"กิเลนผยอง" ยังไม่ยกธงขาวในการป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 แม้จะตามหลังเต็งจ๋าอย่างบุรีรัมย์พีอีเอ ไปแล้วถึง 11 แต้ม "เสี่ยเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา บอกยังเหลืออีก 1 เกมที่เตะน้อยกว่า "ปราสาทสายฟ้า" รวมถึงนัดที่ต้องไปเยือนทีมเด็ก "บิ๊กเน" อีกนัดอะไรก็ยังเกิดขึ้นได้ล่าสุดทีมดังกระหึ่มระดับโลกเมื่อสถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น บุกนำเสนอข่าวยกให้เป็นทีมลูกหนังที่สร้างความมหัศจรรย์ให้กับวงการลูกหนังเอเซียทั้งๆที่เพิ่งทำทีมได้แค่ไม่กี่ปีเท่านั้น

"กิเลน" ยังไม่ยกธงขาวไทยลีก

        แม้นัดล่าสุดจะทำได้แค่เปิดบ้านเสมอกับ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ไป 1-1 เมื่อ 22 พ.ย. 54 ที่ผ่านมาจนทำให้ล่าสุดตามหลัง บุรีรัมย์ พีอีเอ ไปแล้วถึง 11 แต้ม แม้จะเตะน้อยกว่าอยู่ 1 นัดก็ตามที แต่เมืองทองฯ ยังไม่ถอดใจกับการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้แต่อย่างใด โดยล่าสุด "เสี่ยเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ออกมากล่าวว่า "แม้เราจะสะดุดในเกมล่าสุดที่ทำได้แค่เสมอกับอาร์มี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าผลการแข่งขันในเกมดังกล่าวจะบ่งบอกว่าจะทำให้เราพลาดแชมป์ในฤดูกาลนี้ไปแล้ว แต่อย่างใด เมืองทองฯ ตามหลัง บุรีรัมย์ พีอีเอ จ่าฝูงไปแล้วถึง 11 แต้มก็จริง แต่เราเหลือเกมเตะน้อยกว่าเขา 1 นัดหากเกมตกค้างที่เหลือเราชนะได้รวมถึงเกมบุกไปเยือนเขาเราชนะได้ จะทำให้เหลือตามหลังแค่ 5 แต้มเท่านั้น แต่ก็ยอมรับว่าไม่ง่ายในการลุ้นแชมป์ โดยนอกเหนือจากเราเองต้องไม่พลาดในเกมที่เหลืออีกแล้ว ยังต้องลุ้นให้ บุรีรัมย์ พีอีเอ เองมีสะดุดในเกมที่เหลืออีกด้วย ซึ่งเราหวังจะให้เป็นเช่นนั้น เพื่อโอกาสในการป้องกันแชมป์ของเรา จนถึงวันนี้เรายังไม่ยอมธงขาวแน่นอนกับการลุ้นแชมป์ไทยลีกปีนี้"  

     
   "ซีเอ็นเอ็น" บุกเจาะทำสกู๊ปเมืองทอง ฯ

        สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการลูกหนังเมืองไทย อย่างต่อเนื่อง สำหรับ "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ซึ่งล่าสุดสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น  (CNN ) สถานีโทรทัศน์ข่าวที่มีผู้ชมมากเป็นอันดับต้นๆ ของสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก บุกเจาะทำสกู๊ปสิ่งที่เป็นความมหัศจรรย์ของประเทศไทยทุกด้าน  ซึ่ง สโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ก็ได้เกียรติรวมอยู่ในนั้นด้วย

 
        โดย พอลล่า แฮนด์ค็อก ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เผยว่า "ที่เราเลือกสโมสรเมืองทองฯ มาเป็นหนึ่งในสิ่งที่รวมกับความมหัศจรรย์ของประเทศไทย ก็เพราะพวกเขาเป็นคลับลูกหนังที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทย โดยทำทีมมาแค่เพียง 4-5  ปี สามารถก้าวกระโดดสู่ระดับแถวหน้าของทวีปเอเชียได้นับว่าไม่ธรรมดา"

 
        "อีกทั้งการตลาดก็น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาเริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย ค่อยๆ สร้างภาพลักษณ์ให้กับสโมสร กระทั้งมีแฟนบอลเป็นของตัวเองหลายแสนคนทั่วประเทศ พร้อมกับได้รับการยอมรับจากนักเตะชื่อดังสามารถดึง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, เรห์มาน เซช มาร่วมทีมได้ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า นอกจาก "ไทยพรีเมียร์ลีก" จะมีความแข็งแกร่งแล้ว ประเทศไทยยังมีความน่าอยู่ในระดับต้นๆ ของโลกอีกต่างหาก เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้แหละที่จะช่วยดึงนักเตะดังจากทั่วโลกมาร่วมทีมอีกในช้านี้ จนเป็นประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจในการทำสกู๊ปประกอบสิ่งมหัศจรรย์ของประเทศไทย กับอีกหลายด้าน" พอลล่า  กล่าว

    
"เสี่ยเป้ " ปลื้มเมืองทองฯ ดังระดับโลก

        ทางด้าน "เสี่ยเป้" รณฤทธิ์  ซื่อวาจา  ผอ.กีฬา สโมสร เมืองทองฯ ยูไนเต็ด  เผยว่า "เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ซึ่งมีคนรู้จักทั่วโลก บุกทำสกู๊ปสโมสรเรา เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของประเทศไทย ซึ่งตรงนี้แหละที่ตนคิดว่าน่าจะเปิดตัวให้ชาวโลกรับรู้ว่า สโมสรฟุตบอลของบ้านเราก็มีการพัฒนาตัวเองไปสู่ระดับแนวหน้าของทวีปเอเชีย ได้ในอนาคตอันใกล้นี้   เพราะโครงสร้างของลีกไทยเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ละทีมมีสนามเหย้าเป็นของตัวเอง สื่อมวลชนให้ความสำคัญ อีกทั้งมีการถ่ายทอดสดทุกนัด"

 
        ผอ.กีฬา "กิเลนผยอง" และที่สำคัญที่จะลืมไม่ได้เลย ซึ่งเป็นความสำเร็จในระดับสุดยอดของสโมสรก็คือ แฟนบอลปัจจุบันเรามีกลุ่มเชียร์ที่เรียกตัวเองว่า "อุลตร้าเมืองทอง" ก่อกำเนิดขึ้นจากคนกลุ่มเล็กๆ ก่อนพัฒนาสู่หลักร้อย ต่อเนื่องเป็นหลักพัน ปัจจุบันเรามีเรือนหมื่น ซึ่งเมื่อมีคนเยอะก็ทำให้ สปอนเซอร์วิ่งเข้ามาหา สิทธิประโยชน์อื่นๆ ก็ตามมา ทำให้เรามีกำลังใจที่จะหานักเตะฝีเท้าดีๆ มาเสริมทัพในแต่ละฤดูกาล การมาของ ร็อบบี้  ฟาวเลอร์  นักเตะชื่อดังที่มีคนรู้จักทั่วโลก สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีว่าสร้างภาพลักษณ์ของสโมสรที่ดีต่อสายตาชาวโลก