ปรีวิว ฟุตบอล ยูโร 2012

รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่มดี.

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน 2555

ฝรั่งเศส      -      อังกฤษ

เวลา : 23.00 น.    ถ่ายทอดสด : ช่อง 3

สนาม : ดอนบาส อารีน่า (โดเนตส์ค, ยูเครน)

        ตราไก่ ฝรั่งเศส ของ โลร็องต์ บล็องก์ เซเล็กซิยอนเนอร์ทีมชาติฝรั่งเศสนำทีมสร้างผลงานยอดเยี่ยมไม่แพ้คู่แข่งนาน ถึง 21 นัดติดต่อกัน โดยเป็นการชนะ 15 เสมอ 6 นัด และชนะ 4 เกมซ้อนอีกด้วย ซึ่งฟอร์มล่าสุด เขาส่งชุดใหญ่ต้อน เอสโตเนีย ขาดลอย 4-0 ที่แอ็มแอ็มอารีน่า เมืองเลอ ม็องส์ ทางตะวันตกของเมืองน้ำหอมเมื่อคืนวันอังคารที่ 5 มิถุนายน

        จากนั้น บล็องก์ นำลูกทีมและสต๊าฟฟ์ฝ่ายเทคนิคของทีมชาติมาปักหลักเข้าแค้มป์ที่เคียร์ช่า เทรนนิ่ง ฟาซิลิตี้ ในโดเนตส์ค ประเทศยูเครน ซึ่งสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (แอฟแอฟแอฟ) เช่าสถานที่ของสโมสรชัคตาร์ โดเนตส์ค ไว้เป็นที่พักและที่ฝึกซ้อมของทีมในช่วงแข่งขันยูโร 2012 ซึ่ง บล็องก์ และผู้ช่วยของเขามาตรวจตาความเรียบร้อยที่นี่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา

        สำหรับเกมนัดแรกของทีมในยูโร 2012 รอบแบ่งกลุ่ม ฝรั่งเศส จะปะทะ อังกฤษ ตัวเต็งอีกทีมของกลุ่มดี. ที่ดอนบาส อารีน่า ในโดเนตส์ค วันจันทร์ 11 มิถุนายน ก่อนเจอ ยูเครน ชาติเจ้าภาพร่วมที่ดอนบาส อารีน่า วันที่ 15 มิถุนายน และพบ สวีเดน วันที่ 19 มิถุนายนที่โอลิมปิก สเตเดี้ยม, เคียฟ

        สภาพทีมล่าสุด ฝรั่งเศส ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลังจากได้นักเตะหลายคนหายเจ็บกลับมาฝึกซ้อมตาม ปกติทั้ง ยันน์ เอ็มวีล่า มิดฟิลด์ตัวรับจากแรนส์วัย 21 ปีหายเจ็บข้อเท้าขวา, แบลส มาตุยดี้ มิดฟิลด์ตัวรับปารีส-แซงต์ แชร์กแมงหายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าขวา, อาลู ดิยาร์ร่า มิดฟิลด์ตัวรับจากมาร์กเซยหายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าขวา, สตีฟ ม็องด็องด้า นายทวารโอลิมปิก มาร์กเซย มือ 2 ทีมชาติหายเจ็บนิ้วเท้าขวา

        นอกจากนั้น คาริม เบนเซม่า กองหน้าเรอัล มาดริดหายเจ็บหลัง, ปาทริซ เอวร่า แบ็กซ้ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา ลงเล่นได้ทั้งหมด

        บล็องก์ จะส่งผู้เล่นทั้ง 11 คน ชุดเดียวกับที่ถล่ม เอสโตเนีย ลงสนาม นำโดย ฟร้องค์ ริเบรี่ มิดฟิลด์ตัวรุกบาเยิร์น มิวนิค, ซามีร์ นาสรี่ สตาร์แมนเชสเตอร์ ซิตี้, คาริม เบนเซม่า และ อูโก้ โยริส นายทวาร กัปตันทีม

        ทางฝั่ง สิงโตคำราม อังกฤษ ของกุนซือคนใหม่ รอย ฮ็อดจ์สัน ทำผลงานสองนัดแรกในการคุมทีม ชนะในเกมอุ่นเครื่อง 2 นัดรวด ต่อ นอร์เวย์ และ เบลเยียม ด้วยสกอร์ 1-0 ทั้งสองนัด

        สภาพทีม ฮ็อดจ์สัน จะพลาดใช้งาน เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าตัวหลักที่ติดโทษแบน 2 นัด จึงเป็นโอกาสของ แดนนี่ เวลเบ็ค ที่จะได้โอกาสลงตัวจริงมากกว่ แอนดรูว์ แคร์โรลล์

