ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » บาร์ซ่าลุ้นเมสซี่ซัดพลิกนรก,สิงห์ส่งดร็อกยิง

บาร์ซ่าลุ้นเมสซี่ซัดพลิกนรก,สิงห์ส่งดร็อกยิง

Posted 24/04/2012 by siamsport

 
 
"เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า เตรียมจัดทัพเต็มอัตราศึกนำโดย ลีโอเนล เมสซี่ โคตรแข้งดาวซัลโวล่าตาข่ายทีมเยือน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่ลุ้นให้ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ระเบิดฟอร์มซัดประตูปิดตำนานแชมป์เก่าเพื่อเข้าสู่รอบชิงฯ ในศึกฟุตบอล ยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง คืนวันอังคารที่ 24 เม.ย. ศกนี้

 


ปรีวิว ฟุตบอล ยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบรองชนะเลิศ นัดสอง) ฤดูกาล 2011-12

วันอังคารที่ 24 เมษายน 2555

บาร์เซโลน่า (สเปน)      -      เชลซี (อังกฤษ)

(ผลนัดแรก เชลซี ชนะ 1-0)




สนาม:
เอสตาดิโอ คัมป์ นู, บาร์เซโลน่า


        "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า แพ้สองนัดติดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2009 หลังจากเสียท่าให้กับ เชลซี 0-1 ในยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรอง นัดแรก แล้วมาเปิดบ้านแพ้ เรอัล มาดริด 1-2 ใน ลา ลีกา นัด "เอล กลาซิโก้" เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้มีแต้มตามหลัง "ราชันชุดขาว" อยู่ 7 คะแนนเต็มแล้ว ขณะที่เหลืออีกแค่ 4 นัด ทำให้โอกาสป้องกันแชมป์ลีกเลือนรางลงทุกที คงต้องหันมาเน้นให้ความสำคัญกับถ้วยยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แทน


        บาร์ซ่า ไม่แพ้ใครในรังยามลงเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป มา 15 นัดติดแล้ว เกมนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือใหญ่วัย 41 ปีของ "อาซูลกราน่า" ไม่มีผู้เล่นติดโทษแบนให้ต้องกังวลใจ แต่รายของ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ กับ การ์เลส ปูโยล ต้องเล่นอย่างระวัง ถ้าโดนใบเหลืองเพิ่มจะติดโทษแบนในนัดชิงชนะเลิศทันที ถ้า บาร์ซ่า ผ่านเข้าไปถึงตรงนั้น


        ขณะเดียวกัน บาร์ซ่า ต้องปราศจาก เอริก อบิดัล วิงแบ็คชาวฝรั่งเศสที่ผ่าตัดปลูกถ่ายตับ รวมไปถึง อันเดรว ฟอนตาส กับ ดาบิด บีย่า ที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์


        ข่าวดีคือได้ตัว อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้าตัวเก่งชาวชิลี หายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวา กลับมาลงสนามเป็นตัวสำรองในเกม เอล กลาซิโก้ แล้วซัดประตูตีเสมอได้ด้วยนั้น มีลุ้นออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมนี้ เช่นเดียวกับ เชส ฟาเบรกาส ที่ได้เล่นแค่ 9 นาที ในเกมดังกล่าวนั้น ก็น่าจะคืนทัพด้วยเช่นกัน


        สำหรับรายของ เคราร์ด ปิเก้ เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวกลั่นที่เจ็บต้นขาจนพลาดการลงสนาม 5 เกมหลังสุดนั้น ฟื้นตัวกลับมาพร้อมลงช่วยทีมแล้ว


        รูปแบบการเล่นใช้สูตร 3-4-3 แนวรับจากขวามาซ้ายประกอบด้วย ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, เคราร์ด ปิเก้ และ การ์เลส ปูโยล


        ขุมกำลังในแดนกลางวางใจ ดาเนี่ยล อัลเวส, ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ อันเดรส อิเนียสต้า ลงมาผนึกกำลังร่วมกัน


        สามประสานแนวรุกให้ อเล็กซิส ซานเชซ, ลีโอเนล เมสซี่ และ เชส ฟาเบรกาส ลงล่าตาข่ายพร้อมกัน


        ทางด้าน "สิงห์บลูส์" เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ กุนซือรักษาการณ์ชาวอิตาเลี่ยน พาทีมมีผลงานยอดเยี่ยมนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเมื่อต้นเดือนมีนาคม 14 นัด คว้าชัยได้ถึง 10 นัด เสมอ 3 และแพ้ 1 เกมล่าสุดคือการบุกเสมอ อาร์เซน่อล 0-0 ในพรีเมียร์ ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้รั้งแค่อันดับ 6 มีทั้งหมด 58 คะแนน จาก 34 นัด ยังพอมีลุ้นไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าอยู่ แต่ก็เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ


