้ายกันไป ในฐานะ ผจก.ทีม ก็จะขอส่งน้องๆ และเพื่อนๆ ไปก่อน ส่วนตนไม่ต้องห่วง เพราะมีหลายทีม ที่พร้อมจะอ้าแขนรับเข้าทำงานอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องห่วง

    
                                                                      ลั่นไม่ใช่คนทรยศแต่เป็นวิถีทาง 

"โค้ชเตี้ย" กล่าวย้ำอีกว่า ถ้าจะต้องจากทีมไปก็ฝากถึงแฟนบอลของการท่าเรือไทย เอฟซี ทุกคนด้วยว่า ไม่ใช่การทิ้งทีม และไม่ใช่เป็นการทรยศแต่อย่างใด มันเป็นวิถีทางที่จะต้องเลือก ซึ่งทีมงานทุกคนแสดงให้เห็นแล้วว่า เราเข้ามาตั้งใจกับการทำงานแค่ไหน และผลงานก็ประจักษ์ออกมาให้เห็นว่าช่วง 2 ปีการท่าเรือไทยประสบความสำเร็จอะไรบ้าง ถ้าเราต้องไป มันไม่ใช่การทรยศ แต่เราจากไปด้วยความสง่างามมากกว่า เมื่อมองจากผลงานที่เราสร้างขึ้นมา