        ในราย เจอร์เมน เดโฟ กองหน้า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เดินทางกลับมาสมทบทีมแล้วเมื่อวันเสาร์ หลังจากกลับไปร่วมงานศพบิดาที่อังกฤษตั้งแต่วันพฤหัสบดี

        เจมส์ มิลเนอร์ ที่เป็นแผลที่ส้นเท้า จะฟิตทันลงเล่นไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับพวกที่มีปัญหาก่อนหน้านี้ จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล, โจเลียน เลสค็อตต์ และ สกอตต์ พาร์เกอร์ มีเพียง มาร์ติน เคลลี่ ที่ป่วยคนเดียวที่เป็นปัญหา

        ทีมชุดนี้ต้องขาดตัวหลัก แกเร็ธ แบร์รี่, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, แกรี่ เคฮิลล์ และประตูมือ 3 จอห์น รัดดี้ บาดเจ็บทะยอยถอนตัวไปทีละคน โดยเรียก ฟิล จากิลก้า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, มาร์ติน เคลลี่, แจ็ค บัตแลนด์ เข้ามาแทน

        ระบบการเล่น 4-2-3-1 ผู้รักษาประตู โจ ฮาร์ท ลงเฝ้าเสา แผงหลังตัวเลือกค่อนข้างจำกัดไม่น่าปรับเปลี่ยนไปจาก เกล็น จอห์นสัน, จอห์น เทอร์รี่, โจเลียน เลสค็อตต์, แอชลี่ย์ โคล

        กองกลาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม เป็นตัวตัดเกมร่วมกับ สกอตต์ พาร์เกอร์ โดยมี เจมส์ มิลเนอร์, แอชลี่ย์ ยัง และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง สร้างสรรค์เกมรุกอยู่ด้านหลัง แดนนี่ เวลเบ็ค

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        ฝรั่งเศส : อูโก้ โยริส (กัปตันทีม) - มาติเยอ เดอบูชี่, อาดิล รามี่, ฟิลิปป์ เม็กแซส, ปาทริซ เอวร่า - โยอัน กาบาย, อาลู ดิยาร์ร่า, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - ซามีร์ นาสรี่, คาริม เบนเซม่า, ฟร้องค์ ริเบรี่  

        
        อังกฤษ : โจ ฮาร์ท - เกล็น จอห์นสัน, จอห์น เทอร์รี่, โจเลียน เลสค็อตต์, แอชลี่ย์ โคล - สตีเว่น เจอร์ราร์ด, สกอตต์ พาร์เกอร์ - เจมส์ มิลเนอร์, แอชลี่ย์ ยัง, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง - แดนนี่ เวลเบ็ค

        ผู้ตัดสิน : นิโกล่า ริซโซลี่ (อิตาลี)

เกร็ดที่น่าสนใจของผู้เล่นทีมชาติ อังกฤษ (จากผลงานในฤดูกาลนี้ ) 
1. โจ ฮาร์ท (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ )  –  ทำสถิติไม่เสียประตู หรือ คลีน ชีต 29 นัด  , สามารถเซฟลูกยิงของคู่แข่งได้ถึง 77% 
2. เกล็น จอห์นสัน (ลิเวอร์พูล )  -  เปิดบอลให้เพื่อนทำประตูไม่ได้ถึง 23 เกม
15. โจลีออน เลสค็อตต์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ )   -  แย่งบอลจากคู่แข่งได้ถึง 39 จาก 43 ครั้งที่เขาเข้า แท็คเกิ้ล 
6. จอห์น เทอร์รี่ (เชลซี ) - โดนใบเหลือง 8 ใบจากการลงเล่น 31 นัด มากที่สุดในบรรดานักเตะ อังกฤษ ชุดนี้
3. แอชลี่ย์ โคล (เชลซี )  -  จ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้ 6 ครั้งจากการลงเล่น 32 เกม มากที่สุดในบรรดาผู้เล่นทั้ง 23 คนของ อังกฤษ
4. สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล )  -  ยิงไป 5 ประตู และจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้อีกสองครั้ง จากการลงเล่นเป็นตัวจริง 12 นัด 
17. สกอตต์ พาร์เกอร์ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ )   -  ยิงไป 14 ครั้งจากการลงเล่น 29 เกม และ 11 ครั้งเป็นการยิงเข้ากรอบ
16. เจมส์ มิลเนอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ )  -  เปิดบอลสำเร็จ 20 จาก 83 ครั้ง
11. แอชลี่ย์ ยัง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ) -  จ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้ 7 ครั้ง และจ่ายบอลให้เพื่อนได้ลุ้นทำประตู 28 ครั้ง จากการลงเล่น 25 เกม 
19. สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง (ลิเวอร์พูล ) -  ทำประตูไม่ได้ รวมทั้งไม่สามารถจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้เลยจากการลงเล่น 36 นัด
22. แดนนี่ เวลเบ็ค (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด )   -  ทำไปเก้าประตูจากโอกาสสับไก 57 ครั้ง 