        ส่วนผลงานในยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก นั้น เชลซี เปิดบ้านเอาชนะ บาร์เซโลน่า มาได้ 1-0 ทำให้กุมความได้เปรียบไว้ก่อนบุกไปเยือน "เจ้าบุญทุ่ม" ที่คัมป์ นู ในนัดที่สอง


        สภาพทีมนัดนี้ไม่มีใครติดโทษแบน แต่ 4 ผู้เล่นอย่าง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ราอูล เมยเรเลส และ รามิเรส ต้องเล่นอย่างระวัง ถ้าโดนเหลืองเพิ่มในเกมที่สอง จะติดโทษแบนในนัดชิงทันที หากว่า เชลซี ผ่านเข้าไปได้


        ขณะที่ ดาวิด ลุยซ์ กองหลังชาวบราซิล เจ็บเอ็นหลังหัวเข่ามาจากเกมเอฟเอ คัพ ตั้งแต่เมื่อ 10 วันที่แล้ว โอกาสลงสนามได้มีน้อยมาก พร้อมทั้งต้องรอเช็คฟิต ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ศูนย์หน้าตัวเก่งชาวไอวอรี่ โคสต์ วัย 34 ปี ที่เจ็บหัวเข่าจนพลาดลงสนามในศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ที่เสมอกับ อาร์เซน่อล 0-0 อีกรายด้วย


        อย่างไรก็ตามจะได้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลังที่ติดโทษแบนในประเทศ กลับคืนทีม


        ดิ มัตเตโอ กุนซือรักษาการณ์ของเชลซี น่าจะใช้สูตร 4-3-2-1 ให้ ปีเตอร์ เช็ก เฝ้าเสา แนวรับ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล ยืนเป็นไลน์ดีเฟนซ์


        ห้องเครื่องของสิงห์บลูส์ วาง ราอูล เมยเรเลส, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด ช่วยกันคุมเกมและดักตัดเกม เปิดทางให้กับ รามิเรส และ ฆวน มาต้า ปั้นเกมรุกสนับสนุน ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา เข้าจบสกอร์


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม


        บาร์เซโลน่า
: บิคตอร์ บัลเดส - ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, เคราร์ด ปิเก้, การ์เลส ปูโยล (กัปตันทีม) - ดาเนี่ยล อัลเวส, ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า - อเล็กซิส ซานเชซ, ลีโอเนล เมสซี่, เชส ฟาเบรกาส


        เชลซี:
ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่ (กัปตันทีม), แอชลี่ย์ โคล - ราอูล เมยเรเลส, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - รามิเรส, ฆวน มาต้า - ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา


        ผู้ตัดสิน: คูเนย์ต ซาคีร์ (ตุรกี)



