10 สุดยอดการเซ็นสุดคุ้มค่าแห่งปี 2011 โดยไทยลีกออนไลน์
Posted 28/12/2011 by thaileagueonline
สกู๊ปพิเศษส่งท้ายปีโดยทีมงานไทยลีกออนไลน์วันนี้ ขอเสนอเรื่อง 10 สุดยอดการเซ็นสุดคุ้มค่าแห่งปี 2011 จะมีนักเตะคนไหนของทีมอะไรมาอยู่ในโผบ้าง ลองติดตามกันดูครับ
ใกล้จะสิ้นปีเต็มที มีหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทยในรอบปีที่ผ่านมา และในโอกาสนี้ทีมงานไทยลีกออนไลน์จึงขอนำเสนอสกู๊ปพิเศษส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยการสรุปผลงานและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับฟุตบอลในบ้านเราฤดูกาลที่ผ่านมาให้ได้รับทราบกัน แบ่งเป็น 5 วัน 5 เรื่อง และในวันนี้ถือเป็นวันที่ 2 แล้ว ขอนำเสนอเรื่อง 10 สุดยอดการเซ็นสุดคุ้มค่าแห่งปี 2011
ปีที่ผ่านมาหลายทีมใช้เม็ดเงินลงทุนค่อนข้างสูงโดยเฉพาะการกว้านซื้อนักเตะฝีเท้าดี บางคนดีกรีสวยหรูแต่ก็ไม่ได้โชว์ฟอร์มสมค่าตัว แต่กับบางรายไม่มีใครคาดคิดว่าจะสามารถแจ้งเกิดได้ แต่กลับสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ
การจัดอันดับครั้งนี้วัดจากผลงานในสนามและความคุ้มค่าของเม็ดเงินที่ลงทุนไปเท่านั้นทำให้ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ดาวเตะระดับตำนานของลิเวอร์พูลที่มาค้าแข้งในเมืองไทยกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ไม่ติดอยู่ในโผแม้ว่าการเซ็นสัญญาดังกล่าวจะเรียกได้ว่าเป็นการคว้าตัวครั้งประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทยก็ตาม
อันดับ 10 เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์ ของการท่าเรือไทย เอฟซี
การท่าเรือไทย เอฟซี เจอพิษมรสุมรุมเร้ามาตลอดทั้งปี การเสียยอดกุนซืออย่าง สะสม พบประเสริฐ และนักเตะตัวหลักอีกหลายคนทำให้พวกเขามีผลงานที่ตกต่ำลงไปอย่างน่าใจหาย อย่างไรก็ตามการคว้าตัว เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์ ปีกตัวจี๊ดมาจาก เอสซีจี สมุทรสงคราม กลายเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของ “สิงห์เจ้าท่า” โดยผลงานตลอดทั้งปีของดาวเตะร่างเล็กรายนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าเขาคือผู้เล่นระดับแนวหน้าของประเทศ
อันดับ 9 ซารีฟ สายนุ้ย ของบุรีรัมย์ พีอีเอ
ใครจะไปเชื่อว่าการที่ อรรถพล บุษปาคม ยอมเก็บ ซารีฟ สายนุ้ย ซึ่งกำลังจะตกชั้นไปกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ไว้ใช้งานเพื่อไล่ล่าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก โดยไม่ยอมส่งไปเล่นกับทีมน้องจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง แต่สุดท้ายดาวเตะแดนสะตอก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ตั้งแต่นัดแรกในสีเสื้อ “ปราสาทสายฟ้า” จนถูกขนานนามว่าเป็น “ยอดซูเปอร์ซับ”ของแท้และคู่ควรกับการเป็นหนึ่งในทีมแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และคงไม่แปลกหากจะบอกว่า ซารีฟ คือนักเตะไทยที่ บุรีรัมย์ เซ็นสัญญาได้คุ้มค่าที่สุดในปีนี้
