บาร์เซโลน่า แชมป์เก่ายังคงทำผลงานได้ร้อนแรงหลังยกพลบุกมาอัด "ปีศาจแดงดำ" เอซี มิลาน ถึงถิ่นอย่างสนุก 3-2 ทำให้ บาร์ซ่าซิวแชมป์กลุ่ม กลุ่มเอช เอซี มิลาน รองแชมป์กอดคอพากันเข้ารอบ ในศึกฟุตบอลยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา

ฟุตบอลยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอช ฤดูกาล 2011-12

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2554

เอซี มิลาน (อิตาลี) 2 - บาร์เซโลน่า (สเปน) 3

สนาม : ซาน ซีโร่, โรม อิตาลี

 
        เอซี มิลานส่งซลาตัน อิบราฮิโมวิชลงดวลกับทีมเก่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายออกมาหลังจากกองหน้าสวีดิชคลอดหนังสือจวกอดีตต้นสังกัดยับ
 
        สำหรับบาร์ซ่าปราศจากดาเนี่ยล อัลเวสที่ติดโทษแบน และอันเดรียส อีเนียสต้าที่บาดเจ็บ ทำให้เซย์ดู เกอิต้าได้ลงบู๊แทนในแผงกลาง แต่ทั้งนี้ทั้งสองทีมผ่านเข้ารอบไปแล้วโดยชิงกันเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มเท่านั้น
 
        มิลานเริ่มเกมได้น่ากลัวเป็นฝ่ายบุกใส่ก่อน แต่ผ่านมา 14 นาทีก็โดนโต้จนเสียประตูเมื่อลิโอเนล เมสซี่ตักบอลจากแถวสองเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้เกอิต้าตามไปเก็บแล้วป้ายจากเส้นหลังมาหน้าปากประตูโดยมาร์ค ฟาน บอมเมลตามไปเคลียร์ไม่ดี เป็นการสกัดบอลเข้าประตูตัวเองในระยะเผาขนช่วยให้แชมป์เก่านำ 1-0
 
        ทีมเยือนติดเครื่องทันที และน่าจะเพิ่มสกอร์ได้อีกในนาทีที่ 18 จากจังหวะที่ติอาโก้ อันคันตาร่าชิพบอลจากหน้าเขตโทษด้านขวาให้เชส ฟาเบรกาสวอลเลย์ตามน้ำเต็มเกือกระยะสิบหลาถูกคริสเตียน อับเบียติบล็อคได้สำเร็จ
 
        กระนั้นนาทีต่อมา ปีศาจแดงดำก็น่าจะตีเสมอได้เมื่ออิบราฮิโมวิชโยนบอลจากริมเขตโทษด้านซ้ายทะลักไปเสาไกล เควิน พรินซ์ บัวเต็งจึงตบกลับมาหน้าประตู แต่โรบินโญ่ซัดจากสี่หลาโล่งๆข้ามคานเฉย
 
        อย่างไรก็ดี นาทีที่ 20 เจ้าบ้านก็ทำงานได้ลุล่วงเมื่อคลาเรนซ์ เซดอร์ฟตามไปเก็บบอลวางยาวจากกลางสนามแล้วไหลจากริมเขตโทษด้านซ้ายให้อิบราฮิโมวิชปรี่เข้าเข่นตามน้ำระยะสิบหลาผ่านบิคตอร์ บัลเดสได้สำเร็จ สกอร์จึงเปลี่ยนเป็น 1-1
 
        เขี่ยบอลกันใหม่อีกสามนาที ทีมจากลาลีกาก็หวิดนำอีกจากจังหวะที่ฟาเบรกาสได้ลูกผ่านหลุดเข้าเขตโทษด้านขวาแล้วปาดไปหน้าประตู แต่เมสซี่เข้าชาร์จหกหลาชนคาน
 