เกร็ดที่น่าสนใจของผู้เล่นทีมชาติ ฝรั่งเศส  (จากผลงานในฤดูกาลนี้ ) 
1. อูโก้ โยริส (โอลิมปิก ลียง )  -  เสียไป 48 ประตูจากการลงเล่น 36 นัด 
5 . ฟิลิปป์ เม็กแซส (เอซี มิลาน )  -  ชนะในการเข้าสกัดบอล 15 จากการ แท็กเกิ้ล 23 ครั้ง 
4 . อดิล รามี่ (บาเลนเซีย )  – ลงเล่น 2,969 นาที จากการออกสตาร์ทเป็นตัวจริง  33 นัด มากที่สุดเป็นอันดับสองในทีม 
3 . ปาทริซ เอวร่า (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด )  -  แท็กเกิ้ล ทั้งหมด 104 ครั้ง และสามารถแย่งบอลจากคู่แข่งได้ถึง 80 ครั้ง 
2. มาติเยอ เดอบูชี่ (ลีลล์,ฝรั่งเศส)  -  ถูกใบเหลืองแค่ครั้งเดียวจากการลงเล่น 33 เกม
18. อาลู ดิยาร์ร่า (โอลิมปิก มาร์กเซย )  -  จ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้ 9 ครั้งจาก 34 เกม 
15 . ฟลอร็องต์ มาลูด้า (เชลซี )  -  ลงเล่นเป็นตัวจริงแค่ 11 จาก 26 นัดที่ได้ลงสนาม 
6 . โยอัน กาบาย (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด )  -  เข้าสกัด 117 ครั้ง และสามารถแย่งบอลจากคู่แข่งได้ 83 ครั้ง
7 . ฟร้องค์ ริเบรี่ (บาเยิร์น มิวนิค )  - ยิงไป 12 ประตู และจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้ 12 ครั้ง จากการลงเล่น 32 ครั้ง 
10 . คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด )  – ยิงไป  21 ประตู และจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตู จาก  34 เกม 
11. ซามีร์ นาสรี่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ) - สร้างโอกาสให้เพื่อนลุ้นทำประตู 69 ครั้ง จากการลงเล่น 31 นัด และได้ประตูจากการจ่ายบอลของเขา 9 ครั้ง

อันดับ ฟีฟ่า
- ฝรั่งเศส อันดับ 14
- อังกฤษ อันดับ 6

สภาพอากาศ  : แจ่มใส
- อุณหภูมิสูงสุด 21 เซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 12 เซลเซียส

สถิติที่เคยพบกันของทั้งคู่
- 18/11/10 อังกฤษ  1 - 2  ฝรั่งเศส  กระชับมิตร
- 27/03/08 ฝรั่งเศส  1 - 0 อังกฤษ  กระชับมิตร
- 14/06/04 ฝรั่งเศส  2 - 1 อังกฤษ  ยูโร 2004
- 02/09/00 ฝรั่งเศส  1 - 1  อังกฤษ กระชับมิตร
- 10/02/99 อังกฤษ  0 - 2  ฝรั่งเศส  กระชับมิตร
- 07/06/97 ฝรั่งเศส  0 - 1  อังกฤษ   กระชับมิตร
- 14/06/92 ฝรั่งเศส  0 - 0 อังกฤษ ยูโร 1992

ผลงาน10นัดหลังสุด

ฝรั่งเศส
- 03/09/11  ชนะ แอลเบเนีย 2-1 (เยือน)  ยูโรรอบคัดเลือก
- 07/09/11  เสมอ โรมาเนีย 0-0 (เยือน)  ยูโรรอบคัดเลือก
- 08/10/11  ชนะ แอลเบเนีย 3-0 (เหย้า)  ยูโรรอบคัดเลือก
- 12/10/11  เสมอ บอสเนีย 1-1 (เหย้า)  ยูโรรอบคัดเลือก
- 12/11/11  ชนะ อเมริกา 1-0 (เหย้า) กระชับมิตร
- 16/11/11  เสมอ เบลเยี่ยม 0-0 (เหย้า)  กระชับมิตร
- 01/03/12  ชนะ เยอรมัน 2-1 (เยือน)  กระชับมิตร
- 28/05/12  ชนะ  ไอซ์แลนด์ 3-2 (เหย้า)  กระชับมิตร 
- 01/06/12  ชนะ  เซอร์เบีย 2-0 (เหย้า) กระชับมิตร
- 06/06/12  ชนะ เอสโตเนีย 4-0 (เหย้า)  กระชับมิตร