อันดับ 8 อเล็กซ์ รูเอล่า ของราชนาวี
ราชนาวี เซ็นสัญญาคว้าตัว อเล็กซ์ รูเอล่า เข้ามาในช่วงเลกสองหลังจากทีมตกอยู่ในสถานการณ์คับขันล่อแหลมต่อการตกชั้นด้วยค่าเหนื่อยระดับกลางเพียง 150,000 บาทต่อเดือน และดาวเตะชาวบราซิลที่เคยผิดหวังจากการถูก แคชทูเดย์ จันทบุรี ทีมระดับดิวิชั่น 1 ปฏิเสธในช่วงต้นปีกลายมาเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในแดนหน้าของ “ตะหานน้ำ” ทดแทนการสูญเสีย สมเจตร สัตบุษ อดีตกองหน้าหมายเลขหนึ่งของทีมได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าจะเป็นนักเตะอีกหนึ่งรายที่เนื้อหอมในช่วงปีใหม่นี้
อันดับ 7 คาเล็ด คาร์รูบี้ ของโอสถสภา เอ็ม 150 สระบุรี
อดีตดาวรุ่งของ โอลิมปิก ลียง ที่เคยติดทีมชาติแอลจีเรีย 1 นัดรับค่าเหนื่อยเพียง 180,000 บาทต่อเดือนในการเซ็นสัญญาร่วมทัพโอสถสภา สระบุรี และกลายเป็นห้องเครื่องคนสำคัญที่ทีมจะขาดไม่ได้ในฤดูกาลที่ผ่านมา คาเล็ด ไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับสไตล์ฮาร์ดแมนเล่นหนัก แต่สามารถคุมจังหวะบอลในแดนกลางได้ดี และมีทีเด็ดจากการวางบอล แต่จบฤดูกาล พลังเอ็มคงหวั่นๆ ไม่น้อยเพราะหลายทีมกำลังจับตามองอยู่
อันดับ 6 ลาซารัส คาอิมบี้ ของโอสถสภา เอ็ม 150 สระบุรี
นักเตะดีกรีทีมชาตินามิเบีย ที่มีค่าเหนื่อยเพียง 5,000 เหรียญสหรัฐ โชว์ฟอร์มได้เกินค่าจ้างอย่างแท้จริง เขามีชื่อติดทีมชาติและทำได้ถึง 3 ประตูในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนแอฟริกา 2 นัด ช่วยให้ นามิเบีย ถล่ม จิบูติ ด้วยประตูรวม 8-0 และเป็นตัวหลักในแนวรุกที่ โอสถสระบุรี ขาดไม่ได้ หลัง คลีตัน ซิลวา ฟอร์มตกไป จนทำให้หลายทีมโดยเฉพาะ ชลบุรี เอฟซี หวังจะได้ตัวไปร่วมทัพในปีหน้า
อันดับ 5 วสันต์ นาทะสันต์ ของเชียงราย ยูไนเต็ด
ไม่มีที่ใดอยู่สบายเท่าบ้านเรา นี่คือสิ่งที่ วสันต์ นาทะสัน น่าจะคิดอยู่ในตอนนี้หลังจากที่เกือบจะดับวูบกับ โอสถสภาฯ สระบุรี ไปแล้ว แต่การตัดสินใจกลับไปรับใช้บ้านเกิดกับ เชียงราย ยูไนเต็ด ในศึกดิวิชั่น 1 กลางฤดูกาล 2010 ด้วยสัญญายืมตัว กลายเป็นการคืนชีพให้กับ “บอย เจียงฮาย” และปีแรกในการขึ้นมาโลดแล่นบนลีกสูงสุด กว่างโซ้งก็จัดการเซ็นสัญญาถาวรกับ วสันต์ ทันที ก่อนที่เขาจะถล่มประตูเป็นว่าเล่นส่งทีมน้องใหม่ติดลมบนขึ้นมาอยู่กลางตารางเลยทีเดียว
อันดับ 4 เลอันโดร ดอส ซานโต้ส ของอาร์มี่ ยูไนเต็ด
