ประธานคปบ. เสนอโทษสำหรับกรรมการที่มีเรื่องอื้อฉาว รับเงินใต้โต๊ะ หรือล้มบอล โดยหากตั้งใจและมีหลักฐานพร้อมอาจโดนแบนตลอดชีวิต

“มาดามมล” นางนฤมล ศิริวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา (กมธ.ส.ว.) เป็นประธานการประชุม คณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา มีวาระสำคัญคือการพิจารณาปัญหาอุปสรรคการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน โดยมี “บิ๊กย้อย” พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายป้องกันและปราบรามการประพฤติมิชอบในวงการฟุตบอล (คปบ.) พร้อมด้วย "เสธ.ตุ้ม" พลตรีชินเสณ ทองโกมล ประธานคณะกรรมการผู้ตัดสิน เข้าชี้แจง ที่อาคารรัฐสภา 2 เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2555

“บิ๊กย้อย” กล่าวต่อที่ประชุมว่า เรื่องผู้ตัดสินทุจริตหรือรับผลประโยชน์ตนยอมรับว่ามีอยู่จริง โดยรับทราบจากการเล่าสู่กันฟัง แต่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ส่วนเรื่องการดักฟังโทรศัพท์หรือตรวจสอบเส้นทางการเงินถือว่าทำได้ยาก ทางคปบ.จึงได้นำเครื่องจับเท็จเข้ามาตรวจสอบหาความจริง และจากการที่ตนเป็นตำรวจก็มั่นใจในเครื่องจับเท็จมาก

พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวอีกว่า วันที่ 20 ก.ค.ตนจะเสนอบทลงโทษต่อที่ประชุมสภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯ ให้พิจารณาคือ 1.หากผู้ตัดสินมีความพลาดผิดโดยตั้งใจ โทษแบน 1 ปี, 2.ผู้ตัดสินมีความบกพร่องอย่างน่าสงสัย โทษแบน 6 ปีและ 3.ผู้ตัดสินผิดพลาดซึ่งมีหลักฐานอย่างชัดเจน โทษแบน 10 ปีหรือตลอดชีพ

ส่วน "เสธ.ตุ้ม" ชี้แจงว่า การจัดทีมงานผู้ตัดสินจะทำด้วยความบริสุทธิ์ ซึ่งหากผู้ตัดสินหรือภรรยามีส่วนได้ส่วนเสียจะไม่ให้ไปทำหน้าที่ในเกมที่ทีมนั้นๆ เป็นเจ้าบ้านโดยเด็ดขาด ส่วนเรื่องเงินจะโอนให้ล่วงหน้าก่อนผู้ตัดสินไปทำหน้าที่ในแต่ละนัด นอกจากนี้ที่ผ่านๆ มายอมรับว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินมักจะโดนผู้บริหารของสโมสรกดดันการทำหน้าที่ ซึ่งอาจทำให้การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินเกิดความบกพร่อง ซึ่งตรงนี้ตนได้มีการพูดคุยกับ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ไว้บ้างแล้ว

ด้าน นางนฤมล กล่าวว่า เครื่องจับเท็จจะช่วยเข้ามาตรวจสอบเรื่องทุจริตได้เป็นอย่างดี และมีความน่าเชื่อถือสูง ตนขอชื่นชมแนวความคิดของ พล.ต.อ.วรพงษ์ และตนมีข้อเสนอให้ตั้งสถาบันผู้ตัดสินออกมาจากสมาคมฟุตบอลฯ เพื่อป้องกันพื้นที่สีเทาของผู้ตัดสินกับสมาคมฟุตบอลฯ เพราะตนคิดว่าในส่วนดังกล่าวน่าจะมีการแยกการทำงานอย่างชัดเจนเพื่อความเป็นอิสระ ที่สำคัญน่าจะเป็นการช่วยพัฒนาวงการผู้ตัดสินอีกด้วย