ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
หน้าแรก » กีฬาอื่นๆ » วงการมวยไทยเศร้าสมเดชเสียชีวิตด้วยโรคชรา

วงการมวยไทยเศร้าสมเดชเสียชีวิตด้วยโรคชรา

Posted 05/11/2011 by siamsport

 

ปิดตำนาน "ซ้ายฟ้าผ่า" สมเดช ยนตรกิจ ยอดมวยไทยกำปั้นประลัยกัลป์แห่งแคมป์ยนตรกิจ ที่โลดแล่นทั้งมวยไทยและมวยสากลอาชีพ เสียชีวิตในวัย 82 ปี โดยสงบที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยจะมีพิธีรดน้ำศพใน วันเสาร์ที่ 5 พ.ย.นี้ ณ วัดน้อยนพคุณ ราชวัตร เผยเป็นสุดยอดนักชกในยุคแรกๆ ของสนามมวยราชดำเนิน และ เคยเป็นแชมป์มวยสากลโอพีบีเอฟหรือสหพันธ์มวยภาคตะวันออกและแปซิฟิก

ข่าวการสูญเสียอดีตยอดมวยไทยผู้เป็นตำนานอีกคน หนึ่งของวงการมวยเมืองไทย โดยผู้สื่อข่าวมวยสยาม-สยามกีฬาได้รับการเปิดเผยจาก อำนวย เกษบำรุง หรืออดีตนักมวยเก่า อวยชัย ลูกมาตุลี ประธานมูลนิธินักมวยเก่าว่าตนได้รับแจ้งจากญาติของ สมเดช ยนตรกิจ เจ้าของฉายา "ซ้ายฟ้าผ่า" ผู้เกรียงไกรในอดีตได้เสียชีวิตแล้วโดยสงบเมื่อช่วงสายของวันศุกร์ที่ 4 พ.ย. 2554 ที่ผ่านมา

 ขณะเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลหทารผ่านศึก ถ.วิภาวดีรังสิต ทั้งนี้ จะมีพิธีรดน้ำศพในวันนี้ (เสาร์ 5 พ.ย. 2554) ณ วัดน้อยนพคุณ ราชวัตร กำหนดฌาปนกิจในวันเสาร์ 12 พ.ย. 2554 
   
มวย สยาม-สยามกีฬา ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจาก สิงห์ศักดิ์ เกียรติเมืองยม อดีตนักมวยอีกคนหนึ่งในฐานะนายทะเบียนมูลนิธินักมวยเก่าว่าได้รับทราบข่าว การเจ็บป่วยของสมเดชจากทางญาติของสมเดชมาหลายวันแล้ว โดยสมเดชไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไร เป็นเพียงโรคชราในวัย 80 กว่าเท่านั้น

โดยก่อนนำส่งโรงพยาบาลมีอาการแน่นหน้าอก พูดไม่ได้ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ถ.วิภาวดี ในฐานะเคยเป็นทหารผ่านสมรภูมิรบมาก่อน เข้ารับการรักษาตัวอยู่ประมาณ 4-5 วัน ก็เสียชีวิตโดยสงบ ทิ้งตำนานความยิ่งใหญ่ในฐานะนักชกกำปั้นประลัยกัลป์ไว้ข้างหลัง

สำหรับ ประวัติของสมเดช มีชื่อนามสกุลจริงว่า สำรวย ธานี เจ้าตัวเคยเปิดเผยในคอลัมน์ย้อนอดีตสู่ปัจจุบันในนิตยสารมวยสยามรายสัปดาห์ เมื่อร่วม 10 ปี ก่อนว่า ตัวเขาเองเกิดวันที่ 2 มิ.ย. 2474 แต่ข้อมูลในวิกิพีเดียลงว่าเกิดวันที่ 15 พ.ค. 2472  เป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี คุณพ่อชื่อแก่น เป็นคนอุบลฯ พบรักกับคุณแม่ชื่อ ธานี คนสุพรรณบุรี

ตอนเกิดเป็นจังหวะที่มีพระมาบิณฑบาตพอดี อยู่ที่ ต.ไผ่ขวาง จ.สุพรรณบุรี ก่อนจะย้ายถิ่นฐานไปอยู่อุบลฯ บ้านเกิดของบิดา ประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ ฐานะทางบ้านลำบากจึงได้ตัดสินใจชกมวยตอนอายุ 19 ปี ชกครั้งแรกใช้ชื่อว่า สำรวย ควรตั้ง (นามสกุลของครูกู้ ครูมวยคนแรก)