        นาทีต่อมา อัลแบร์โต้ อาควิลานี่เข้ารวบฟาเบรกาสจึงได้ใบเหลืองเป็นรายแรก
 
        และแล้วนาทีที่ 31 ฟาเบรกาสก็ชิ่งบอลคืนให้ชาบี เอร์นานเดสหลุดเข้าเขตโทษแล้วโดนอาควิลานี่ตามไปฉุดล้มจากด้านหลัง ทำให้ทีมเยือนได้ลูกโทษโดยอเลสซานโดร เนสต้ารับใบเหลืองข้อหาโวยวายท่านเปาด้วย
 
        และในจังหวะนี้ เมสซี่สังหารตุงตาข่าย แต่อับเบียติประท้วงสำเร็จว่าดาวเตะอาร์เจนไตน์หยุดชะงักถึงสองจังหวะก่อนยิงทำให้เมสซี่รับใบเหลืองและต้องยิงใหม่ แต่สุดท้ายสตาร์ฟ้าขาวก็สังหารไม่พลาดพาบาร์ซ่านำ 2-1
 
        ทีมจากแดนกระทิงเร่งเครื่องต่อ และน่าจะได้เฮอีกในนาทีที่ 33 จากจังหวะที่ดาบิด บีย่าทะลุเข้าซัดในเขตโทษด้านซ้าย แต่อับเบียติเซฟได้ และนาทีต่อมาฟาน บอมเมลก็มีใบเหลืองติดตัวข้อหาเข้ารวบชาบี
 
        ผ่านมาถึงนาทีที่ 38 มิลานมีโอกาสบ้างเมื่อพรินซ์ บัวเต็งตัดสินใจวอลเลย์ลูกโยนยาวแถวเส้นหลังด้านขวา ทว่ามุมตีบเกินไปทำให้บัลเดสที่ยืนปิดเสาอยู่ปัดทิ้งได้
 
        นาทีต่อมา เมสซี่ระเบิดลีลาเลื้อยจากกลางสนามหลบขุนพลมิลานทุกรายหลุดเข้าไปซัดในเขตโทษด้านซ้าย แต่อับเบียติล้มตัวตะครุบได้สำเร็จ
 
        ท้ายครึ่งแรก ทีมจากเซเรียอาบุกได้ดี และนาทีที่ 43 คาร์เลส ปูโยลก็โดนจดชื่อเมื่อทำฟาวล์พรินซ์ บัวเต็ง และจากลูกฟรีคิกริมเขตโทษด้านซ้ายของเจ้าบ้าน เซดอร์ฟก็เล่นสั้นไหลเข้าเสาแรกให้ฟาน บอมเมลซัด แต่ติดบล็อคของเกอิต้า
 
        ล่วงมาถึงช่วงทดเวลาเจ็บ มิลานลุยแหลกจนได้ลูกเตะมุม แต่ติอาโก้ ซิลวาโขกเหน่งๆจาก 12 หลาเฉี่ยวกรอบไปนิดเดียว
 
        ถัดมา เอริค อบิดาลรับใบเหลืองอีกรายข้อหาเหนี่ยวโรบินโญ่ล้มไม่ให้พาบอลหนี ก่อนที่เสียงนกหวีดจบครึ่งแรกจะดังขึ้นโดยอาคันตุกะนำอยู่ 2-1
 
        ครึ่งหลังมิลานเปลี่ยนอเล็กซานเดร ปาโต้ลงเล่นแทนโรบินโญ่ แต่เป็นบาร์ซ่าที่มีลุ้นก่อนในนาทีที่ 51 เมื่อฟาเบรกาสเปิดบอลยาวเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้เมสซี่ตามไปตะบัน แต่มุมแคบเกินไปบอลจึงปะทะหน้าต่าง
 
        จากนั้นอีกสามนาที พรินซ์ บัวเต็งก็โชว์ลีลาสุดยอดกระโดดเกี่ยวลูกโด่งลงพื้นแล้วไขว้หนีอบิดาลหลุดเข้าเขตโทษด้านขวาไปกดตูมจากแปดหลายัดใส่เสาแรกอย่างเหนือชั้นช่วยให้ผีแดงดำตีเสมอเป็น 2-2 จนได้
 
