ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » กินกันไม่ลง!หงส์เปิดรังเจ๊าไก่มันส์เกือก0-0

กินกันไม่ลง!หงส์เปิดรังเจ๊าไก่มันส์เกือก0-0

Posted 07/02/2012 by siamsport



 

 

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดถิ่นทำได้เพียงผลเสมอกับ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไปแบบสุดมันส์ 0-0 แบ่งกันไปทีมละแต้ม ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล รั้งอยู่อันดับที่ 7 เหมือนเดิมมี 39 แต้ม ขณะที่ สเปอร์ส อยู่ที่ 3 ของตารางมี 50 คะแนน ตามหลังรองจ่าฝูง แมนฯ ยูไนเต็ด 5 แต้ม และตามหลังจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ 7 แต้ม ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2555

ลิเวอร์พูล 0       -      0 สเปอร์ส


สนาม : แอนฟิลด์

     เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล กลับมาทำผลงานดีในลีกอีกครั้ง หลังบุกถล่ม วูลฟ์แฮมป์ตัน ยับเยิน 3-0 โดยได้สามประตูจาก แอนดี้ แคร์โรลล์, เคร็ก เบลลามี่ และ เดิร์ค เค้าท์ โดยทั้งสามคนจะได้ลงเป็นตัวจริงทั้งหมด ขณะที่ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าตัวเก่ง ชดใช้โทษแบน 8 นัดครบเรียบร้อยมีรายชื่อเป็นเพียงตัวสำรอง และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จอมทัพกัปตันทีม ที่ได้พักในเกมล่าสุด กลับมาบัญชาทัพแดนกลางอีกครั้ง

     เกมนี้รับรองว่าบุนพลหงส์แดงต้องใส่แบบไม่ยั้งแน่นอนเพื่อหวังเก็บชัยในบ้าน โดยอันดับล่าสุดก่อนเกมรั้งที่ 7 มี 38 คะแนน หากพวกเขาเก็บสามแต้มได้จะขยับแซง อาร์เซน่อล ขึ้นไปอยู่ที่ 6 แทนทันที

     ข้ามมาทางฝั่ง "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ภายใต้การคุมทีมของ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ล่าสุดเปิดบ้านชนะ วีแกน 3-1 แกเร็ธ เบล เหมายิงสอง อีกลูกจาก ลูก้า โมดริช ทำให้รักษาอันดับ 3 ตามสองทีมนำ 5 แต้ม และทิ้งอันดับ 4 เชลซี เป็น 7 แต้มแล้ว

     หลุยส์ ซาฮา กองหน้าคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจาก เอฟเวอร์ตัน มีชื่อเป็นเพียงตัวสำรอง โดย เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ จะยืนกองหน้าตัวเป้า ส่วน ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เจ็บน่องตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกเกมพบ  วีแกน ไม่มีชื่อแม้แต่ตัวสำรอง จึงเป็น ลิเวอร์มอร์ ที่ได้ลงตัวจริงแทน

     เกมนี้ไม่ต้องบอกก็แน่ใจได้เลยว่าทัพไก่จะเน้นเป็นเพิเศษหากพวกเขาบุกมาเก็บชัยได้การันตีถึงการร่วมลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดได้ทันที โดยอันดับล่าสุดก่อนลงสนามรั้งที่ 3 มี 49 คะแนน ตามรองจ่าฝูง แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ 6 แต้ม และ ตามจ่าฝูงแมนฯ ซิตี้ อยู่ 8 แต้ม

     เริ่มเกมมาได้สามนาทีเป็น สเปอร์ส ที่เปิดเกมบุกเข้าใส่และได้ทักทายจากการซัดหน้ากรอบเขตโทษของ ลูก้า โมดริช แต่ไปติดแผงหลังเจ้าถิ่นสะกัด

     นาทีที่ 4 สตีเว่น เจอร์ราร์ด แทงบอลให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ หลุดเดี่ยวข้าไปในกรอบเขตโทษทีมเยือน ก่อนถูก ไมเคิ่ล ดอว์สัน สะกัดล้มลงแต่ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ นิ่งเฉยไม่ให้ฟาวน์

