ภาณุวัฒน์ จันทา ยิง 1 ประตูให้ทีมฟุตซอลไทย

ไทย 7-4 อินโดนีเซีย

ทีมฟุตซอลไทยผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศได้ตามคาด โดยในเกมตัดเชือกที่พบกับอินโดนีเซีย ยังเล่นไม่ประทับใจ เมื่อนำห่าง 7-1 แต่สุดท้ายชนะแค่ 7-4 เข้าชิงกับเวียดนาม ที่ชนะ มาเลเซีย 3-2 เสี่ยเซฟ ชมนักเตะคุมอารมณ์ได้เยี่ยม หลังจากถูกลูกตุกติกจากผู้เล่นเจ้าถิ่น รวมถึงการทำหน้าที่ลำเอียงของผู้ตัดสิน

 การแข่งขันฟุตซอลชาย ในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 26 ที่สนามป็อปกี ชิบูบูร์ สปอร์ต ฮอลล์ ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 21 พ.ย. 54 เวลา 15.00 น. เป็นการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ ระหว่าง ทีมชาติไทย ที่เข้ารอบมาเป็นที่ 1ของสายบี พบกับ เจ้าภาพ อินโดนีเซียที่เข้ารอบโดยเป็นที่ 2 ของสายเอ

     เกมนี้ "โค้ชน้อย" บงการ พรหมผุย กุนซือทีมฟุตซอลชายไทยส่ง สุรพงค์ ทมพา (GK) , เอกพงษ์ สุรัตน์สว่าง , เลิศชายอิสราสุวิภากร , กฤษดาวงษ์แก้ว และ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ลงเป็นผู้เล่นชุดแรก ทางด้านอินโดนีเซีย ส่ง ยอส เอดี้ (GK) , โอโฮเรลล่า ,อินดรา พูโนโม่ , ซายาน คามาดี้ และ เวนนาร์ด ฮูตาบารัต ลงสนามเป็น 5 คนแรก

     เพียงนาทีแรกไทยก็มาได้ประตูขึ้นนำเมื่อ เอกพงษ์ สุรัตน์สว่าง ไหลบอลให้ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง วิ่งเข้ามายิงจ่อๆระยะ 3 หลา ไทยออกนำอย่างรวดเร็ว 1-0 จากนั้น น.6 เลิศชาย อิสราสุวิภากร ยอดตัวรับของไทยต้องมาโดนใบเหลืองเนื่องจากไปทำฟาวล์ใส่ผู้เล่นอินโดนีเซีย

     น.8 ไทยที่ครองบอลบุกมากกว่าก็มาได้ลูกที่ 2 จากจังหวะที่ เสริมพันธ์ คุ้มถิ่นแก้ว ได้สับไกยิงนอกกรอบเขตโทษแต่บอลไม่เข้ากรอบ ทว่าหน้าประตูยังมี พนมกรณ์ สายสอน ที่ยืนถูกตำแหน่งแหย่ขาจิ้มบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไปทีมชาติไทยนำเป็น 2-0

     หลังโดนกดไป 2 เม็ด อินโดนีเซียเริ่มโหมบุกมากขึ้นทำให้ทีมไทยต้องลงไปตั้งรับ และต้องเสียฟาวล์แบบค้านสายตาหลายครั้งทำให้ทีมไทยฟาวล์รวมเป็นครั้งที่ 5 จึงเล่นลำบากเพราะหากฟาวล์อีกจะโดนจุดโทษจุดที่ 2 ทันที

     น.14 ทีมไทยต้องหัวเสียอย่างหนักเมื่อ กฤษดา วงษ์แก้ว โดนผู้เล่นเจ้าถิ่นเตะจากด้านหลังชัดเจนแต่ผู้ตัดสินกลับเฉยทำให้บรรดา สตาฟฟ์โค้ชที่ซุ้มม้านั่งสำรองของทีมไทยต้องลุกขึ้นไปประท้วงอย่างหนักแต่ก็ ไม่เป็นผล ก่อนที่ เอกพงษ์ สุรัตน์สว่าง ไปต่อว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน รับใบเหลืองไปอีกคนใน น.18

     น.18 ทีมชาติไทยก็มายิงเพิ่มได้อีกลูกจากจังหวะที่ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง พลิกหลบกองหลังอินโดนีเซียก่อนไหลให้ เสริมพันธ์ คุ้มถิ่นแก้ว ยิงง่ายๆขยับหนีไปเป็น 3-0

     น.19 อินโดนีเซียน่าจะได้ประตูเมื่อม อาลี ไฮดาร์ เลี้ยงบอลหลบ 2 นักเตะไทยก่อนได้ยิงจ่อๆหน้าเขตโทษ แต่ สุรพงค์ ทมพา นายทวารจอมเก๋าของไทย ยังพุ่งเซฟได้อย่างหวุดหวิด

     เกมผ่านมาถึง 30 วินาทีสุดท้ายของครึ่งแรก อินโดนีเซียมาได้ประตูตีไข่แตกเมื่อ โอโฮเรลล่า แทงทะลุช่องให้ อาฟิฟ ตามิมี่ วิ่งเข้ามาแปไม่เหลือทำให้ อินโดนีเซีย ไล่เข้าเป็น 3-1

     ทว่าในวินาทีสุดท้ายทีมไทยก็มายิงเพิ่มได้อีกลูกเมื่อ เสริมพันธ์ คุ้มถิ่นแก้ว เตะเปิดข้างจากฝั่งขวาไปที่เสาสองและเป็นทาง ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน ที่จิ้มบอลโล่งๆเข้าไป ทำให้จบครึ่งแรกทีมชาติไทยนำ 4-1

     ช่วงต้นครึ่งหลังทีมชาติไทยยังครองบอลบุกได้ดีกว่า และเกมบุกไหลลื่นมาทำเพิ่มได้อีก 3 ประตูจากฝีเท้าของ เสริมพันธ์ คุ้มถิ่นแก้ว น.23 เจษฎา ชูเดช น.24 และ ภาณุวัฒน์ จันทา น.27 ทิ้งห่างไปไกล 7-1

     น.30 อินโดนีเซียไล่มาห่างๆเป็น 7-2 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ ภาณุวัฒน์ จันทา ที่สกัดผิดเหลี่ยมบอลปลิ้นเข้าประตูไปอย่างโชคร้าย จากนั้นเกมทำท่าว่าจะขาดจะทัพนักเตะไทยจะคว้าชัยได้สบายๆทว่าไทยไปผ่อนเกม กลายเป็นการเปิดช่องให้อินโดนีเซียโหมบุกหนักจนได้ใจ

     น.34 อินโดนีเซียที่เริ่มบุกหนักก็มาได้ประตูเพิ่มจากจังหวะที่ สุรพงค์ ทมพา นายทวารทีมไทยถูกผู้ตัดสินจับฟาวล์จากการครองบอลเกิน 4 วินาที และเป็น เจียนนี่ เลาจานิบี้ ที่วิ่งมากดฟรีคิกระยะ 6 เมตร ส่งบอลเข้าประตูไป อินโดนีเซียไล่จี้มาเป็น 7-3

     ในช่วง 5 นาทีสุดท้ายเป็นเจ้าถิ่นที่บุกพักสนามอยู่ข้างเดียว โดยหันมาเล่นพาวเวอร์เพลย์เพื่อบุกเต็มรูปแบบก่อนจะมาได้ประตูปิดท้ายจาก โอโฮเรลล่า ในช่วง 30 วินาทีสุดท้าย ทำให้จบเกมการแข่งขันไทยเอาชนะไปแบบไม่ประทับใจด้วยสกอร์ 7-4 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับเวียดนาม ที่เอาชนะ มาเลเซีย ไปแบบหวุดหวิด 3-2 โดยจะแข่งขันในวันที่ 22 พ.ย. เวลา 16.00 น.

     ทั้งนี้ ทีมชาติไทย เคยเอาชนะ เวียดนาม ในการอุ่นเครื่องที่กรุงเทพเมื่อปีที่แล้ว 2 นัดด้วยสกอร์ 7-0 และ 9-1

     หลังเกม"เสี่ยเซฟ"สุทธิพันธ์ วรรณวินเวศน์ ผช.ผจก.ทีมฟุตซอลชาย กล่าวว่า “เกมนี้ถือเป็นเกมที่สนุกทั้ง 2 ทีมเล่นได้อย่างสูสี แต่ทีมไทยมีประสบการณ์มากกว่าจึงเบียดเอาชนะไปได้ซึ่งในอนาคตข้างหน้าตนคิด ว่าทีมฟุตซอลอินโดนีเซียจะเป็นอีกทีมที่น่ากลัวในย่านอาเซียน”

     นอกจากนั้น "เสี่ยเซฟ" ยังกล่าวว่า "ในเกมนี้ตนต้องชมนักเตะทุกคนที่คุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีแม้ว่าจะถูกผู้เล่น อินโดนีเซียตุกติกในหลายจังหวะ อีกทั้งคำตัดสินของกรรมการก็เอนเอียงไปทางเจ้าภาพแต่เราก็ได้บอกกับทุกคน อยู่แล้วว่าอาจจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ดังนั้นการที่เด็กเราไม่สติหลุดไปตาม จังหวะเกมตนถือว่าน่าพอใจ ส่วนในนัดชิงชนะเลิศตนมั่นใจว่าจะคว้าเหรียญทองสุดท้ายมาให้กับแฟนกีฬาไทย ได้อย่างไม่ยากเย็น"

     ขณะที่ เสริมพันธ์ คุ้มถิ่นแก้ว แข้งจอมเก๋าของทีมไทย กล่าวว่า “เกมนี้ต้องชมน้องๆทุกคนที่คุมอารมณ์ได้ดีโดยเกมนี้ช่วงต้นเราเริ่มไม่ดี เท่าไหร่ แต่เมื่อปรับจังหวะของตัวเองได้รูปเกมเราก็เริ่มดีขึ้น ส่วนในนัดชิงฯ ตนเชื่อว่าทีมฟุตซอลไทยจะคว้าเหรียญทองมามอบเป็นของขวัญให้กับคนไทยทุกคน ได้”