ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
บันเทิง » ข่าวบันเทิง » แข่งขันกับตัวเองไม่ล้ำเส้นคนอื่นหลักชีวิตในวงการบันเทิงของนางเอกแถวหน้า''ชมพู่''อารยา เอ ฮาร์เก็ต

แข่งขันกับตัวเองไม่ล้ำเส้นคนอื่นหลักชีวิตในวงการบันเทิงของนางเอกแถวหน้า''ชมพู่''อารยา เอ ฮาร์เก็ต

Posted 29/07/2012 by daradaily

ใครๆ ต่างยกให้เป็นแฟชั่นนิสต้าตัวจริงไปแล้ว สำหรับนางเอกสาว ''ชมพู่-อารยา'' เพราะไม่ว่าเธอจะปรากฏตัวที่ไหน เสื้อผ้า หน้าผม ต้องจัดเต็มทุกครั้ง และล่าสุดเธอกำลังมีโปรเจกต์ใหม่ทำกระเป๋าใส่เครื่องสำอางที่เป็นแบรนด์ของ ตัวเองด้วย ถ้าใครที่ตามอินสตาแกรมของสาวชมพู่ คงได้อัพเดตแฟชั่นที่เธอโพสต์อยู่บ่อยๆ นอกจากธุรกิจที่กำลังไปได้สวย งานแสดงของเธอก็น่าติดตามไม่แพ้กัน ล่าสุดกับละครเรื่อง ''รักคุณเท่าฟ้า'' ที่มาประกบคู่กับ ''หนุ่มเคน-ธีรเดช'' อีกครั้ง งานนี้มีนักแสดงมากฝีมืออีกเพียบ แต่ก่อนที่จะไปดูเธอสวีตกับ ''เคน-ธีรเดช'' ในละคร มาดูภาพแฟชั่นสวยๆ และอัพเดตเรื่องราวชีวิตของเธอกันก่อนดีกว่าค่ะ


พูดถึงผลงาน ''รักคุณเท่าฟ้า'' ในช่วงนี้หน่อย เรียกว่า เป็นละครที่ต้องติดตาม?
 
''ตอนนี้ละครเรื่อง ต้มยำลำซิ่ง กับ หนุ่มบ้านไร่ กับหวานใจไฮโซ ก็จบไปแล้ว ละครทั้งสองเรื่องมีฟีดแบ็กดีไม่แพ้กัน ส่วนการร่วมงานกับนักแสดงก็ไม่มีปัญหา ''พี่ปอ-ทฤษฎี'' ในเรื่องต้มยำลำซิ่ง ถือเป็นครั้งแรกที่เจอกัน แต่เหมือนรู้จักและสนิทกันมานานมาก เป็นคนที่เข้ากับคนง่าย น่ารักดี ส่วนเรื่องหนุ่มบ้านไร่ฯ ได้มาแสดงคู่กับ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล จริงๆ เรารู้จักกันมาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาสร่วมงานกัน พอได้เล่นละครด้วยกันก็โอเค ไม่ต้องปรับอะไรมาก เหมือนได้มาเจอเพื่อนเก่าเลย ส่วนตอนนี้กำลังมีละครเรื่อง ''รักคุณเท่าฟ้า'' ในเรื่องมีนักแสดงเก่งๆ หลายคน ทั้ง พี่เคน, พลอย เฌอมาลย์, ''พี่เชอร์รี่-เข็มอัปสร'', ''พี่จอย-รินลณี'' และน้องมารี (มารี เบิร์นเนอร์) ทุกคนน่ารัก เป็นกันเอง และตั้งใจทำงานกันมาก สำหรับในเรื่อง ชมได้เล่นเป็นแฟนคนที่ 3 ของพี่เคน ชื่อ ข้าวตู เป็นแอร์โฮสเตส ช่างเอาอกเอาใจ รู้ว่า พระเอกชอบหรือไม่ชอบอะไร และเป็นคนไม่ยอมใคร แม้กระทั่งแม่ของพระเอก แต่สุดท้ายจะลงเอยกันหรือไม่ ต้องรอติดตาม จะออนแอร์ให้ได้ชมกันเร็วๆ นี้ค่ะ''

 

ยากมากน้อยขนาดไหนกับผลงานละครที่ผ่านมา?
 