     นาทีที่ 7 แฟนหงส์แดงได้ลุ้นอีกครั้งเมื่อเจ้าถิ่นได้ลุ้นประตูจากลูกฟรีคิกของ เจอร์ราร์ด ระยะประมาณ 18 หลาแต่ซัดบอลไม่ผ่านกำแพงทีมเยือน

     ผ่านพ้น 10 นาทีแรกทั้งสองฝ่ายเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างสนุก แต่ก็เน้นเป็นพิเศษในเกมรับและบอลส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่แดนกลางของสนาม

     เกมกำลังอยู่ในความตึงเครียดแต่แล้วเสียงเฮของแฟนบอลทั้งสนามก็ดังกึกก้องเมื่อมีแมววิ่งเข้ามาป่วนในสนามจนทำให้เกมต้องหยุดชะงักไปสักครู่

     ผ่านมานาทีที่ 17 หงส์แดง ยังคงครองเกมได้มากกว่าพยายามต่อบอลเข้าใส่ทีมเยือน แต่ยังคงไม่ผ่านแผงรับของ สเปอร์ส ที่คุมพื้นที่ไว้จนเจ้าถิ่นเสียบอลเองไปหลายจังหวะ

     นาทีที่ 21 กล้องจับไปที่ แกเร็ธ เบล ซึ่งลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกครบ 100 แมตช์พอดี แต่เกมนี้ยังทำผลงานไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไรนัก

     นาทีที่ 24 หงส์แดงที่กำลังเดินเกมบุกอยู่เพลินๆ ถูก สเปอร์ส สวนกลับเร็วและ อเดบายอร์ พาบอลเข้าไปในเขตโทษเจ้าถิ่นพยายามหาจังหวะซัดแต่ถูกแผงหลัง หงส์แดงถึง 4 คนเข้ารุมเบียดแย้งบอลเอาไว้ได้

     นาทีที่ 31 แฟนสาวกเกือบได้เฮลั่นเมื่อ เกล็น จอห์นสัน เปิดลูกตั้งแตะทางฝั่งซ้ายเข้าไปในเขตโทษทีมเยือน เป็น เดิร์ค เค้าท์ ที่เข้าโหม่งแต่บอลหลุดออกกรอบไปและก็เป็นจังหวะล้ำหน้าอีกด้วย

     นาทีที่ 33 โอกาสทำประตูขึ้นนำของ ลิเวอร์พูล เกิดขึ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ เจอร์ราร์ด ไหลบอลให้ เจย์ สเปียริ่ง วิ่งเข้ามาซัดโล่งๆ หน้ากลางกรอบเขตโทษของทีมเยือนระยะประมาณ 25 หลา บอลทำท่าว่าจะเสียบสามเหลี่ยมโดยผ่านมือ ฟรีเดลที่พุ่งสุดตัวแต่ไม่ถึง แต่บอลกลับเลี้ยวมากไปหลุดออกกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

     นาทีที่ 39 ใบเหลืองแรกเกิดขึ้นและเป็นของทางฝั่ง สเปอร์ส จากจังหวะที่ เจอร์ราร์ด กระชากบอลลุยเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษทีมเยือน สกอตต์ ปาร์เกอร์ เข้าหยุดเกมฟาวน์ และจากจังหวะดังกล่าาว เคร็ก เบลลามี่ รับหน้าที่ยิงแต่ไปติดกำแพงสเปอร์สออกไป

     เกมดำเนินมาถึงห้านาทีสุดท้ายก่อนทดเวลาบาดเจ็บเป็น สเปอร์ส ที่กลับครองเกมบุกได้ดีกว่าและได้โอกาสทองบ้างจากจังหวะต่อบอลสั้นและ ไคล์ วอล์คเกอร์ หลุดเข้าไปซัดในกรอบเขตโทษของเจ้าถิ่นแต่ไปติดเท้า เกล็น จอห์นสัน สกัดออกไปได้