ประเดิมสังเวียนด้วยการต่อยหมัดซ้ายทีเดียวเอาชนะน็อกคู่ชก แค่ยกแรก ได้ค่าตัว 15 บาท จากนั้นชกแถวอุบลฯ และใกล้เคียงอีก 18-19 ครั้ง ปรากฏว่าเอาชนะน็อกด้วยกำปั้นทุกครั้ง ชนิดไม่เคยปราชัยต่อนักชกคนไหนหรือชนะคะแนนเลย ชกที่อุบลฯ จนไม่มีคู่ จึงมาอยู่ที่โคราช ตระเวนชกอีกช่วงหนึ่งจนได้เข้าไปอยู่ในสังกัดสมานฉันท์ของ ครูฉันท์ สมิทติเวช เปลี่ยนชื่อเป็น สำรวย สมานฉันท์ ขึ้นชกเวทีราชดำเนินได้ค่าตัวครั้งแรก 600 บาท โดยชกราชดำเนินเอาชนะน็อกคู่ชกอีก 15 ครั้งรวด จากนั้นย้ายไปอยู่ค่ายยนตรกิจ ของ ตันกี้ ยนตรกิจ คว้าแชมป์มวยรอบ 7 สิงห์ทอง ประเดิมค่ายใหม่อย่างสวยงาม ได้รางวัลเป็นเสื้อสามารถเวทีรราชดำเนิน

 นอกจากนี้ เคยได้รับรางวัลเสื้อสามารถเรเดียมบอมบ์ ซึ่งแม่ทัพภาค 1 พลโท ถนอม กิตติขจร ในขณะนั้นเป็นผู้มอบให้ ซึ่งยังคงเก็บรักษาไว้จนถึงขณะนี้
  
ชัยชนะที่ยิ่ง ใหญ่ที่สุดในชีวิตการชกมวยคือการเอาชนะน็อก "ม้าสีหมอก" ประยุทธ อุดมศักดิ์ ได้แชมป์มวยรอบ 5 เสือ ซึ่งประยุทธ์นั้นถือว่าเป็นยอดมวยอีกคนหนึ่ง แต่กลับผูกปีแพ้สมเดชตลอด 3 ครั้ง ที่เจอกัน โดยเป็นการโดนน็อกทั้งสามครั้งด้วยกัน

 ครั้งแรกยก 1 ครั้งที่ 2 ย้ายไปชกธรรมศาสตร์ยก 3 แม้กระทั่งครั้งสุดท้ายหมด 4 ยกสมเดชทำอะไรไม่ได้เลย โดนเตะล่อเป้า แต่กลับพลิกล็อกชนะน็อกยกสุดท้ายอย่างเหลือเชื่อ เคยปะทะกับนักมวยดัง ทั้ง สุรชัย ลูกสุรินทร์, ถวัลย์ วงศ์เทเวศน์, นิตย์ สุริยะ, ศักดิ์ชัย นาคพยัคฆ์, เปลี่ยน เสมาทอง
 
จากการชกมวย ไทยจนแทบไม่มีคู่ชก พล.ต.เอิบ แสงฤทธิ์ จึงให้เบนเข็มชกมวยสากลอาชีพ ถึงขนาดคว้าแชมป์ภาคหรือโอพีบีเอฟรุ่นเวลเตอร์มาครอง ก่อนจะแพ้น็อกต่อ ยอร์จ บาร์น ในยก 9 แบบหมดทางาสู้ จนสุดท้ายฟอร์มตกต่ำ สภาพร่างกายบอบช้ำ

 ตรวจพบเป็นหนองในขั้วตับจึงจำต้องแขวนนวม ซึ่งเมื่อแขวนนวมแล้วไปเป็นทหาร ติดยศสิบโท ก่อนลาออกจากราชการไปประกอบอาชีพอีกหลายอย่าง ทั้งทำงานแอร์อเมริกา ส่งของที่เวียงจันทน์ ทำงานบริษัทไทยอินเตอร์ เป็นนหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยโรงแรมอินทรารีเจ้นท์  เป็นหัวหน้าคนรับบรรทุกที่ซาอุฯ  จนสุดท้ายกลับมาพักอาศัยที่บ้านในซอยสันติสุข เขตดุสิต กับครอบครัวอย่างมีความสุข
 
 ส่วนชีวิตครอบครัวแต่ง งาน ย่าสมนึก ธานี ตอนอายุ 21 ปี มีลูก 3 คน คนโตมีแฟนเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน คนที่สองทำงานสหยูเนียน และคนสุดท้องทำงานฝ่ายช่างการบินไทย ลูกๆ หลานๆ เคยชักชวนให้ไปอยู่อเมริกา แต่ไม่ยอมไป ขอใช้ชีวิตในเมืองไทย มีความสุขตามอัตภาพ โดยอยู่กับลูกๆ หลานๆ บ้างก็แวะเวียนมาเยี่ยมบ่อยๆ ออกงานสังคมบ้างตามโอกาสโดยเฉพาะการเข้าร่วมกับมูลนิธินักมวยเก่า สนามมวยไม่ค่อยได้เข้าบ่อยครั้งนัก เริ่มเจ็บออดๆ แอดๆ ก่อนจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก จนกระทั่งเสียชีวิตโดยสงบในวัย 82 ปี ทิ้งตำนานความยิ่งใหญ่ไว้ข้างหลังในฐานะนักชกกำปั้นประลัยกัลป์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »