''นริศ น้ำตาลแดง'' สุดซวยเจอเสี่ยเก๊ฉกไอโฟนกลางห้างดัง เผยพฤติกรรมแสบทำทีมาติดต่อธุรกิจอ้างรู้จักไฮโซหลายคนก่อนออกอุบายขอยืมมือถือแล้วเชิดไปอย่างไปลอยนวล คาดมีเหยื่อโดนมาหลายราย ดาราสาวยอมรับหวั่นรูปหวิวส่วนตัวในเครื่องหลุดออกไป วอนตำรวจเร่งจับให้เร็วที่สุด

    เป็นคนบันเทิงที่เจอมิจฉาชีพตุ๋นเข้าอีกราย สำหรับดาราสาว ''นริศ'' นริศรา ศรีสันต์ หรือ ''นริศ น้ำตาลแดง 2'' ที่เจอโจรกรุงทำทีเข้ามาตีสนิท อ้างสนใจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ bio bliss ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวของดาราสาว แต่สุดท้ายกลับมีพฤติกรรมแสบฉกโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 4 มูลค่า 26,000 บาท กลางห้างดัง แถมพอแจ้งความยิ่งพบว่าคนร้ายก่อคดีลักษณะนี้มาหลายครั้งแล้ว งานนี้ดาราสาวจึงขอเตือนภัยเป็นอุทาหรณ์ เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่ออีก
    

    ทั้งนี้ดาราสาว ''นริศ'' เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสยามดาราว่า เมื่อประมาณเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีชายวัยประมาณ 40 ปี รูปร่างท้วม แต่งกายภูมิฐาน อ้างว่าชื่อ ''จิมมี่'' เป็นเจ้าของร้านโทรศัพท์มือถือที่มาบุญครองเข้ามาตีสนิท และบอกว่าสนใจในธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ bio bliss จากนั้นก็โทร.มาคุย 2-3 ครั้ง ซึ่งนอกจากเรื่องงานแล้วนายจิมมี่ก็มักจะเล่าเรื่องของตัวเองบอกว่าจบจากเมืองนอก เป็นลูกคนจีนที่บ้านทำธุรกิจอยู่แถวเยาวราชและรู้จักกับคนในแวดวงไฮโซหลายคน นอกจากนี้ยังเอ่ยปากชวนไปทานข้าวด้วยกัน แต่ตนได้ปฏิเสธโดยตลอด  จนกระทั่งเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตนได้ไปทำธุระที่ห้างเอสพลานาด รัชดา ชายที่อ้างชื่อว่าจิมมี่ก็ได้โทร.มาหาและถามตนว่าอยู่ที่ไหน ก่อนที่นายจิมมี่จะอ้างว่าบังเอิญกำลังจะไปที่เดียวกันพอดี และออกอุบายปาก ชวนตนมาทานอาหารที่ร้านออตโตย่า เพื่อคุยธุรกิจ bio bliss
    

    ดาราสาวเล่าต่อไปว่า หลังจากที่ทำธุระของตนเสร็จและได้ลงไปที่ร้านอาหารซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินก็พบว่านายจิมมี่มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว โดยแต่งกายภูมิฐาน แต่มีผ้าปิดจมูกปิดบังใบหน้า เมื่อตนสอบถามนายจิมมี่ก็อ้างว่าไปขับรถมอเตอร์ไซค์วิบากเล่นกับเพื่อนๆ ไฮโซมาแล้วเกิดล้มจึงเป็นแผล เมื่อตนขอดูก็อ้างว่าอาย แต่เห็นว่าเคยเห็นหน้ามาก่อนจึงไม่คิดอะไร จากนั้นนายจิมมี่ก็ชวนคุยเรื่องต่างๆ แต่ไม่คุยเรื่องงานก่อนที่จะทำทีเป็นคุยโทรศัพท์กับเพื่อนประมาณ 5-10 นาที แล้วหันมาบอกว่าแบตมือถือของตนหมดจึงขอยืมไอโฟนของตนโทร.หาเพื่อน ซึ่งดาราสาวจะหยิบมือถือยี่ห้อโนเกียให้ แต่นายจิมมี่กลับบอกว่าขอเป็นไอโฟนดีกว่า ด้วยมารยาทและเห็นว่านายจิมมี่ยังวางของอยู่ที่โต๊ะตนจึงให้ยืม ก่อนที่นายจิมมี่จะอ้างว่าไม่มีสัญญาณจึงขอไปโทร.ข้างนอก แต่เมื่อผ่านไป 10 นาทีแล้วยังไม่เห็นว่านายจิมมี่กลับมา ตนจึงไปถามพนักงานของทางร้านว่าเห็นชายคนดังกล่าวหรือไม่ และได้มาลองเปิดกระเป๋าที่นายจิมมี่วางทิ้งไว้ก็พบว่ามีแต่พลาสติกกับเสื้อยืด ตนจึงรู้ว่าตัวเองถูกมิจฉาชีพหลอก
     

    ''ของเค้าก็ยังวางอยู่ไม่ได้เอะใจ พอรอไปประมาณ 10 นาที เราก็เริ่มสงสัยแล้ว เลยเดินไปหาพนักงานว่าเห็นผู้ชายเดินออกไปหรือเปล่า เขาก็บอกว่าเห็นออกไปนานแล้ว เราก็เริ่มใจไม่ดี กลับมาตบๆ กระเป๋าเหมือนพลาสติกยัดข้างใน แล้วให้พนักงานโทร.หา ตามผู้จัดการร้านมาบอกว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น พอเปิดกระเป๋าเจอพลาสติกและเสื้อยืดยัดอยู่ข้างใน กระเป๋ายังใหม่ๆ เหมือนซื้อมาใช้ในการลงมือโดยเฉพาะ'' นริศกล่าว
    

    นริศเปิดเผยอีกด้วยว่า เมื่อตนไปแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกันนี้มาหลายรายแล้ว โดยคนร้ายจะเน้นฉกทรัพย์จำพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเลือกสถานที่ชั้นใต้ดินซึ่งเป็นจุดอับสัญญาณ ซึ่งจากการดูกล้องวงจรปิด ตนคาดว่าคนร้ายคงรู้มุมกล้องทำให้เห็นหน้าไม่ชัด และดูลาดเลาไว้เยอะแล้ว คนร้ายมีข้อมูลทำเป็นทีมและเหมือนเคยทำมาแล้วหลายครั้ง
    

    ''จริงๆ เราก็ระวังตัวในระดับหนึ่ง ไม่เคยให้มารับหรือไปไหนมาไหนด้วยกันเลย นี่ก็เพิ่งเจอกันครั้งที่สองแต่ก็โดนจนได้ เสียดายข้อมูลงานและรูปในเครื่อง มันไม่ใช่แค่มูลค่าของโทรศัพท์ แต่ยอมรับว่ามีรูปส่วนตัวจากที่ถ่ายแฟชั่นเซ็กซี่และเบื้องหลังหนังไว้เยอะ ซึ่งถ้าหลุดไปคงแย่แน่ ซึ่งก็อยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับคนร้ายให้เร็วที่สุดค่ะ'' นริศ กล่าวอย่างเป็นกังวล