เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 มิ.ย. 54 ''คุณแม่อ้อย'' สรินยา ไชยเดช ได้เปิดใจกรณีข่าวลือลูกสาว ''พิงค์กี้'' สาวิกา ไชยเดช ตั้งท้อง ผ่านรายการบันเทิงชื่อดังอย่าง ''แฉแต่เช้า'' โดยสองดีเจคู่หูฝีปากกล้าอย่าง กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ และ ''มดดำ'' คชาภา ตันเจริญ เป็นผู้ซักถามเกี่ยวกับมรสุมข่าวฉาวที่ถาโถมเข้าใส่ตลอดช่วงระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา ข่าวลือว่าท้องนี่มันยังไง
 
''ไม่เป็นความจริงเลยค่ะ แต่ช่วงที่เราอยู่เมืองนอกก็พอรู้มาบ้างว่ามีข่าวลือลงหนังสือเล่มนู้นเล่มนี้ว่าน้องท้องอะไรต่างๆ นานา แต่โอเคเราก็เข้าใจล่ะว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่เราอยู่ในสังคมดารา มันก็จะมีข่าวอย่างนี้ แต่จริงๆ แล้วมันไม่เป็นความจริงเลย''

พิงค์กี้ทราบไหมว่ามีข่าวนี้เรื่องนี้เกิดขึ้น
''ก็ทราบค่ะ น้องก็ช็อกค่ะว่ามันเป็นไปขนาดนี้ได้ยังไง ก็บอกโอ้เป็นไปได้ถึงขนาดนี้ น้องก็ตกใจ คือไม่ได้คิดว่าจะมีคนไปพูดอะไรที่เกินเลยทำให้เราเสียหายขนาดนี้'' 
 
ทุกวันนี้ถูกสังคมตราหน้าแง่ลบรู้สึกอย่างไร
''ช่วยบอกหน่อยว่าหากเกิดกับครอบครัวคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร ซึ่งทางครอบครัวเราก็พยายามพูดให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้มีการตอบโต้กันไปมา บางอย่างแม่ก็ไม่สามารถที่จะไปอธิบายให้ใครฟังได้ว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร ซึ่งไม่ได้เสียหายแค่เรา แต่เสียหายถึงบุคคลอื่นด้วย ถึงเวลานี้ใครจะมองอย่างไรก็มองไป ขอเพียงครอบครัวและคนใกล้ชิดรู้ว่าลูกเราเป็นคนอย่างไรก็พอแล้ว''
 
บางกระแสบอกว่าแม่เป็นคนจัดฉากทั้งหมดหวังสบายในอนาคต
''โอ้โห พิงค์กี้ทำงานมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครมาเลี้ยงเราได้เท่าที่เราหาหรอกค่ะ บ้านเราค่อยๆ หาค่อยๆ สร้าง บ้าน รถยนต์เราค่อยๆ ผ่อนกันไปเหมือนชาวบ้านคนอื่นๆ ไม่มีอะไรที่เราจะไปซื้อด้วยเงินสดเลย เช็กดูได้ทุกบาททุกสตางค์'' 
 
ทำไมไม่ออกมาต่อสู้ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง 
''แม่พูดมาตลอด พิงค์กี้พูดมาตลอด แต่อย่าให้ต้องพูดอะไรกันอีกเลย ขอให้จบเพียงเท่านี้ แล้วแม่ก็ได้บอกพิงค์กี้ไปแล้วว่าไม่ต้องพูดอะไร เพราะบางสิ่งบางอย่างมันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราไม่ต้องอธิบายให้ใครฟัง ทุกคนมีเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล บางเรื่องเราพูดได้ บางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องไปอธิบาย แต่แม่รู้ว่าครอบครัวเราเป็นอย่างไร ลูกเราเป็นอย่างไร เราอย่าไปพูดถึงคนอื่นให้เยอะเรื่อง ใครพูดพูดไป แม่ถือว่าเราพูดน้อยที่สุด พูดมากก็เรื่องมาก ไม่พูดก็ไม่มีเรื่อง เราก็นิ่งมาตลอด แม่ไม่ได้โทษใครไม่เคยพาดพิงใคร สิ่งที่พิงค์กี้ต้องทำคืองาน เราต้องก้าวเดินต่อไป''
 
สาเหตุที่ละครเปลี่ยนตัวพิงค์กี้ออกเพราะทานกระแสสังคมไม่ไหว เป็นไปได้หรือไม่ที่พิงค์กี้กำลังจะหลุดออกจากวงการบันเทิงไทย
''อันนี้อย่าให้แม่ตอบเลย ถ้าต้องตอบมันก็มีเรื่องส่วนตัวเยอะแยะไปหมด ขอให้แล้วแต่คนจะเข้าใจ ขออนุญาตไม่พูดเรื่องนี้''
 