     ช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก เกล็น จอห์นสัน พาบอลลุยขึ้นมาก่อนตัดสินใจซัดไกลด้วยขวาระยะประมาณ 22 หลาบอลพุ่งแรงเข้ากรอบแต่เป็น แบร๊ด ฟรีเดล นายด่านทีมเยือนป้องกันเอาไว้ได้ และก็เป็นจังหวะสุดท้ายจบครึ่งเวลาแรกทั้งสองทีมยังคงเสมอกัน 0-0

     กลับมาฟาดแข้งกันต่อในครึ่งเวลาหลังยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นของทั้งสองฝั่ง นาทีที่ 47 สตีเว่น เจอร์ราร์ด จอมทัพหงส์แดงพาบอลบุกขึ้นมาในแดนทีมเยือนก่อนตัดสินใจซัดไกลหน้ากรอบเขตโทษด้านขวา แต่บอลไปติดแผงหลังสเปอร์ส

     นาทีที่ 51 กล้องจับไปที่ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ถูกสั่งวอร์มอัพและมีทีท่าว่าจะถูกส่งลงมาป่วนแนวรับทีมเยือน

     นาทีที่ 53 เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นในสนามจากจังหวะปะทะกันของ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ กับ แกเร็ธ เบล เมื่อกลับมาดูภาพช้ากลายเป็น เบล ที่จงใจพุ่งล้มหวังเรียกฟาวน์จนถูก แอ็กเกอร์เข้าไปต่อว่า แต่ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ไม่หลงกลแจกใบเหลืองให้ เบล ทันที

     เกมทวีความมันส์ระดับ 5 ดาวมากขึ้นและนาทีที่ 56 ไก่เดือยทองพลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดายจากจังหวะที่ ปาร์เกอร์ โยนบอลผ่านไปเข้าหัว อเดบายอร์ โหม่งตั้งอีกทีก่อนเป็น เบล ที่พยายามวอลเล่ย์ด้วยเท้าขวาในกรอบเขตโทษหงส์แดงแต่โดนไม่ถนัดบอลลอยโด่งข้ามออกไปไกล

     นาทีที่ 59 เจ้าถิ่นได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ ชาลี อดัม ล้มตัวต่อบอลให้ มาร์ติน เคลลี่ จากกลางสนามขึ้นไปฝั่งขวาในงั่งทีมเยือนและไม่มีฝั่งสเปอร์สเข้าสกัดเจ้าตัวเลยตัดสินใจซัดไกลเต็มข้อบอลพุ่งเข้ากรอบแต่เป็น ฟรีเดล ยังโชว์เซฟเอาไว้ได้

     นาทีที่ 64 หงส์แดงได้โต้กลับเร็วและเป็น แคร์โรลล์ ที่หลุดขึ้นไปทางฝั่งขวาก่อนไหลบอลย้อนคืนไปกลางกรอบเขตโทษ สเปอร์ส และเป็น ชาลี อดัม เข้าซัดเต็มข้อบอบพุ่งไปติด  ไมเคิ่ล ดอว์สัน แผงหลังทีมเยือนที่วิ่งเข้ามาบังไว้ออกไปได้

     นาทีที่ 66 ลิเวอร์พูลตัดสินใจส่งไผ่ใบแรกลงมาโดยเป็น หลุยส์ ซัวเรซ ที่พ้นโทษแบนลงมาแทน เดิร์ค เค้าท์

     นาทีที่ 67 แฟนหงส์แดงได้ลุ้นประตูอีกครั้งจากจังหวะแตะมุมเมื่อ แอนดี้ แคร์โรลล์ ได้ขึ้นโหม่งแบบไร้ตัวประกบบอลพุ่งเข้ากรอบแต่ไปเข้ามือ ฟรีเดลรับเอาไว้ได้สบาย

     นาทีที่ 69 หลุยส์ ซัวเรซ ที่พึ่งเปลี่ยนตัวลงไปไม่กี่นาทีต้องสังเวยใบเหลืองจากจังหวะที่ไปแตะใส่ท้อง สกอตต์ ปาร์เกอร์ และ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ที่ตัดสินได้ค่อนข้างดีไม่รังเรที่จะให้ใบเหลืองทันที

     นาทีที่ 72 สเปอร์ส เปลี่ยนตัวผู้เล่นโดยส่ง หลุยส์ ซาฮา ลงมาแทน อเดบายอร์ ที่โชว์ผลงานได้ไม่ดีนัก และจากจังหวะต่อเนื่องทีมเยือนได้ลุ้นประตูจาก เบล ที่กระชากลุยเข้าไปก่อนซัดด้วยเท้าขวาบอลเลยออกเสาไกลไป

     ครึ่งนาทีต่อมาเจ้าถิ่นเปลี่ยนตัวผู้เล่นโดยส่ง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ลงมาแทน เคร็ก เบลลามี่

     นาทีที่ 73 โอกาสทองของหงส์แดงที่ดีที่สุดเท่าที่เกมดำเนินมาเกิดขึ้นเมื่อ แคร์โรลล์ ได้ซัดบอลในเขตโทษทีมเยือนด้วยเท้าขวาเต็มข้อแต่บอลโด่งข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

     นาทีที่ 75 หงส์แดงถูกอีกหนึ่งใบเหลืองคราวนี้เป็นของ มาร์ติน สเคอร์เทล ที่เข้าสกัดหนักใส่ แกเร็ธ เบล และจากจังหวะดังกล่าว เบล ถูกนำออกมาประถมพยาบาลนอกสนาม

     นาทีที่ 77 เจ้าถิ่นได้บอลบุกอีกครั้งโดย ซัวเรซ กระชากขึ้นไปก่อนส่งให้ แคร์โรลล์ เปิดบอลไปติดแผงหลัง สเปอร์สออกไป

     นาทีที่ 79 หงส์แดงโหมบุกหนักและได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ เกล็น จอห์นสัน พาบอลไปสุดเส้นก่อนโยนมาเข้าหัว แคร์โรลล์ ที่ล้มตัวโหม่งบอลหลุดออกไปอย่างน่าเสียดาย

     ผ่านพ้นมาถึง 10 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล ได้ลูกฟรีคิกประมาณ 35 หลา เจอร์ราร์ด รับหน้าที่เปิดบอลพุ่งตรงเข้าไปในกรอบเขตโทษทีมเยือน เป็น ฟรีเดล ที่ออกมาชกบอลออกไปได้

     จากการโต้กลับเพลินๆ ของเจ้าถิ่นแต่เกือบต้องมาเสียประตูเมื่อ สเปอร์ส โต้กลับเร็วและเป็น นิโก้ ครานชาร์ หลุดแนวล้ำหน้าเข้าไปซัดตรงตัว ฟรีเวล ป้องกันเอาไว้ได้

     นาทีที่ 86 เป็นเจ้าถิ่นบ้างที่น่าจะได้ประตูขึ้นนำเมื่อได้ลูกฟรีคิกเป็น เจอร์ราร์ด ที่เปิดไปเข้าหัว ซัวเรซ ที่โหม่งโล่งๆ แต่ไปตรงตัว ฟรีเดล รับเข้าซองไม่พลาด

     เกมนี้ทดเวลาบาดเจ็บออกไปถึง 4 นาที นาทีที่ 93 หงส์แดงได้ลุ้นอีกหนึ่งจังหวะจากลูกแตะมุมแต่ยังไม่ผ่านแนวรับ สเปอร์สอยู่ดี ทำให้ จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดรังทำได้เพียงแค่เสมอกับ สเปอร์ส แบบสุดมันส์ 0-0 แบ่งกันไปทีมละแต้ม ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล รั้งอยู่อันดับที่ 7 เหมือนเดิมมี 39 แต้ม ขณะที่ สเปอร์ส อยู่ที่ 3 ของตารางมี 50 คะแนน ตามหลังรองจ่าฝูง แมนฯ ยูไนเต็ด 5 แต้ม และตามหลังจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ 7 แต้ม

