พิธีรดน้ำศพ "ซ้ายฟ้าผ่า" สมเดช ยนตรกิจ สุดเงียบเหงา มีเพียงญาติพี่น้อง ลูกชายอีก 2 คน เท่านั้น ปราศจากคนวงการมวยหรือนักมวยเก่า ด้วยเหตุน้ำท่วมหนักทำผู้เกี่ยวข้องอพยพหนีภัยไปอยู่ต่างจังหวัด บ้างไม่สะดวกกับการเดินทาง ครอบครัวเข้าใจดี แต่ก็อยากเห็นคนวงการมวยมาร่วมกันไว้อาลัยในฐานะสมเดชเคยสร้างชื่อเสียงทั้ง มวยไทย และมวยสากลอาชีพ

 จากการเสียชีวิตของ "ซ้ายฟ้าผ่า" สมเดช ยนตรกิจ ตำนานมวยกำปั้นมหาประลัยที่เป็นทั้งนักมวยไทยชื่อดังในยุคแรกๆ ของเวทีราชดำเนิน และมื่อชกมวยสากลอาชีพก็เป็นถึงแชมป์โอพีบีเอฟหรือแชมป์ภาคตะวันออกไกลและ แปซิฟิกได้เสียชีวิตโดยสงบด้วยโรคชราในวัย 82 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก

  หลังจากเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นเวลาหลายเดือน นับเป็นการปิดตำนานความยิ่งใหญ่ชั่วนิจนิรันดร์ ดังที่ "สยามกีฬา" ได้นำเสนอไปแล้ว

   เมื่อเวลา 16.00 น. เมื่อวันเสาร์ที่ 5 พ.ย. 2554  ได้มีพิธีรดน้ำศพที่วัดน้อยนพคุณ ราชวัตร ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้ๆ กับค่ายยนตรกิจในอดีต บรรดานักมวยจากแคมป์นี้บางครั้งก็ทำการฟิตซ้อมภายในวัดแห่งนี้ด้วย ทั้งนี้มี พล.ต.สมศักดิ์ กุสุมภ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพซึ่งปรากฏว่ามีเพียงภรรยา นางสมนึก ธานี พร้อมญาติๆ ไม่กี่คนกับลูกชายสองคนและหลานๆ เท่านั้น

  โดยลูกสาวคนโตทราบข่าวแล้วแต่ยังอยู่ที่อเมริกากับครอบครัว ยังเดินทางมาไม่ถึง โดยนางธานีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากพยายามทำใจอย่างเต็มที่ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่าถือเป็นสัจธรรม ร่างกายมนุษย์มีเกิดมีดับ อายุของสมเดช 82 ปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข โดยในช่วงหลังๆสมเดชเจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด จนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ตนก็ทำใจมาตลอด

  "พ่อเขาไปสบายแล้ว เราต่อสู้ด้วยกันมา ใช้ชีวิตร่วมกันมาร่วม 60 ปี ตั้งแต่ตอนแม่อยุ 19 ปี เท่านั้น ชีวิตคนเราก็เท่านี้แหละ เกิดแก่เจ็บตายเป็นสัจธรรม แม่ทำใจได้ ไม่คิดอะไรมาก "นางสมนึก ศรีภรรยาของสมเดชกล่าว ในขณะที่ลูกชายทั้งสองคนพากันหลั่งน้ำตาออกมาโดยกล่าวว่าได้ทำใจมาบ้างแล้ว เพราะคุณพ่อเจ็บป่วยมานานรักษาตัวหลายเดือนแล้ว

 ส่วนการที่ไม่มีคนวงการมวย อดีตนักมวยเก่ามาร่วมงานด้วยเลยนั้น ทางลูกๆ ตลอดจนนายปรีชาซึ่งเป็นน้องเขยกล่าวว่า ไม่รู้สึกเสียใจอะไร เพราะว่าตอนนี้เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก ต่างเดินทางกันไม่สะดวก บ้างต้องหนีภัยน้ำท่วมไปต่างจังหวัด อย่าง อ.บุญส่ง หรือ เขียวหวาน ยนตรกิจ รุ่นน้องร่วมค่ายตนได้โทร.แจ้งข่าวแล้วปรากฏว่าหนีน้ำไปอยู่ อ.จอมบึง 

