"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมเปิดขายหุ้นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นมูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท หวังจะช่วยลดมูลหนี้ของสโมสรที่สูงถึงกว่า 20,000 ล้านบาท เชื่อความเป็นแบรนด์ระดับโลกของสโมสรจะช่วยดึงดูดใจนักลงทุนได้ไม่ยาก

ตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เตรียมปล่อยขายหุ้นของสโมสรมูลค่ารวม 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 3,000 ล้านบาท) ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก หลังจากทุ่มเงินกว่า 790 ล้านปอนด์ (ราว 39,500 ล้านบาท) เพื่อเข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรตั้งแต่ปี 2005
 
ทัพ "ปีศาจแดง" เปิดเผยว่าพวกเขามีหนี้อยู่ 423 ล้านปอนด์ (ราว 21,150 ล้านบาท) นับถึงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และตระกูลเกลเซอร์ หวังว่าการนำสโมสรเข้าตลาดหุ้นจะช่วยลดตัวเลขนี้ลงได้ โดยสโมสรแสดงความจำนงที่จะเปิดขายหุ้นคลาสเอ ขณะที่ตระกูลเกลเซอร์ จะคงสิทธิ์ในหุ้นคลาสบีไว้ ซึ่งทำให้พวกเขามีอำนาจโหวตมากกว่าบอร์ดบริหาร 10 เท่า และการดำเนินการนี้จะทำให้สโมสรกลายเป็นบริษัทสาขาของบริษัทใหม่ที่ตั้งอยู่ ในหมู่เกาะเคย์แมน
 
ผู้บริหารถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เชื่อว่าภาพลักษณ์ระดับโลกของสโมสรจะช่วยดึงดูดผู้ลงทุนได้ โดยระบุในหนังสือเชิญชวนให้ร่วมลงทุนว่า "เราตั้งใจจะใช้การดำเนินงานของเราจากการเสนอครั้งนี้เพื่อลดมูลหนี้ของเรา ประวัติศาสตร์ 134 ปีของเรา ความสำเร็จของเรา และชื่อเสียงระดับโลกในทางกีฬา เอื้อให้เรากลายเป็นสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เป็นที่จดจำมาก ที่สุดในโลก"
 
"เราพอใจกับการสนับสนุนในชุมชนระดับโลกของเรา ที่มีผู้ติดตามถึงกว่า 659 ล้านคน ฐานแฟนๆ ของเรามีขอบเขตกว้างไกลและหลากหลาย เกินขอบเขตของวัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ ภาษา และกลุ่มสังคมใดๆ และเราเชื่อว่าความแข็งแกร่งในแบรนด์ของเราจะไปไกลเกินกว่าโลกของกีฬา" ตระกูลเกลเซอร์ กล่าวสรุป