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

     ลิเวอร์พูล: โฆเซ่ เรน่า - มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนี่ยล แอ็กเกอร์, เกล็น จอห์นสัน - ชาร์ลี อดัม, เจย์ สเปียริ่ง, สตีเว่น เจอร์ราร์ด (กัปตันทีม), เดิร์ค เค้าท์ (หลุยส์ ซัวเรซ น.66) - แอนดี้ แคร์โรลล์, เคร็ก เบลลามี่ (สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง น.73)

     สำรองไม่ได้ใช้: อเล็กซานเดอร์ โดนี่ (ผู้รักษาประตู) - ฟาบิโอ ออเรลิโอ, จอร์แดน เอนเดอร์สัน, เซบาสเตียน โกอาเตส, เจมี่ คาร์ราเกอร์

     ใบเหลือง: หลุยส์ ซัวเรซ น.70, มาร์ติน สเคอร์เทล น.76

     สเปอร์ส: แบร๊ด ฟรีเดล - ไคล์ วอล์คเกอร์, ไมเคิล ดอว์สัน, เล็ดลี่ย์ คิง (กัปตันทีม), เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ - นิโก้ ครานชาร์ (แดนนี่ โรส น.87), สกอตต์ พาร์เกอร์, เจค ลิเวอร์มอร์, ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล - เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ (หลุยส์ ซาฮา น.71)

     สำรองไม่ได้ใช้: คาร์โล คูดิชินี่ (ผู้รักษาประตู) - บอนกานี่ คูห์มาโล่, มัสซิโม่ ลูออนโก้, ไรอัน เนลเซ่น, แคเมรอน แลงคาสเตอร์

     ใบเหลือง: สกอตต์ พาร์เกอร์ น.39, แกเร็ธ เบล น.54

     ผู้ตัดสิน: ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • ดัลกลิชเนื้อเต้น3คีย์แมนพร้อมนำทัพหงส์
    เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือจอมเก๋า "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล รับแทบอดใจรอดูหลุยส์ ซัวเรซ, แอนดี้ แคร์โรลล์ และสตีเว่น เจอร์ราร์ด ผสานงานทะลวงแนวรับคู่แข่งไม่ไหวแล้ว หลังบรรดาแนวรุกคนสำคัญ พร้อมลงสนามร่วมกันเสียที คุยฟุ้งตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทีมดีขึ้นเยอะ และยังสามารถพัฒนาให้เก่งขึ้นกว่านี้ได้อีกแน่นอน
  • ผีมากสุดหมาป่าจี้ติดทีมยอดเยี่ยมผู้ดีวีก24
    ทีมยอดเยี่ยมศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2011-2012 ประจำสัปดาห์ที่ 24 พบว่าผู้เล่นของ"ผีแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ติดมากสุดถึง 4 ราย ขณะที่"หมาป่า"วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ตามจี้มาติดๆมาเป็นอันดับสอง ขณะที่ เชลซี และ แมนฯซิตี้ ติดโผเข้ามาทีมละรายเดียว
  • หงส์เฮ!ซัวเรซคืนทัพคู่แคร์โรลล์,ไก่ลุ้นยอร์ลงยิง
    "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้ข่าวดีเมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ พ้นโทษแบนและอาจได้ลงตัวจริงผนึกคงแข้งกับ แอนดี้ แคร์โรลล์ อีกครั้ง เกมเปิดรังรับการมาเยือน "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส ที่ต้องลุ้นหนักให้ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ซึ่งมีอากาจบาดเจ็บฟิตทันลงฟาดแข้ง ขณะที่ หลุยส์ ซาฮา กองหน้าป้ายแดงอาจได้โอกาสลงตัวจริงทันที ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ 6 ก.พ. ศกนี้
  • FAเลือกแคล็ตแท่นเบิร์กเป่านัดชิงคาร์ลิ่งคัพ
    สมาคมลูกหนังอังกฤษหรือเอฟเอ(FA) ได้เลือก มาร์ค แคล็ตแท่นเบิร์ก ผู้ตัดสินในวัย 36 ปี ให้ลงทำหน้าที่ตัดสินฟุตบอลรายการคาร์ลิ่ง คัพ 2011/2012 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง ลิเวอร์พูล พบ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ศกนี้ ที่สนามเวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »