ตระกูล เกลเซอร์ เจ้าของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมขายหุ้นสโมสรมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่านตลาดหุ้นสิงคโปร์ โดยใช้ระบบแบ่งนักลงทุนเป็น 2 ชนชั้น เพื่อป้องกันการถูกกว้านซื้อ ขณะที่ พอล เดวิดสัน หนึ่งในผู้ถือตั๋วปีของทีม "ปีศาจแดง" เชื่อเรื่องดังกล่าวเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของเศรษฐีอเมริกัน

   ตระกูล เกลเซอร์ เจ้าของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมปล่อยขายหุ้นของสโมสรมลค่าราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 30,000 ล้านบาท) ผ่านตลาดหุ้นประเทศสิงคโปร์ โดยใช้ระบบการแบ่งผู้ที่สนใจจะเข้าซื้อหุ้นของทีม "ปีศาจแดง" เป็น 2 ชนชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเข้ากว้านซื้อของนักลงทุนรายใดรายหนึ่ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อฐานอำนาจของมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน

   ขณะที่ ดันแคน ดราสโด ประธานกลุ่ม "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซัพพอร์เตอร์ส ทรัสต์" ออกมาตำหนิระบบการแบ่งชั้นวรรณะของผู้ที่สนใจเข้าซื้อหุ้นทีม "เร้ด เดวิลส์" โดยเผยกับสำนักข่าว "รอยเตอร์ส" ว่า "มันเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังสุดๆ ชัดเจนว่าความเข้มข้นในการควบคุมอำนาจในการถือหุ้นส่วนใหญ่โดยนักลงทุนเพียงรายเดียวเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนรายอื่นๆ ที่สนใจจะวางเงินลงทุนกับหุ้นตัวนี้"

 สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการที่จะระดมทุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศ เพื่อนำเงินมาชดใช้หนี้สินจำนวนเฉียด 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 15,000 ล้านบาท) ทว่า การกระทำดังกล่าวก็ยังไม่ช่วยให้แฟนบอลของราว 333 ล้านคนทั่วโลก ลดกระแสต่อต้านที่มีต่อตระกูล เกลเซอร์ ที่เข้ามาฮุบกิจการของสโมสร เมื่อปี 2005

   ดราสโด กล่าวต่อว่า "เราต้องการเห็นกำไรส่วนใหญ่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หามาได้ถูกนำกลับมาใช้กับสโมสร มันมีประโยชน์มากมายหากจะนำเงินกำไรดังกล่าวมาใช้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากกว่าที่จะส่งเงินกลับไปยัง ฟลอริด้า หรือไปจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ที่ตระกูล เกลเซอร์ สร้างขึ้น หรือแม้กระทั่งไปจ่ายเป็นเงินปันผลให้ตามการประเมิน ไอพีโอ"

  ด้าน พอล เดวิดสัน หนึ่งในผู้ถือตั๋วปีของ แมนฯ ยูไนเต็ด ร่วมวิจารณ์การกระทำของตระกูล เกลเซอร์ โดยกล่าวว่า "พวกเขา (ตระกูล เกลเซอร์) จะยังคงควบคุมสิ่งต่างๆ รวมถึงเครื่องมือทางการเมืองไว้อยู่ โดยพวกเขามีข้อแก้ตัวว่าได้ยอมจ่ายเงินลงทุนในจำนวนที่เหมาะสมในการคว้าตัวผู้เล่น 3 ราย ในช่วงเปิดตลาด (แอชลี่ย์ ยัง, ดาบิด เด เคอา และ ฟิล โจนส์) ซึ่งเป็นการกระทำเหมือนๆ กับที่พวกเขาเคยทำมาก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ครั้ง แต่ผมก็ยังคงมีข้อกังขาต่อเรื่องนี้อยู่ดี"

  "ผมไม่สามารถขจัดความรู้สึกถึงเล่ห์เหลี่ยมของพวกเขา ผมยังไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะสร้างผลกำไรให้กับสโมสร พวกเขา (ตระกูลเกลเซอร์) จะยังคงไม่สนใจสิ่งที่ผู้คนคิดกันหรอก" เดวิดสัน ทิ้งท้าย