 อย่างไรก็ตาม ยังมีงานสวดพระอภิธรรมอีกหลายวันก่อนฌาปนกิจในวันเสาร์ที่ 12 พ.ย. ก็ยังอยากเห็นคนวงการมวย ตลอดจนอดีตนักมวย เพื่อนๆ นักมวยที่มีชีวิตมาร่วมงานเป็นการไว้อาลัยให้กับสมเดชด้วย

   "ต้องขอบคุณผู้สื่อข่าวสยามกีฬาด้วยที่ช่วยนำเสนอข่าวการ เสียชีวิตของสมเดช เป็นฉบับแรกและฉบับเดียว ขอบคุณมากๆ ครับ" นายปรีชา ในฐานะน้องเขยกล่าว    
      

  พ.อ.บุญส่ง เกิดมณี หรือ เขียวหวาน ยนตรกิจ เจ้าของฉายา "ซ้ายฟ้าฟาด" ซึ่งเป็นรุ่นน้องร่วมค่ายได้เปิดเผยขณะที่ตัวเองกำลังออกจากกรุงเทพฯ เพื่อไปพักที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี หลบภัยน้ำท่วมเมืองกรุงว่า ทราบข่าวการเสียชีวิตของสมเดชจากคุณปรีชาที่เป็นน้องเขย ตนรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ไปร่วมงานรดน้ำศพ แต่ตั้งใจว่าจะไปงานฌาปนกิจในวันที่ 12 พ.ย. ได้มีโอกาสเจอกันในช่วงหลังในงานสังสรรค์นักมวยเก่าบ้าง

 โดยสมเดชเป็นศิษย์รุ่นพี่ร่วมสำนักค่ายยนตรกิจของเตี่ยตัน กี้ ยนตรกิจ ช่วงนั้นมี สายเพชร,ทองใบ, ทินกร เป็นนักมวยร่วมยุคมีชื่อเสียงโด่งดัง โดยตอนที่สมเดชกำลังดังๆ ตนเพิ่งจะเข้าไปเป็นลูกศิษย์ของยนตรกิจ มีหน้าที่อย่างหนึ่งคือต้องไปปลุกนักชกรุ่นพี่ๆ ตอนเช้ามืดพร้อมด้วย กุมารทอง ยนตรกิจ พอไปปลุกก็จะโดนพี่สมเดช ด่ากลับมาทุกที  "ไอ้ห่ะ...พวกมึงจะปลุกทำไมวะ"

 ตอนนั้นพี่สมเดชอาจขี้เกียจซ้อมบ้าง พอตอนไปชกพวกตนในฐานะรุ่นน้องจะคอยถือกระป๋องน้ำให้ ที่ค่ายยนตรกิจจะฝึกการออกหมัดเป็นรูปแบบเดียวกัน จะต้องประกอบไปด้วย หมัด ไหล่ สะโพก เท้า การออกหมัดถึงจะทรงพลัง ตนก็ได้เรียนรู้รูปแบบเดียวกับสมเดช ได้แอบฝึกวิชามาจากพี่สมเดชด้วยเหมือนกัน

  "จำได้ว่าพี่สมเดชเป็นคนดุ พอพวกผมน้องๆ ไปปลุกแกจะด่าตลอด รูปร่างใหญ่ บึกบึน มีลักษณะพิเศษคือแขนยาวถึงเข่า การที่แขนยาวนี่แหละถือเป็นลักษณะพิเศษของนักมวยกำปั้นหนัก เหมือนอย่าง สนอง รสพ., สมพงษ์ เวชสิทธิ์ พี่สมเดชก็เป็นแบบเดียวกัน คือแขนยาว ต่อยหมัดรุนแรงมาก

  ผมได้เจอกับพี่สมเดชบ้างในช่วงหลังก็ยังระลึกถึงกันตลอด เจอกันก็ทักทายเป็นอย่างดีในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง เสียใจที่พี่แกเสีย เสียใจด้วยที่ไม่ได้ไปรดน้ำศพ เพราะว่าผมต้องไปอยู่จอมบึง หลบภัยน้ำท่วม แต่ก็ตั้งใจว่าจะเข้าไปร่วมงานฌาปนกิจในวันที่ 12 พ.ย. ให้ได้ครับ" อดีตยอดมวยอีกหนึ่งตำนานแคมป์ยนตรกิจกล่าว