ปัจจุบันน้องทำงานอะไรบ้าง
''พอน้องไปเรื่องเต้นกลับมา ความตั้งใจของแม่เมื่อ 2 ปี คือเราต้องไปทำงานที่อินเดีย อยากให้ไปเรียนรู้งานใหม่ๆ ซึ่งเราก็ทำมาตั้งแต่ก่อนจะมีเรื่อง ส่วนจะมีผลงานที่เมืองไทยหรือไม่เรายังไม่รู้ ต้องหลังจากกลับจากการไปเปิดตัวภาพยนตร์ก่อน  ซึ่งเราจะไปเปิดตัวหนังในวันที่ 15 มิ.ย. ซึ่งน้องและแม่และทีมงานจะออกเดินทางในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ จากนั้นเราถึงจะรู้ว่าเราจะไปๆ มาๆ ระหว่างอินเดีย-ไทย หรืออย่างไร ตอนนี้ขอให้เราตั้งใจไปทำตรงนั้นก่อนดีกว่า''
 
มีกระแสข่าวว่าทางครอบครัวเตรียมฟ้องกลับฐานทำให้เสียหายใช่หรือไม่
''ก็คิดอยู่ แม่ก็มีปรึกษาบ้าง แต่ด้วยวิสัยของครอบครัวคือไม่อยากมีเรื่องมีราวกับใคร อีกอย่างเราไม่มีปัญญาที่จะไปขึ้นโรงขึ้นศาล มีผู้ใหญ่มาให้คำแนะนำว่าชนะจริง แต่เรามองเดี๋ยวมันจะยุ่งไปหมด แต่ ณ ตอนนี้เราก็ไม่รู้จะไปฟ้องเรื่องอะไรแหละ มันเยอะไปหมด'' 
 
จากกระแสข่าวคนสนิท บอกว่าเรื่องทั้งหมดมีดาราอยู่เบื้องหลังทำลายล้างจริงหรือไม่
''อันนี้ไม่ทราบ เราอย่าไปปรักปรำใคร ถ้าไม่มีหลักฐานเราก็อย่าไปกล่าวหาเขาเลย ในความคิดของแม่ไม่เคยคิดร้ายกับใครไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง บอกจริงๆ ว่าแล้วแต่จะพูดกันไป'' 
 
ตามที่ ''ธัญญ่า-เป๊ก'' ได้ตกลงวันหย่าเรียบร้อยแล้ว ทางพิงค์กี้จะเข้าไปเป็นหนึ่งครอบครัวเขาหรือไม่
''(หัวเราะ) 4-5 ปีจากนี้พิงค์กี้ต้องทำงาน เรายังไม่ให้เขาไปมีครอบครัวหรืออะไรหรอก ลูกเรายังเด็กอย่าเพิ่งคิดกันไปไกล ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา พิงค์กี้อายุเพิ่ง 25 ปีเอง เป้าหมายของเขาคือต้องทำงาน เขาไม่ได้คิดเรื่องที่จะมีคู่หรืออะไร'' 
 
ปัจจุบันพิงค์กี้มีแฟนหรือไม่
''น้องทำแต่งานบอกไม่ขอยุ่งอะไรแล้ว ไม่คิดที่จะมีแฟนตั้งใจที่เรียนให้รู้เยอะๆ ทั้งภาษาอังกฤษ'' 
 
ทุกวันนี้มีทั้งกระแสเห็นใจ และกระแสสร้างภาพแม่รู้สึกอย่างไร
''แม่ไม่ใช่คนสร้างภาพ แม่ไม่จำเป็นที่จะต้องไปสร้างภาพอะไร ตอนนี้มันมีอะไรที่เราต้องมาสร้างภาพอีกค่ะ ขอให้การสัมภาษณ์นี้เป็นครั้งสุดท้ายไม่ขอพูดอะไรอีกแล้ว ไม่จำเป็นเลยที่ต้องมาพูดอะไรให้มากมาย จบๆ ไปเหอะ ชีวิตของใครของมัน ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหา อยู่ที่จะต้องแก้ไข'' 
 
จากคลิปเสียงที่หลุดออกมามีโอกาสได้ฟังหรือไม่
''ฟัง (ลากเสียง) แม่ก็บอกคนที่อยากรู้ให้ไปถามคนที่ปล่อยสิ แม่รู้หรอกไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ''
 
แม่คิดว่าใครเป็นคนปล่อยออกมา
''ไม่พูดหรอกค่ะ อันนี้แม่ไม่ขอพูดเลยค่ะ แต่ถ้ารู้ก็คงเอามันเข้าคุกไปแล้วค่ะ'' 
 
จากนี้ครอบครัวไชยเดชจะเดินไปอย่างไร
''เราก็ต้องยืนอยู่ให้ได้ เดี๋ยวความจริงมันก็ปรากฏออกมาเอง แม่ต้องกินต้องใช้ ครอบครัวต้องดำเนินต่อไปแล้วก็ต้องคิดว่าจะทำอะไรกันต่อไป''