เกร็ดสถิติที่น่าสนใจ บาร์เซโลน่า VS เชลซี

 
-คู่นี้เคยปะทะกันมาทั้งหมด 11 ครั้งในศึกฟุตบอลสโมสรยุโรปทุกรายการ โดย เชลซี มีผลงานดีกว่าเล็กน้อยชนะไป 4 นัด ส่วน บาร์เซโลน่า คว้าชัยไปได้ 3 ที่เหลืออีก 4 นั้น ลงเอยด้วยการเสมอกันไป
-การพบกันในซีซั่น 2008-09 รอบรองชนะเลิศ หลังจากที่เสมอกันมาแบบไร้สกอร์ในนัดแรก ไมเคิ่ล เอสเซียง ยิงให้ เชลซี ขึ้นนำก่อนนาทีที่ 9 และ บาร์เซโลน่า ก็ต้องมาเสียเปรียบเหลือ 10 คน เมื่อ เอริก อบิดัล โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป อย่างไรก็ดี อันเดรส อิเนียสต้า ก็มาทำประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ส่งผลให้ทีมดังจากสเปนผ่านเข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน
-บาร์เซโลน่า มีสถิติเล่นในบ้านพบ เชลซี ชนะ 2 เสมอ 3 แพ้ 0 แต่ทีมดังจากลอนดอนก็บุกเสมอได้ตลอด 3 ครั้งหลังสุดที่มาเยือน
-ทั้ง สองทีมยังเคยพบกันรอบรองชนะเลิศ ปี 1965-66 ในศึกอินเตอร์-ซิตี้ส์ แฟร์ส คัพ ซึ่งก็ผลัดกันชนะในบ้านตัวเองด้วยสกอร์ 2-0 ก่อนที่ บาร์เซโลน่า จะเป็นฝ่ายถล่มไป 5-0 ในแมตช์ที่สามที่คัมป์ นู
-บาร์เซโลน่า ไม่แพ้ใครในศึกยุโรปที่บ้านตัวเองมา 15 นัด ซึ่งย้อนกลับไปตั้งแต่ตุลาคม 2009 โดยชนะ 13 และเสมอ 2 นัด ยิงได้ 18 ประตูใน 5 เกมในรังฤดูกาลนี้
-ขณะเดียวกัน เจ้าบุญทุ่ม มีสถิติเล่นในบ้านพบกับสโมสรจากอังกฤษ ชนะ 15 เสมอ 10 แพ้ 2
-เชลซี มีสถิติเยือนทีมในศึกลา ลีกา ชนะ 3 เสมอ 5 แพ้ 5 พวกเขาบุกเสมอ บาเลนเซีย 1-1 ในรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาลนี้
-บาร์ เซโลน่า มีสถิติรวมพบกับทีมจากอังกฤษ ชนะ 24 เสมอ 18 แพ้ 17 พวกเขามีผลงานเล่นแบบสองเลกพบทีมจากแดนผู้ดีในฟุตบอลยุโรป ชนะ 10 แพ้ 9
-บาร์ เซโลน่า แพ้ในคัพ วินเนอร์ส คัพ รอบชิงชนะเลิศ ปี 1991 ด้วยสกอร์ 1-2 ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่พวกเขาก็มาชนะ อาร์เซน่อล ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ปี 2006 เช่นเดียวกับการเอาชนะ ยูไนเต็ด ในปี 2009 และ 2011 ในรอบชิงชนะเลิศ
-เชลซี มีสถิติทั้งหมดในการพบกับสโมสรจากสเปน ชนะ 14 เสมอ 10 แพ้ 6 ในการเล่นแบบสองเลกที่พบสโมสรจากเมืองกระทิงดุในฟุตบอลยุโรป พวกเขามีสถิติ ชนะ 3 แพ้ 5
-เชลซี คว้าแชมป์ฟุตบอลยุโรปครั้งแรกเมื่อเอาชนะ เรอัล มาดริด ในคัพ วินเนอร์ส คัพ รอบชิงชนะเลิศ ปี 1971 ที่เอเธนส์ ซึ่งพวกเขาเอาชนะได้ 2-1 หลังจากเสมอมา 1-1 ในเกมแรก
-บาร์เซโลน่า ชนะ 2 และแพ้ 4 ในการเล่นรอบรองชนะเลิศพบสโมสรจากอังกฤษ และหนึ่งในนั้นเกิดขึ้นในรายการนี้เมื่อไปแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2007-08 **ขณะที่ เชลซี แพ้มาตลอด 3 ครั้งก่อนหน้านี้ในการเล่นรอบรองชนะเลิศที่พบกับสโมสรจากสเปน โดยนอกเหนือจากปี 2009 ที่แพ้ บาร์เซโลน่า แล้ว พวกเขาก็พ่าย มายอร์ก้า ในปี 1998-99 ในคัพ วินเนอร์ส คัพ และ เรอัล ซาราโกซ่า ในรายการเดียวกันเมื่อ 4 ปีก่อนหน้านั้น
-เชลซี ผ่านเข้ารอบมาได้ 9 จาก 13 ครั้งในรายการยุโรปเมื่อพวกเขามีสถิติชนะในบ้านตัวเองได้ก่อนในเกมเลกแรก และ เชลซี ก็เคยเอาชนะคู่แข่งมาได้ด้วยสกอร์ 1-0 จะแพ้ 2 และชนะ 3
-จาก 23 ครั้งในรายการยุโรปที่ บาร์เซโลน่า แพ้ในเกมเยือนเลกแรก พวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์เข้ารอบได้ 11 ครั้ง และมี 5 ครั้งที่ บาร์ซ่า แพ้มาก่อนด้วยสกอร์ 0-1 ในเลกแรก พวกเขาก็พลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบได้ 3 และตกรอบไป 2 ครั้ง รวมถึงหนล่าสุดที่พบ เซลติก ในยูฟ่า คัพ รอบสี่ ปี 2003-04 (กลับมาเสมอในบ้านตัวเอง 0-0)