คุ้มเหลือเกินกับค่าเหนื่อยเพียง 5,000 เหรียญสหรัฐหรือ 150,000 บาทต่อเดือนที่ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ควักจ่ายให้ศูนย์หน้าแซมบ้าเจ้าของท่าดีใจที่เป็นเอกลักษณ์รายนี้ เลอันโดร คือความหวังทุกอย่างในแนวรุกของอาร์มี่นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ลูเวอร์เดนเซ่ ทีมในระดับซีรี่ซีของบราซิล และเกือบ 20 ลูกที่เขาทำได้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ อาร์มี่ ไม่ต้องหนีตายเหมือนปีที่แล้ว พร้อมกับการลุ้นแย่งดาวซัลโวกับ ฟร็องค์ โออ็องด์ซ่า ดาวยิงดินระเบิดของบุรีรัมย์ พีอีเอ และผลงานที่น่าประทับใจนี้ทำให้บอร์ดทหารบกตัดสินใจอัพเงินเดือนให้เขาเป็น 6,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 180,000 บาท) เพื่อมัดใจให้ เลอันโดร ค้าแข้งในถิ่นกองทัพบกต่อไปในปีหน้า
อันดับ 3 แฟร้งค์ อาชีมปอง ของบุรีรัมย์ พีอีเอ
ไม่มีใครสงสัยในฝีเท้าอันจัดจ้านของ แฟร้งค์ อาชีมปอง ในวัย 19 ปีเขาสามารถสร้างความตื่นตะลึงให้กับไทยพรีเมียร์ลีกได้ตั้งแต่ปีแรก เรียกได้ว่าหากดวลกันตัวต่อตัวยากที่จะหากองหลังในเมืองไทยที่หยุดยั้งความเร็วของเขาได้ อาชีมปอง อาจจะผิดหวังที่พลาดแชมป์เอฟเอยูธคัพกับบุรีรัมย์ พีอีเอแต่เขาได้สัมผัสถ้วยลีกสูงสุดของเมืองไทย แม้ ปราสาทสายฟ้าจะต้องจ่ายเงินถึง 15,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 450,000 บาทต่อเดือน)ซึ่งเป็นค่าจ้างระดับต้นๆของไทยพรีเมียร์ลีก แต่ต้องบอกว่าคุ้มค่าเหลือเกินกับผลงานที่เจ้าตัวฝากไว้และอายุการใช้งานที่เหลือเฝือ
อันดับ 2 ฟร็องค์ โออ็องด์ซ่า ของบุรีรัมย์ พีอีเอ
ค่าเหนื่อยที่แพงหูฉี่เท่ากับดูโอ อาชีมปอง ราว 15,000 เหรียญสหรัฐทำให้ ดาวยิงทีมชาติแคเมอรูนชุดฟุตบอลโลก ยู-20 ที่ประเทศแคเมอรูน พลาดตำแหน่งแชมป์การเซ็นสัญญาสุดคุ้มค่าไป แต่หากวัดกันที่ผลงานต้องยอมรับว่าดาวยิงคนนี้คือสุดยอดของแท้ พละกำลังที่มหาศาลและลูกยิงแรงช้างถีบ หาได้ยากแม้กระทั่งในระดับเอเชีย ตำแหน่งผู้เล่นต่างชาติยอดเยี่ยมมีสิทธิ์อยู่ในมือของ โออ็องด์ซ่า เช่นเดียวกับรางวัลดาวยิงสูงสุด แต่ที่น่าสนใจก็คือปีหน้าเขาจะยังอยู่ให้แฟนบอลชาวไทยได้เห็นความมหัศจรรย์แบบปีนี้หรือไม่
อันดับ 1 คาซุโตะ คูชิดะ ของชลบุรี เอฟซี
ที่สุดของความคุ้มค่าต้องยกให้ คาซุโตะ คูชิดะ เพชรเม็ดงามแห่งแดนอาทิตย์อุทัยที่ วิทยา เลาหกุล ไปขุดมาจากทีม ซากาว่า พริ้นติ้ง แห่งเจเอฟแอลลีกระดับล่างของญี่ปุ่น ด้วยค่าเหนื่อยเพียง 5,000 เหรียญสหรัฐ “คูชิ”เป็นนักเตะที่ได้รับการยกย่องว่ามีมาตรฐานที่คงเส้นคงวามากที่สุดของชลบุรีในปีนี้ เขา มีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งและวินัยการเล่นที่ยอดเยี่ยม เขากลายเป็นนักเตะต่างชาติคนแรกในประวัติศาสตร์ของ “ฉลามชล” ที่ลงเล่นต่อเนื่องทุกนาทีเกิน 50 นัด โดยไม่มีอาการบาดเจ็บและโดนแบนภายในฤดูกาลเดียว และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไม “เฮงซัง” ถึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ทีมในเจลีก ดึงเขากลับไปถึงขนาดต้องจ้างสตาฟฟ์จากญี่ปุ่นมาทำงานร่วมกับ คูชิดะ ในปีหน้าเพื่อให้เขาไม่เกิดอาการ “โฮมซิก”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์