ดูจะไม่ค่อยลักกี้อินเลิฟซักเท่าไหร่ สำหรับ นางแบบ และ นางเอกสาวก้านยาว ''บี'' น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ ที่เมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งปิดฉากรักกับ พระเอกหนุ่ม ''เคลลี่ ธนพัฒน์'' ที่กลายเป็นอดีตหวานใจ ไปหมาดๆ แต่ก็ใช่ว่าคนสวยอย่างสาวบีจะโสดสนิทอยู่ได้นาน เพราะเล่นมีข่าวคราวกับหนุ่มๆ ชนิดที่เรียกได้ว่า หัวบันไดไม่แห้งกันเลยทีเดียว

ส่วนเรื่องการงาน ไม่ต้องพูดถึง เพราะมีให้เห็นอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นงานเดินแบบ ถ่ายแฟนชั่น และงานละคร ที่ล่าสุดเตรียมโชว์ฝีมือกับละครเรื่องใหม่อย่าง ''พิษสวาท'' ประกบกับ หนุ่ม ''ป้อง-ณวัฒน์'' '' ที่อีกไม่นานเกินรอแฟนๆ ละครของสาวบีได้ชมกันอย่างแน่นอน
 เรียกว่า ถึงแม้จะเพิ่งสวมคอนเวิร์สเรื่องเลิฟๆ มา แต่เรตติ้งเรื่องหัวใจก็ดี มีหนุ่มๆ ไม่เคยขาด แถมเรื่องงานก็ยังมีไม่ขาดมือ โดยล่าสุด นิตยสาร ''สลิมมิ่ง'' คว้าชิ้นปลามันจับสาวบีไปถามไถ่ อัพเดตทุกเรื่องราวแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัว ที่รับรองได้ว่าเด็ดๆ มั่กมาก ส่วนจะเป็นอย่างไร จะรออยู่ทำไม ไปดูพอๆ กันเล้ย!

 ใกล้ลงจอให้ได้ดูกันแล้วกับละครเรื่อง ''พิษสวาท''?
 ''สำหรับเรื่องพิษสวาท เป็นละครผี แนวพีเรียด แนวนี้บีไม่เคยเล่นมาก่อนเหมือนกัน เรื่องนี้ได้เล่นกับ ''พี่ป้อง-ณวัฒน์'' เราก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว พี่ป้องเป็นคนง่ายๆ  เป็นกันเอง เราสองคนได้ร่วมงานกันตลอด ค่อนข้างสนิท รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว รู้ว่าเค้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ถือเป็นพี่ที่น่ารักคนหนึ่ง สำหรับเรื่องนี้บีรับบทเป็นผี ชื่อ สโรชินี ซึ่งในนิยายที่บีอ่านมา ไม่ได้เป็นผีน่ากลัว หรือต้องแต่งหน้าเละๆ นะ แต่จะเป็นผีสวยๆ มากกว่า (หัวเราะ) สำหรับเรื่องนี้ต้องทำการบ้านเยอะเหมือนกัน เพราะเป็นละครรีเมก ที่เค้าทำมาหลายรอบแล้ว ส่วนใหญ่ที่ทำออกมาก็ดีและดัง ประสบความสำเร็จหมด ส่วนในเวอร์ชั่นนี้ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง แต่เราก็ตั้งใจเล่นให้ดีที่สุด และอีกอย่างเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผี เกี่ยวข้องกับวิญญาณ เวลาทำงานเราก็ให้ความเคารพ ตั้งใจทำเต็มที่ แต่เราก็ไม่ได้กดดันตัวเองนะ บีคิดว่าการแสดงมันเป็นไปตามยุคสมัย ยุคของใครของมัน ส่วนเราก็เล่นไปในแบบของเรา สำหรับบีไม่ว่าจะเป็นละครรีเมก หรือไม่รีเมก บีก็ตั้งใจเล่นอยู่แล้ว เพราะเป็นงานของเรา คิดว่าคงออนแอร์ให้ได้ชมกันภายในปีนี้ค่ะ''

 
หลักในการรับงานแต่ละงานคืออะไร?
 ''เวลารับงานแต่ละชิ้น บีจะดูหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องความถนัด คอนเซปต์ และทีมงาน ยิ่งถ้าได้ร่วมงานกับทีมงานที่เราสนิทหรือซี้กัน เรื่องเงินหรือค่าตัวนี่แทบไม่ต้องพูดถึงเลย เรียกว่าทำงานด้วยใจเลยล่ะ อย่างงานถ่ายแฟชั่นของนิตยสาร LIPS ตอนนั้นที่ทำ เพราะบีค่อนข้างสนิทและไว้ใจทีมงาน ตอนที่ถ่ายก็ไม่ได้คิดว่าภาพจะออกมาโป๊ หรือดูแรง เพราะตัวเราเองไม่ได้เป็นคนที่มีรูปร่างเซ็กซี่อยู่แล้ว และสีหน้าแววตาท่าทางก็ไม่ได้จิกกัดหรือยั่วยวนอะไร เป็นแค่การถ่ายแฟชั่น เป็นงานชิ้นหนึ่งที่เราต้องรับผิดชอบ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ส่วนงานที่บีไม่ถนัดเลย ก็คือ งานพิธีกร และดีเจ เคยทำอยู่ช่วงหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ต้องออกมา เพราะเป็นงานที่ต้องควบคุมคนฟัง และเอ็นเตอร์เทนคนดูเยอะ แต่เราพูดไม่เก่ง เวลาอยู่หน้ากล้องแล้วขี้อาย ยิ่งมีสคริปต์ด้วย ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นไปใหญ่ จึงรู้สึกว่าเป็นงานที่ไม่เหมาะสำหรับเราเลย ถ้ามีงานแบบนี้ติดต่อมา บีก็ไม่อยากรับ กลัวไปทำงานเค้าล่ม เพราะเวลาบีทำอะไรแล้ว ต้องเต็มที่ และอยากทำให้ออกมาดีที่สุดค่ะ''