-เฟร์นานโด ตอร์เรส ยิงไป 7 ประตูใน 10 เกมลีกที่ลงสนามให้ แอต.มาดริด พบ บาร์เซโลน่า เขาช่วยให้ตราหมีชนะ 4 เสมอ 4 แพ้ 2 นอกจากนี้เขายังยิง 2 ประตูในชัยชนะที่คัมป์ นู แต่ทีมของเขาในตอนนั้นก็แพ้ในบ้านตัวเอง 0-6 ซึ่งนั่นเป็นเกมสุดท้ายที่เขาได้ลงเล่นพบกับ บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2007
-โอ ริโอล โรเมอู เคยลงสนามให้กับ บาร์เซโลน่า เบ 41 นัดในลีกระหว่างปี 2009 ถึง 2011 ขณะที่ทีมชุดใหญ่ก็เคยเล่นไป 2 นัด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเกมลา ลีกา
-ตอร์เรส และ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมกันในสมัยค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล
-มาส เคราโน่ เคยลงสนามพบ เชลซี ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ ลิเวอร์พูล โดยพาทีมเอาชนะในรอบรองชนะเลิศ ปี 2006-07 และแพ้ในรอบเดียวกันเมื่อปี 2007-08 ก่อนที่จะแพ้ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ปี 2008-09 เขามีสถิติรวมเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล พบ เชลซี ชนะ 3 เสมอ 3 แพ้ 4
-ฟา เบรกาส เคยลงสนามดวลกับ เชลซี 16 ครั้งระหว่าง 8 ปีที่ค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล โดยมีสถิติชนะ 3 เสมอ 4 และแพ้ 9 ในพรีเมียร์ลีกและบอลถ้วย เขายิงได้ 2 ประตู รวมถึงนัดสุดท้ายที่ลงเล่นให้ปืนใหญ่พบสิงห์บลูส์ในเดือนธันวาคม 2010
-เคราร์ด ปิเก้ เคยเล่นอยู่ในอังกฤษ 4 ฤดูกาลกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ระหว่างปี 2004 ถึง 2008 แต่เขาก็ไม่เคยลงสนามพบกับ เชลซี เลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • เชอรีลเอาแน่แฉโคลคลั่งสวาทรับทรัพย์อื้อซ่า
    แอชลี่ย์ โคล แบ็กซ้ายกามฉกรรจ์ยี่ห้อ "สิงห์บลูส์" มีหวังกลุ้มใจไปกันใหญ่ เหตุตั้งท่าตกเป็นข่าวอื้อฉาวอีกระลอก หลัง เชอรีล โคล เมียเก่าพันธุ์เอ็กซ์ แอบไปรับจ๊อบฟันเงินก้อนใหญ่ในการเขียนหนังสือชีวิตตัวเอง แถมมีเงื่อนไขต้องแฉเป็นชุดไม่มียั้ง โดยเฉพาะความเจ้าชู้คลั่งเกมกามกรีฑาของอดีตสามีตัวแสบ
  • ชาบีเร้าบาร์ซ่าซิวแชมป์ทุกรายการที่ยังมีลุ้น
    ชาบี เอร์นานเดซ เพลย์เมกเกอร์ บาร์เซโลน่า กระตุ้น "เจ้าบุญทุ่ม" คว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้ เพื่อกู้หน้า หลังแพ้ เรอัล มาดริด จนความหวังในการคว้าแชมป์ลีกกระทิงดับสนิท
  • กระพือ!เสี่ยหมีเล็งทุ่มสุดตัวดึงมูคัมแบ็กคุมเชลซี
    สื่อประโคมข่าวใหญ่โต โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีม เชลซี เตรียมทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อยั่วยวนดึงตัว โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ เรอัล มาดริด กลับมารับงานเป็นนายใหญ่ "สิงห์บลูส์" อีกคำรบ หลังจบซีซั่นนี้ เมื่อดูแววแล้วว่า โค้ชชาวโปรตุกีส น่าจะชิ่งยอดทีมแห่งแดนกระทิงดุค่อนข้างแน่ โดยพร้อมจะเกทับด้วยค่าเหนื่อยที่มากขึ้น และไม่เกี่ยงที่จะจ่ายค่าซื้อสัญญาที่เหลืออยู่ในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว อีก 2 ปีด้วย
  • ขาวสะอาด!อดีตเชิ้ตดำยันประตูเคดิร่าไม่ล้ำหน้า
    ราอูล การ์เซีย เด โลซ่า อดีตผู้ตัดสินรุ่นเก๋า ยืนยันเห็นตาม อันเดียโน่ มาเยนโก้ ผู้ตัดสินในเกมเอล กลาซิโก้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่เป่าให้ลูกยิงขึ้นนำของ ซามี่ เคดิร่า มิดฟิลด์ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เป็นประตู แม้จะมีบางเสียงค้านว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า พร้อมชื่นชมเชิ้ตดำรุ่นน้องว่าสามารถควบคุมเกมที่มีความตึงเครียดสูงแบบนี้ได้เป็นอย่างดี

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »