เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือ ลิเวอร์พูล กางปีกปกป้องต้นสังกัด โดยระบุ ทีมของตนไม่มีทางที่จะทำอะไรเกี่ยวกับการเหยียดผิว หลังปัจจุบัน "หงส์แดง" ต้องทนทุกข์กับเรื่องดังกล่าวอย่างไม่หยุดหย่อน ระบุชัด ถ้าทีมทำอื้อฉาวแบบนั้นจริง ตนคงไม่หวนคืนถิ่น แอนฟิลด์ อีกคำรบแน่

 เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งวงการพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาปกป้องสโมสรว่า ไม่ใช่สถานที่ที่จะทำเรื่องเลวร้ายเช่นการเหยียดผิวอย่างแน่นอน หลังจากที่ "หงส์แดง" ต้องเจอปัญหาเกี่ยวกับการดูหมิ่นชาติพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การที่ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงคนเก่งถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ตัดสินให้มีความผิดฐานดูถูกสีผิว ปาทริซ เอวร่า ฟูลแบ็ก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จริง

 นายใหญ่แห่งถิ่น แอนฟิลด์ กล่าวกับ "ลิเวอร์พูลเอฟซีดอตทีวี" (www.liverpoolfc.tv) ว่า "ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเข้าใจว่า สโมสรไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ แต่ผมไม่คิดว่า สโมสรจะตัดสินใจทำอย่างนั้น (เหยียดผิว) เลยนะ ซึ่งเราจะสนับสนุนการรณรงค์อย่างเป็นทางการที่มีความเกี่ยวข้องกับการเหยียด ผิวเสมอ"

 จากเรื่องข้างต้น ทำให้ ซัวเรซ ถูก เอฟเอ ลงโทษปรับเงินเป็นจำนวน 40,000 ปอนด์ (ประมาณ 2 ล้านบาท) พร้อมแบนอีกถึง 8 เกม แถมเมื่อไม่นานมานี้ ทอม อเดเยมี่ กองกลาง โอลด์แฮม แอธเลติก สโมสรจาก ลีก วัน อังกฤษ ก็ออกมาบอกว่า ถูกแฟนบอลในฝั่ง "ค็อป เอ็นด์" รายหนึ่งพูดเหยียดผิวใส่ ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่ "หงส์แดง" ถล่มทีมจากลีกต่ำกว่า 5-1 เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมาด้วย จนทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องแถลงการณ์ขอโทษในภายหลัง

 อย่างไรก็ตาม กุนซือวัย 60 ปี ยืนยันว่า ตนยังตัดสินใจที่จะยืนเคียงข้าง ซัวเรซ ต่อไป พร้อมยืนกรานว่า ตนคงไม่หวนกลับมาคุม ลิเวอร์พูล อีกแน่ หากคิดว่า "หงส์แดง" ทำอะไรที่เกี่ยวกับการเหยียดผิวจริง "เห็นได้ชัดว่า ประเด็นของ หลุยส์ เป็นสิ่งที่ใหญ่มาก ซึ่งการที่เหล่านักเตะแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุน หลุยส์ นับเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์"

 "แต่แล้วใครบางคนกลับไปตีความหมายในเรื่องนั้นแบบผิดๆ ราวกับจะบอกว่า เหล่านักเตะไปพูดในเชิงไม่สนใจที่จะต่อต้านการเหยียดผิวเสียอย่างนั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไร้สาระสิ้นดี ถ้าเกิดเราสามารถช่วยกำจัดการเหยียดผิว และการแบ่งแยกให้หมดสิ้นไปจากทุกภาคส่วนของสังคม พร้อมกับความช่วยเหลือจากทุกๆคนที่สโมสร ลิเวอร์พูล แล้วล่ะก็ เราก็พร้อมที่จะช่วยเสมอ"

"เราไม่อยากให้มีการเหยียดผิวเกิดขึ้นใกล้กับวงการฟุตบอล และแน่นอนว่า ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นรอบๆสโมสรฟุตบอลแแห่งนี้ด้วย" ดัลกลิช ร่ายยาว