"ฟีฟ่ายี" วรวีร์ มะกูดี ออกโรงปฏิเสธข้อกล่าวหาที่โดน อดีตนายกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ แฉว่าเป็น 1 ใน 4 เมมเบอร์ฟีฟ่าที่รับสินบน โดยเฉพาะเรื่องการขอลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดเกมอุ่นเครื่องระหว่างไทย กับ ทีมชาติสิงโตคำราม เพื่อแลกกับเสียงโหวตให้อังกฤษ เป็นเจ้าภาพบอลโลก 2018 โดยชี้ว่าเรื่องการดึงทีมชาติอังกฤษมาไทย ดำเนินการมานานแล้ว และเปิดเผยตลอด แต่ว่าทาง เอฟเอ ปฏิเสธที่จะไม่มาเอง ส่วนเรื่องของค่าลิขสิทธิ์ตามธรรมเนียม
 

จากการที่อดีตนายกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ลอร์ด เดวิด ทริสแมน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะรณรงค์หาเสียง หรือ "บิด" ขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2018 ได้ออกมาแฉถึงสาเหตุที่ประเทศอังกฤษ พลาดการเป็นเจ้าภาพด้วยการ เผยว่า มีคณะกรรมการบริหารสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า จำนวน 4 คน พยายามเรียกร้องผลประโยชน์จากอังกฤษ เพื่อแลกกับคะแนนเสียงในการโหวต

แต่ผลปรากฏว่า อังกฤษต้องอกหักเมื่อได้คะแนนเสียงเพียง 2 คะแนน จาก 22 เสียง ก่อนที่ รัสเซีย จะเป็นผู้ชนะโหวตได้เป็นเจ้าภาพ เวิลด์ คัพ 2018 ในท้ายที่สุด ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อของ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย รวมอยู่ด้วย โดยถูกระบุว่าเรียกร้องขอเป็นผู้ดูแลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอล นัดกระชับมิตร ระหว่างทีมชาติไทย กับ ทีมชาติอังกฤษ ที่ตกลงว่าจะมาเยือนเมืองไทย แต่ว่าแมตช์ดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปหลัง อังกฤษชวดเป็นเจ้าภาพบอลโลก

ล่าสุด "ฟีฟ่ายี" วรวีร์ มะกูดี เผยกับผู้สื่อข่าวข้ามทวีปมาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตนขอปฏิเสธข้อกล่าวหาของอดีตนายกฟุตบอลอังกฤษ อย่างสิ้นเชิง เพราะเรื่องของการเชิญทีมชาติอังกฤษ มาเตะกับทีมชาติไทย นั้นทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ดำเนินการมานานแล้ว และทำอย่างเปิดเผยมาตลอด โดยได้ส่งหนังสือไปเชิญทีมสิงโตคำรามอย่างเป็นทางการ และได้รับการตอบตกลงมาแล้วด้วย แต่ตอนหลัง ทาง เอฟเออังกฤษ มาเปลี่ยนใจเองและแจ้งหนังสือมาถึงเรา

ส่วนเรื่องอื่นๆไม่เคยมีการเจรจากันแม้แต่น้อย ดังนั้นเรื่องจะไปขอจัดการลิขสิทธิ์ถ่ายทอดทีวีอย่างที่ลอร์ด ทริสแมน กล่าวหามาจึงเป็นไปไม่ได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม นายกฯ วรวีร์ กล่าวต่อไปว่า หากเกมแมตช์นี้เกิดขึ้นจริง การถ่ายทอดสดการแข่งขันทุกอย่างก็จะเป็นไปตามกฎระเบียบของฟีฟ่า ซึ่งตามมารยาทแล้วประเทศไทยเราเป็นผู้จัดก็น่าจะได้เป็นผู้จัดการเรื่องของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย

ขณะเดียวกัน "ฟีฟ่ายี" ยังเผยถึงเรื่องของการเดินหน้าฟ้องศาลกีฬาโลก เรื่องของทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิก ที่โดนปรับแพ้จากทางฟีฟ่า ซึ่งรับข้อมูลมาจากเอเอฟซี จนทำให้ตกรอบคัดเลือก ก่อนที่ตัวเองจะหอบเอกสารไปให้ โมฮัมหมัด บิน ฮัมมัม ประธานเอเอฟซี ตรวจสอบ และพบว่าทางเจ้าหน้าที่ เอเอฟซี ผิดพลาดเอง ซึ่งคาดว่าจะทำให้ทีมไทยได้สิทธิ์ในการกลับมาเตะรอบสอง ของศึกคัดโอลิมปิก ที่จะพบกับ บาห์เรน ในเดือน มิ.ย. นี้ว่า ขณะนี้ตนได้ตั้งทนายและยื่นเรื่องเข้าไปยังศาลกีฬาโลก ที่สวิส เรียบร้อยแล้ว คาดว่าไม่น่าเกิน 1 สัปดาห์ นับจากนี้น่าจะรู้ผลการตัดสิน