โชเซ่ มูรินโญ่ ยอดกุนซือ เรอัล มาดริด คุยโว สิ่งที่ตนทำน่าเหลือเชื่อสุดๆ หลังสามารถคุมทีมคว้าแชมป์ลีกดังในยุโรปทั้ง อังกฤษ, อิตาลี และ สเปน ได้หมด พร้อมชี้การที่ "ราชันชุดขาว" สามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองถือเป็นการหยุดการคว้าแชมป์ผูกขาดในวงการลูกหนัง แดนกระทิงดุของ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า อีกด้วย

 โชเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์ เรอัล มาดริด เจ้าของแชมป์ ลา ลีกา ฤดูกาล 2011-12 ออกมาคุยโวว่าสิ่งที่ตนได้ทำลงไปนั้นน่าเหลือเชื่อมาก หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ลีกใหญ่ของโลกทั้ง อังกฤษ, สเปน และ อิตาลี มาหมดแล้ว

 กุนซือวัย 49 ปี เพิ่งพาทีม "ราชันชุดขาว" เถลิงแชมป์ลีกครั้งที่ 32 ของสโมสรเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และเป็นการหยุดการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของสเปน อย่างต่อเนื่อง 3 สมัยติดของ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า คู่ปรับตลอดกาลอีกด้วย และจากการที่ก่อนหน้านี้เคยพา เอฟซี ปอร์โต้ คว้าแชมป์ลีกโปรตุเกส ทำให้เป็นโค้ชคนที่ 4 ที่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดด้วยกัน 4 ประเทศ  เคียงข้าง แอร์นส์ท ฮัปเปิ้ล ตำนานเทรนเนอร์ชาวออสเตรีย และ โทมิสลาฟ อิวิช โค้ชชาวโครเอเชีย ผู้ล่วงลับ รวมไปถึง โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ ยอดกุนซือชาวอิตาเลียน อีกด้วย

 มูรินโญ่ กล่าวว่า "ไม่มีโค้ชคนไหนที่ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์สามลีกใหญ่ (อังกฤษ, อิตาลี และสเปน) มันเป็นจุดมุ่งหมายของผม มันเป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อ ทั้งความเป็นมืออาชีพและในระดับของบุคคล"

มูรินโญ่ ที่เคยคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เอฟซี ปอร์โต้ และ อินเตอร์ มิลาน กล่าวว่าการหยุดยั้งไม่ให้ "เจ้าบุญทุ่ม" ครอบครองวงการฟุตบอลสเปน นั้นไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักของตน แม้ว่าจะมีการปะทะกันอย่างร้อนแรงทั้งในและนอกสนามก็ตาม

"เป้า หมายของผมไม่ใช่การเอาชนะ บาร์ซ่า ผมแพ้ให้กับ บาร์ซ่า และการแพ้ให้กับพวกเขาไม่ได้ทำให้ผมเศร้าไปกว่าการแพ้ บาเยิร์น มิวนิค (บาเยิร์น เอาชนะ เรอัล มาดริด ในรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการยิงจุดโทษ) แต่การคว้าแชมป์ ลา ลีกา เป็นสิ่งที่สำคัญในการขัดขวางการคว้าแชมป์ติดต่อของพวกเขา"

 "มัน เป็นเรื่องสำคัญของ เรอัล มาดริด สโมสรที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ในการหยุดยั้งการครอบครองทุกฉากของวงการ ฟุตบอลประเทศนี้จาก บาร์ซ่า" กุนซือจอมเฮี้ยบ กล่าวในที่สุด