อังกฤษ
- 30/03/11  เสมอ กานา 1-1 (เหย้า)  กระชับมิตร
- 04/06/11  เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 2-2 (เหย้า)  ยูโรรอบคัดเลือก
- 03/09/11  ชนะ บัลแกเรีย 3-0 (เยือน)  ยูโรรอบคัดเลือก
- 07/09/11  ชนะ เวลส์ 1-0 (เหย้า)  ยูโรรอบคัดเลือก
- 08/10/11  เสมอ มอนเตเนโกร 2-2 (เยือน)  ยูโรรอบคัดเลือก
- 13/11/11  ชนะ สเปน 1-0 (เหย้า) กระชับมิตร
- 16/11/11  ชนะ สวีเดน 1-0 (เหย้า)กระชับมิตร
- 01/03/12 แพ้ ฮอลแลนด์ 2-3 (เหย้า)  กระชับมิตร
- 27/05/12 ชนะ นอร์เวย์ 1-0 (เยือน)  กระชับมิตร
- 02/06/12  ชนะ เบลเยี่ยม 1-0 (เหย้า) กระชับมิตร

ข้อมูลสนามแข่งขัน

ดอนบาส อารีน่า
เมือง : โดเนทส์ค
ความจุ : 50,000
สโมสรที่ใช้ : ชัคเตอร์ โดเนทส์ค
เปิดใช้ : สิงหาคม ปี 2009

ข้อมูลผู้ตัดสิน

นิโกล่า ริซโซลี่ (อิตาลี)

เกิด: วันที่ 5 ตุลาคม 1971

อายุ: 42 ปี

อาชีพ: สถาปนิก
 

        ผู้ตัดสินชาวอิตาลี ได้ลงทำหน้าที่ในเซเรีย อา ปี 2002 และ เป็นผู้ตัดสินฟีฟ่าตั้งแต่ปี 2007 และได้ตัดสินยูฟ่า แชมเปี้ยนส์�ลีก รอบคัดเลือกในเดือน สิงหาคม 2007 ละตัดสินเกมแรกในรอบแบ่งกลุ่มระหว่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่เอาชนะ บาเซิ่ล 2-0

        ในวันที่ 7 เมษายน 2007 ริซโซลี่ ได้ตัดสินเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสองระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บาเยิร์น มิวนิค โดยที่ แมนฯยูไนเต็ด นำอยู่ 3-1 ริซโซลี่ ได้ไล่ ราฟาเอล ไล่ออกจากสนาม โดยให้ใบเหลืองที่สอง และท้ายที่สุดมาได้ประตูที่สองจาก อาร์เยน ร็อบเบน และ ผ่านเข้ารอบไปด้วยกฎประตูทีมเยือน

        หลังจากไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสิน ริซโซลี่ ทำอาชีพเป็นสถาปนิกตกแต่ง

เกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจ
- ทั้งสองทีมเจอกันทั้งหมด 28 นัด ฝรั่งเศส ชนะ 8 เสมอ 4 อังกฤษ ชนะ 16 ส่วนการเจอกันในเกมอย่างเป็นทางการ 6 นัด ฝรั่งเศส ชนะ 2 เสมอ 2 อังกฤษ ชนะ 2
- ฝรั่งเศส ไม่แพ อังกฤษ มา 5 นัดติดต่อกัน โดยครั้งสุดท้ายที่แพ้เกิดขึ้นในปี 1997
- อังกฤษ ไม่เคยชนะ ฝรั่งเศส ในฟุตบอลยูโร ในการลงเจอกัน 4 ครั้ง
- อังกฤษ ชนะ ฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลก 1966 ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงแชมป์ในบั้นปลาย
- ฝรั่งเศส ไม่แพ้ในการอย่างเป็นทางการ 9 นัดติดต่อกัน หลังจากพ่ายต่อ เบลารุส ในยูโร 2012 รอบคัดเลือก
- อังกฤษ ไม่แพ้ต่อทีมใดในยูโร 2012 รอบคัดเลือก แบ่งเป็นชนะ 5 เสมอ 3
- อังกฤษ แพ้เกมอย่างเป็นทางการนัดสุดท้ายคือฟุตบอลโลก 2010 โดน เยอรมัน อัด 1-4