ถึงเวลายอมรับความจริง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งท้าชิงแชมป์กับ "ปีศาจแดง" อย่างเต็มตัว แถมบอกมองในแง่เกมที่มีความหมายแล้ว การฟัดกับ ซิตี้ สำคัญกว่าเกมเจอ ลิเวอร์พูล ด้วยซ้ำ พร้อมย้ำแฟนบอล และลูกทีม ด้วยพลังแบ๊กอัพของคู่อริร่วมเมือง จากนี้ไปกรุณาทำตัวให้ชินว่าจะต้องทำศึกสำคัญๆ กับ ซิตี้ ไปอีกนาน

 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถลงยอมรับการสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ ที่มีลุ้นแชมป์ลีกอย่างเต็มตัวของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อริร่วมเมือง หลังมีคิวทำศึกผ่าเมือง ตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่สังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม วันจันทร์ที่ 30 เมษายนี้ พร้อมบอกด้วยว่าตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวกว่า ลิเวอร์พูล คู่แค้นศึกแดงเดือด ไปแล้ว
 
เฟอร์ กี้ กล่าวก่อนเกมดาร์บี้แมตช์นัดชี้ชะตา จากการมีแต้มนำ ซิตี้ อยู่ 3 แต้ม หากแพ้ อันดับจะเปลี่ยนทันที ว่า "พวกเขาเป็นคู่แข่งโดยตรงของเราแล้ว ณ เวลานี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก้าวขึ้นมาท้าชิงแชมป์กับเรา นั่นแหละที่เราเพ่งสมาธิถึง เราโฟกัสไปยังทีมที่จะมาหยุดยั้งพวกเราจากการคว้าแชมป์ เราจะต้องทำตัวให้ชินกับการเล่นเกมนัดสำคัญๆ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะว่าพวกเขาคงจะอยู่ตรงนี้กับเราไปอีกนาน"
 
"ด้วยการสนับ สนุนที่พวกเขามี หมายความว่าเราจะต้องต่อสู้กับพวกเขาในเกมใหญ่ๆ เพียบ บางทีอาจจะเป็นในนัดชิงฯ ต่างๆ เราเจอกันมาแล้วในรอบรองฯ และในเกมบอลถ้วยซีซั่นนี้ ถ้าเราจะต้องลุ้นคว้าแชมป์ลีกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งผมว่ามันจะเป็นแบบนั้น เกมกับพวกเขาจะมีความสำคัญพอๆ กับเกมกับ ลิเวอร์พูล บางทีอาจไม่ใช่ในแง่ของอารมณ์ความรู้สึก แต่ถ้าในแง่ความสำคัญแล้ว ตอนนี้มันอาจสำคัญกว่าเกมกับ ลิเวอร์พูล ด้วยซ้ำ" เฟอร์กูสัน กล่าว
 
กุนซือเลือดสกอตต์ หันมากล่าวถึงสถานการณ์ลุ้นแชมป์ที่เกมดาร์บี้แมตช์จันทร์นี้ ผลเสมอก็อาจเพียงพอแล้ว
ว่า "เรารู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นยังไง พวกเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เราสามารถมองผลการแข่งขันได้ถึง 2 แบบ ส่วนพวกเขามีได้แบบเดียวเท่านั้น ถึงพวกคุณจะรู้อยู่แล้วว่าตัวผม และทีมเป็นยังไง พวกเรามองหาชัยชนะเสมอ"
 
 เช่นเคยที่ เฟอร์กี้ มองว่า เขาจำเป็นต้องไว้วางใจในประสบการณ์ของลูกทีมที่ผ่านร้อนผ่านหนาว รับมือกับความกดดัน และสู้ศึกสำคัญๆ มาเยอะ "ผมว่าในทีมเรามีประสบการณ์มากพอ ปาทริซ เอวร่า, ริโอ เฟอร์ดินานด์ แม้แต่ เวย์น รูนี่ย์ ก็ผ่านเกมฟุตบอลมากอย่างโชกโชนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ของเขา เช่นเดียวกับ ไมเคิ่ล คาร์ริค ในทีมเรามีประสบการณ์มากพอที่จะรับมือสถานการณ์เช่นนี้"
 
ดาร์ บี้แมตช์เกมแรกลงเอยด้วยการแพ้คาบ้านอย่างย่อยยับ 6-1 ของ ยูไนเต็ด ที่เอาคืนเล็กๆ ด้วยการบุกไปเขี่ย ซิตี้ ตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ ด้วยสกอร์ 3-2 โดย เฟอร์กี้ กล่าวว่า "ผมคิดว่าการเจอกันในเกมก่อนๆ ในซีซั่นนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันหรอก เราเจอกันมา 3 ครั้งแล้ว (อีก 1 ครั้งเป็นถ้วย คอมมูนิตี้ ชิลด์ ที่ ยูไนเต็ด ชนะ) แต่อดีตก็คืออดีต มันไม่สำคัญเลย มันสำคัญตรงวันจันทร์นี้แหละ"
 
 เฟอร์กี้ พยายามลดกระแสบรรยากาศของเกมที่ ซิตี้ หมายมั่นปั้นมือมาก เนื่องจากอยากได้แชมป์ลีกสมัยแรกตั้งแต่ปี 1968 "ผมว่าทุกๆ สายตาต่างจับจ้องเกมนี้ตั้งแต่โปรแกรมคลอดแล้ว บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่ปัจจุบันเราอยู่ ณ ตรงที่ที่เราอยู่ และมันไม่สำคัญเลยว่าก่อนนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใครทำแต้มหล่น-ไม่หล่น มันขึ้นอยู่กับเกมนี้จริงๆ บรรยากาศจะต้องสุดยอดมาก และผมหวังว่ามันจะออกมาคุ้มค่าตามนั้น" 
 
 เกมนี้จะไม่กด ดันมากแบบนี้ถ้าหากพวกเขาปิดบัญชี เอฟเวอร์ตัน ได้ ไม่ใช่เสมอ 4-4 โดย เฟอร์กี้ กล่าวว่า "เราโยนทุกอย่างทิ้งไปเองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แแต่มันก็เป็นสิ่งที่คาดหวังได้อยู่แล้วหากมองในแง่ประวัติศาสตร์ เรามักทำให้ตัวเองเจองานยากเสมอ แฟนบอลของเราเจอกับเรื่องดราม่าๆ แบบนี้ทุกปี พระเจ้ารู้ว่าพวกเขาประสาทกันขนาดไหน แต่หวังอย่างยิ่งว่าเราจะชดเชยได้ในวันจันทร์นี้"