        เกมยังแลกกันสนุก แต่นาทีที่ 63 แฟนเจ้าบ้านก็ต้องเซ็งอีกเมื่อเมสซี่แทงบอลทะลุช่องให้ชาบีตามไปแปจาก 14 หลาเสียบเสาอย่างเด็ดขาดพาบาร์ซ่านำอีกหน 3-2
 
        ขยับมาอีกสามนาที อเลสซานโดร เนสต้าก็เจ็บเอ็นหลังเข่าเลยต้องเดินออกให้ดานิเอเล่ โบเนร่าลงไปแทนที่ ขณะที่ทีมเยือนส่งอเล็กซิส ซานเชสลงเล่นแทนบีย่าในนาทีที่ 68
 
        และนาทีต่อมาจากลูกฟรีคิกของอาคันตุกะริมเขตโทษด้านซ้ายในจังหวะที่ติอาโก้ ซิลวาทำฟาวล์เมสซี่ ซานเชสก็ตามไปซัดลูกโยนของอัลคันตาร่าในระยะเผาขนที่เสาแรกถูกอับเบียติปัดได้ทัน
 
        มิลานเปลี่ยนตัวสำรองรายสุดท้ายในนาทีที่ 72 โดยส่งอันโตนิโอ โนเชริโน่ลงบู๊แทนฟาน บอมเมล แต่ไม่อาจพังระตูเพิ่มได้ จบเกมทีมเยือนจึงบุกมาคว้าชัย 3-2 ได้เข้ารอบเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มแน่นอนแล้ว ขณะที่ปีศาจแดงดำรั้งอันดับสอง

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เอซี มิลาน: คริสเตียน อับเบียติ - อินยาซิโอ อบาเต้, อเลสซานโดร เนสต้า, ติอาโก้ ซิลวา, จานลูก้า ซามบร็อตต้า - อัลแบร์โต้ อาควิลานี่, มาร์ค ฟาน บอมเมล, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ (กัปตันทีม) - เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง - ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, โรบินโญ่
สำรอง: มาร์โก อเมเลีย (ผู้รักษาประตู) - อันโตนิโอ โนเชริโน่, อเล็กซานเดร ปาโต้, มัสซิโม่ อัมโบรซินี่, ดานิเอเล่ โบเนร่า, ลูก้า อันโตนินี่, อูร์บี้ เอมานูเอลสัน 

บาร์เซโลน่า: บิคตอร์ บัลเดส - การ์เลส ปูโยล (กัปตันทีม), ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เอริก อบิดัล - ชาบี เอร์นานเดซ,
เซย์ดู เกอิต้า, ติอาโก้ อัลกานตาร่า - เชส ฟาเบรกาส - ลีโอเนล เมสซี่, ดาบิด บีย่า
สำรอง: โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ (ผู้รักษาประตู) - เคราร์ด ปิเก้, อเล็กซิส ซานเชซ, เปโดร โรดริเกซ, แม็กซ์เวลล์, อันเดรว ฟอนตาส, โจนาธาน โดส ซานโต๊ส 

ผู้ตัดสิน: โวล์ฟสกัง สต้าร์ค (เยอรมัน)

สรุปผลฟุตบอลยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
กลุ่มอี
- เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมัน) ชนะ เชลซี (อังกฤษ) 2-1
- บาเลนเซีย (สเปน) ชนะ เกงค์ (เบลเยียม) 7-0

กลุ่มเอฟ
- โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) แพ้ โอลิมเปียกอส (กรีซ) 0-1
- อาร์เซน่อล (อังกฤษ) ชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน) 2-1

กลุ่มจี
- เซนิตฯ (รัสเซีย) เสมอ อาโปเอล นิโคเซีย (ไซปรัส) 0-0
- ชัคเตอร์ โดเนทส์ค (ยูเครน) แพ้ ปอร์โต้ (โปรตุเกส) 0-2

กลุ่มเอช
- เอซี มิลาน (อิตาลี) แพ้ บาร์เซโลน่า (สเปน) 2-3 
- บาเต้ บอริซอฟ (เบลารุส) แพ้ วิคตอเรีย เปลเซ่น (สาธารณรัฐเช็ก) 0-1