 
ได้อะไรจากการที่เรายืนอยู่ ณ จุดนี้มั่ง?
 ''วงการนี้สอนอะไรหลายๆ อย่างมาก ทั้งการพบปะผู้คน การเข้าสังคม ได้เจอคนหลากหลาย ทั้งดีและไม่ดี ที่สำคัญทำให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ มีประสบการณ์มากขึ้น กล้าคิดกล้าทำ และกล้าแสดงออก เวลามีปัญหาเข้ามาทำให้เรารู้จักแก้ปัญหาและเข้มแข็งมากขึ้นด้วย สำหรับหลักในการทำงานและการใช้ชีวิตอยู่ในวงการนี้ บีคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุด คือ ความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าเราจะดังหรือจะรวย ทำงานหาเงินมาได้มากแค่ไหน แต่เราต้องไม่ลืมตัวว่าเราเคยมาจากตรงไหน ถึงแม้เราจะทำงานในวงการมายา แต่ถ้าเราไม่เฟคตามไปด้วยก็จะดีต่อตัวเรา และไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน สำหรับการทำงาน บีมี''พี่นก สินจัย'' เป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต เนื่องจากเคยร่วมงานด้วยกันแล้ว รู้สึกว่าพี่นกเป็นผู้หญิงที่เก่ง สามารถแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ดี และพี่เค้าเป็นคนมีความรับผิดชอบสูงมาก ถือเป็นไอดอลเลยล่ะค่ะ (ยิ้ม)''

 
โดนข่าวฉาวมาไม่น้อย รู้สึกยังไงบ้าง?
 ''บีมีความรู้สึกว่าข่าวดาราสมัยนี้ กับสมัยก่อนไม่เหมือนกัน เวลาเราอ่านข่าวของดาราคนอื่นที่ไม่รู้จัก เราจะมีความรู้สึกไปก่อนเลยว่า จริงเหรอ ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้มั้ง แต่ความคิดของเราก็เชื่อข่าวไปแล้ว 80%  จนถึงตอนนี้เราอยู่ในวงการนานขึ้น เริ่มโตขึ้น และเจอกับข่าวที่มั่วเยอะมาก จึงทำให้เราคิดว่าข่าวบันเทิงเดี๋ยวนี้ไม่น่าอ่านเอาซะเลย แทบไม่อยากซื้อ หรือหยิบขึ้นมาดูเลยด้วยซ้ำ ยิ่งข่าวตามอินเทอร์เน็ตบางข่าวมั่วมาก ไม่มีอะไรที่น่าเชื่อถือได้เลย เพราะเคยโดนกับตัวเองมาแล้ว เราจึงเข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนเหมือนกัน พูดตรงๆ ว่าเวลามีพี่ๆ นักข่าวมาสัมภาษณ์ บีไม่อยากจะตอบเลยนะ เพราะบางครั้งพูดไปแล้ว เค้าก็ไม่ฟังในสิ่งที่เราพูด แต่กลับไปเขียนอีกอย่างหนึ่ง พอเราปฏิเสธ ก็หาว่าเราสตรอว์เบอร์รี บางครั้งบีก็เหนื่อยใจนะ ไม่รู้จะให้สัมภาษณ์ไปเพื่ออะไร ในเมื่อคุณไม่เคยจำ เมื่อก่อนอ่านข่าวแล้วรู้สึกโกรธ และไม่ชอบ แต่พอนานๆ ไป กลายเป็นความเบื่อหน่าย และรำคาญแทนแล้วล่ะ''

 
คิดว่าอะไรคือสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิต?
 ''สำหรับการใช้ชีวิตไม่ว่าบีทำอะไรจะคิดในแง่ดีไว้ก่อน หรือเวลามีเรื่องเครียด ไม่สบายใจ เราก็พยายามผ่อนคลายตัวเอง ไม่คิดมาก เวลามีปัญหาก็ปล่อยวาง หรือมองผ่านไปบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่แก้ไขปัญหานะ เพราะสุดท้ายเราก็ต้องจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ดี แต่บีจะค่อยๆ แก้ไปทีละปมมากกว่า บางครั้งอาจปรึกษากับคุณแม่ด้วย ซึ่งบีกับคุณแม่สนิทกันมาก รู้สึกโชคดีที่มีคุณแม่คอยดูแล อย่างเวลามีปัญหาอะไรสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง เรียกว่าเป็นคนที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตบีเลยก็ว่าได้ เมื่อก่อนคุณแม่จะโอ๋บีมาก เวลาไปไหนก็ต้องไปด้วยทุกที่ แต่พอเราโตขึ้น เค้าก็ให้เราตัดสินใจเอง เลือกเอง เพราะคิดว่าเราน่าจะจัดการชีวิตของเราได้แล้วทั้งเรื่องส่วนตัว และเรื่องงาน แต่ยกเว้นเรื่องเงิน บียังไม่กล้าดูแล เพราะรู้ตัวว่าถ้าเก็บเงินเองจะเก็บไม่ได้ ต้องมีคุณแม่คอยเก็บให้อยู่ เวลาอยากได้อะไรเป็นพิเศษ ก็ค่อยขอคุณแม่อีกที (หัวเราะ)''

 
ตอนนี้สถานะ ''โสด'' แล้วเป็นยังไงบ้าง . . . ได้มีโอกาสคุยกับ ''เคลลี่'' บ้างไหม ?
  ''ตอนนี้กับพี่เคลลี่ ไม่ได้เจอกันเลย รู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังนิ่ง เราต่างคนต่างมีงานที่ต้องทำ และรับผิดชอบมากขึ้น ก่อนหน้านั้นเราพยายามปรับจูนเข้าหากันแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้จริงๆ ยอมรับว่ามีทะเลาะกันบ้าง แต่ก็เป็นปกติของคนรัก บางทีเราขี้เกียจทะเลาะเลยหยุดก่อนดีมั้ย แต่พี่เค้าก็น่ารัก เอาใจใส่ดูแลเหมือนเดิมนะ เพียงแต่เรารู้สึกว่าบางทีเราอยากมีโลกส่วนตัวได้ทำอะไรบ้าง คิดว่าเล่นละครเสร็จอาจจะต้องอยู่กับครอบครัวมากขึ้น หรือบางครั้งทำงานเหนื่อยๆ เราก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับใคร ส่วนถ้าถามว่ามีโอกาสจะกลับมามั้ย อันนี้เป็นเรื่องอนาคต คงต้องดูกันต่อไป แต่ตอนนี้เราเหนื่อยกับงานมาก เวลาจะคุยกับเพื่อนก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลย เพราะฉะนั้นขออยู่กับตัวเองไปก่อน ยังไม่ได้มองใคร เพราะเวลาบีจะคบใคร บีก็อยากคบกับเค้าไปนานๆ ไม่อยากคบแล้วต้องเลิก เพราะมันคงไม่ดีทั้งตัวเราเองและคนที่เราคบด้วย''

 
ณ ตอนนี้ มุมมองความรักเป็นยังไง?
 ''บีมองว่าความรักเป็นสิ่งที่ดี และสวยงามเหมือนเดิม คิดว่าคนเราไม่สามารถขาดความรักได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม ส่วนในสถานะคนรัก บีคิดว่าความเข้าใจกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เวลาคุยกันแล้วเข้าใจ ไม่ใช่คุยกันทีไรก็ชวนทะเลาะทุกที เป็นแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เพราะรู้สึกเหนื่อยใจกันทั้งสองฝ่าย คงไปด้วยกันไม่ได้ ส่วนถ้าถามว่าคิดยังไงกับผู้ชายเจ้าชู้ บีไม่ได้แอนตี้อะไรนะ สมมติว่าเรารู้จักกันในระดับหนึ่ง เวลาไปเจอเพื่อนฝูงแล้วเค้าบอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน ก็โอเค แต่ถ้าวันหนึ่งเค้าบอกว่าเป็นแฟน และจะแต่งงานด้วย แต่ยังไปเจ้าชู้กับคนอื่น แบบนี้คงไม่ได้ เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นคนเจ้าชู้ แต่ยังไม่แต่งงาน แล้วยังเจ้าชู้อยู่ อันนี้ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เค้าก็ต้องหา หรือเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แต่สำหรับตัวบีเองไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้นะ ถ้าเราคบใครแล้ว เราก็เปิดเผย ถ้าจะคบกับคนนี้ เราก็บอก แต่ถ้าวันหนึ่งมันไม่ใช่เราก็จะบอกเหมือนกัน บีไม่ใช่คนที่ชอบคบใครหลายๆ คน และเป็นคนที่ชอบพูดตรงๆ ถ้าชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่อ้อมค้อม คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น เก็บอาการไม่ค่อยอยู่เท่าไหร่ (หัวเราะ)''

เป็นอีกหนึ่งสาว ที่มีมุมมองความคิดการใช้ชีวิตไม่น้อยทีเดียว ถึงว่าเรื่องการงานลื่นไหลไม่มีสะดุด ส่วนเรื่องรักคงต้องให้เวลาเจ้าตัวเค้าซักหน่อย อีกไม่นานเกินรอ น่าจะได้แฮปปี้ เพราะสวยๆ มีความสามารถเพียบอย่างนี้ โสดได้ไม่นานหรอกเชื่อเถอะ!