''ละครทุกเรื่องที่ชมรับเล่น จะพยายามเลือกบทที่แตกต่างกัน เพราะอยากให้คนดูชอบ และได้เห็นมุมที่แปลกๆ ของเรา ''หนุ่มบ้านไร่ฯ'' จะเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ เบาๆ เน้นโลเคชั่นสวยๆ มากกว่า เมื่อเทียบกับเรื่อง ''ต้มยำลำซิ่ง'' และ''รักคุณเท่าฟ้า'' จะมีดรามาให้เล่นเยอะกว่า ถ้าเป็นดรามากับคอมเมดี้ ชมคิดว่าตัวเองถนัดดรามามากกว่า เพราะรู้สึกว่าเป็นบทที่ท้าทาย และเป็นการบังคับไปในตัวว่า เราต้องทำให้ได้ ต้องใช้พลังเยอะ ถ้าเราพลังตก หรือไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ก็แสดงไม่ได้ แต่คอมเมดี้ ก็ต้องใช้พลังเหมือนกัน เพียงแต่จะบีบสมอง และเหนื่อยน้อยกว่า ฉะนั้นถ้าจะเล่นคอมเมดี้ต้องอารมณ์ดีมาจากบ้านเลย ชมว่างานแสดงไม่มีคำว่าง่ายหรอก ถึงแม้เราจะเคยเล่นมาหลายบทบาทแล้วก็ตาม ทั้งคอมเมดี้ ดรามา หรือบทไหนๆ ก็ยากเหมือนกัน เพราะยิ่งเราโตขึ้น เราก็ยิ่งอยากทำให้มันออกมาดีมากขึ้นค่ะ''

 

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่มีโอกาสดีๆ ที่เข้ามาตลอด?
 
''ชมอยู่ในวงการมาจะ 10 กว่าปีแล้ว ได้ลองทำงานมาหลายรูปแบบ หนังก็เคยเล่นมาแล้ว เรื่อง ''สาระแนสิบล้อ'' เป็นแนวคอมเมดี้ ถ้ามีบทดีๆ ที่น่าสนใจก็อยากเล่นอีก ชมคิดว่าที่ตัวเองอยู่ในวงการนี้ได้นาน ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าโอกาสดีๆ ที่ผู้ใหญ่หยิบยื่นมาให้ตลอด และทุกครั้งที่เรารับโอกาสนั้นมา เราก็ตั้งใจและทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพราะเราเก่งกาจ หรือมีฝีมือดีมาจากไหน ส่วนรางวัลที่ชมได้รับ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม หรือรางวัลอะไรก็แล้วแต่ ก็ถือเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น เป็นเหมือนของแทนใจ ที่ทำให้เราระลึกถึงในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า พอเราแก่ๆ ไป แล้วนั่งมองไปในตู้เห็นรางวัลเหล่านั้น ทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ทำให้รู้ว่า เราเคยทำอะไรมาบ้าง ซึ่งการรับงานแต่ละครั้งของเรา ถ้าเป็นละคร เราจะพิจารณาที่ตัวบทก่อนเป็นหลักว่า เหมาะสมกับเรามั้ย หรือการถ่ายแฟชั่น ก็ต้องดูคอนเซปต์ของงานก่อนว่าเป็นยังไง นอกเหนือจากนั้นก็เป็นความตั้งใจของเราล้วนๆ ชมรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้อาชีพนักแสดง และวงการบันเทิงเปิดโอกาสให้น้องๆ มาทำงานมากขึ้น ชมรู้สึกว่าน้องๆ นักแสดงหน้าใหม่มีเยอะ แต่โชคดีอย่างหนึ่งที่งานก็มีรองรับมากขึ้นด้วย มีหลายคนที่เข้ามาแล้วก็อยู่ไม่ได้ และออกไป แต่ที่ยังอยู่ก็เยอะเหมือนกัน ชมว่าเด็กสมัยนี้เก่งขึ้น เพราะมีตัวอย่าง และผลงานดีๆ จากรุ่นพี่ให้ดูเยอะ''

 

หลักในการทำงานของเราคืออะไร?
 
''หลักในการทำงานของชม คือ ให้เกียรติทุกคน และต้องเคารพในอาชีพของตัวเอง เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด โดยไม่ไปเบียดเบียน เหยียบเท้า หรือล้ำเส้นใคร ให้แข่งกับตัวเอง และโฟกัสแค่เรื่องงานก็พอ ไม่ต้องไปแข่งกับใครหรอก ส่วนการใช้ชีวิต ชมก็ดูทุกๆ คน เพราะรู้สึกว่าไม่มีใครที่เพอร์เฟกต์ หรือสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกคน ส่วนที่ดีของเค้า เราก็เอามา ส่วนที่ไม่ดี เราก็เรียนรู้ไว้ และอย่าไปทำแบบนั้น สำหรับเรื่องที่ชมรู้สึกไม่ชอบ หรือเสียใจ จริงๆ ก็ไม่ร้ายแรงอะไรมาก แต่ชีวิตคนเราก็ต้องมีขึ้น มีลงบ้าง ไม่ได้แฮปปี้ตลอด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเศร้า หรือเสียใจมากจนอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไข เพราะชมถือว่า ทุกอย่างที่ผ่านมาแล้ว ทั้งดี หรือไม่ดี ถือเป็นบทเรียนหมด''

 

รู้สึกยังไงบ้างที่ช่วงหลังหลายคนให้ฉายาว่า เราเป็นแฟชั่นนิสต้าอีกคนของวงการ?
 
''ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแม่แฟชั่น จริงๆ แล้วเกิดจากความชอบในการแต่งตัวมากกว่า แต่ไม่ถึงกับตามเทรนด์ตลอดเวลา เพราะเราต้องเอามามิกซ์แอนด์แมตช์ให้เข้ากับตัวเองด้วย ไม่ใช่เห็นใครใส่อะไรแล้วสวย ก็เอามาใส่บ้าง เพราะบางครั้งอาจไม่เหมาะกับเราก็ได้ ส่วนที่หลายๆ คนถามว่า ทำไมเวลาชมออกงาน หรือไปไหน มาไหน จะต้องเห็นไม้คาดผมอันใหญ่อยู่บนหัวชมตลอด จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เป็นเอกลักษณ์ หรือทำเพื่ออะไรหรอก เพียงแค่อยากใส่ก็ใส่ ถ้ารู้สึกว่าพอแล้ว เยอะไปแล้วก็ไม่ใส่ ไม่ได้ใส่ตลอดเวลา อย่างแฟชั่นในเมืองไทยตอนนี้ ชมมองว่า คนให้ความสนใจมากขึ้น ทำให้วงการแฟชั่นมีสีสันขึ้นมามากกว่าเมื่อหลายๆ ปีก่อน ชมเป็นคนชอบแต่งตัวแบบสนุกๆ แต่ก็ต้องรู้จักกาลเทศะด้วย สามารถแต่งได้ทุกแนว แล้วแต่อารมณ์เลยค่ะ (ยิ้ม)''

 

การได้รับบทนางเอกในชีวิตการเป็นนักแสดง ทำให้เรารู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงในชีวิตจริงไหม?
  
''ชมเป็นคนที่ไม่ได้คิดร้ายอะไร และไม่ทำร้ายใครก่อนด้วย เป็นคนตรงไป ตรงมา และใจเย็นมาก ถ้าคนไหนที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจ และปรี๊ดขึ้นมาได้ ก็ต้องพิจารณาตัวเองแล้วล่ะ (หัวเราะ) ส่วนชีวิตในวัยเด็ก ชมก็เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้หวือหวามาก อยู่โรงเรียนก็ไม่ได้เป็นดาวเด่นอะไร คนรู้จักเราแค่มีหน้าตาเหมือนฝรั่ง ไม่ได้ป็อปปูลาร์เลย พอมาวันนี้เราได้เป็นนักแสดงที่คนรู้จักเยอะ เราก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร ไม่ได้รู้สึกเกร็งกับการเป็นนางเอก ยังทำตัว และใช้ชีวิตตามปกติ เหมือนที่เคยทำมา แต่ชมจะโฟกัสกับงานมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนเรื่องข่าวในวงการ อย่างข่าวไม่ดี ก็ทำให้เราเสียสุขภาพจิตบ้าง แต่ก็เป็นช่วงสั้นๆ ไม่ได้จมอยู่กับมันนาน เราก็ลุกขึ้นเดินต่อ ทำงานของเราต่อไป เราเข้าใจการทำงานในวงการนี้มากขึ้นว่า คนก็ต้องเสพข่าว พร้อมๆ กับผลงานของเรา เป็นยุคสมัยที่คนไม่ได้อยากรู้แค่นักแสดงทำงานอะไรบ้าง แต่อยากรู้เรื่องราวส่วนตัวด้วย ฉะนั้นเมื่อเรามายืนอยู่ตรงนี้แล้ว เราก็ต้องทำใจค่ะ''

 

ทราบมาว่า กำลังทำธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่นและกำลังไปได้สวย?
 
''ตอนนี้นอกจากงานในวงการ ชมก็มีธุรกิจตุ๊กตาบลายธ์ เกิดจากความชอบส่วนตัวก่อน แล้วค่อยๆ เสาะแสวงหาสินค้าใหม่ๆ จากหลายๆ ที่มาทำจริงๆ การทำธุรกิจนี้ไม่ได้ร่ำรวย หรือได้กำไรมากหรอก ทำเพราะใจรักมากกว่า เพราะการขายสินค้านี้เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ไม่ได้เป็นสินค้าที่วางขายทั่วไปตามท้องตลาด แต่เราก็ไม่ได้หวังผลขนาดนั้น แค่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ และมีความสุขเมื่อขายสินค้าให้กับคนที่เค้าชอบจริงๆ ก็โอเคแล้ว นอกจากนี้ชมยังมีโปรเจกต์ใหม่ที่เกี่ยวกับแฟชั่นทั้งหมดด้วย เช่น น้ำหอม และกระเป๋าใส่เครื่องสำอางที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง เพราะว่าชมอยากทำอะไรที่เป็นของที่เรา อยากใช้เองและคิดว่า คนอื่นน่าจะแฮปปี้ที่ได้ใช้ เป็นของสวยๆ งามๆ ที่อาจไม่ได้ดูเป็นสินค้าจำเป็นเท่าไหร่ แต่เป็นอะไรที่เราใช้แล้วมีความสุข มีชื่อว่า ''Mingle'' ที่มาคือเป็นอาการที่คุยกันไม่ได้ซีเรียส นั่งเม้าท์มอยกันตามประสาผู้หญิง ช่วยกันคิดกับเพื่อนเป็นเดือนๆ เลยนะว่า จะเอายังไงดี สุดท้ายก็ได้ชื่อนี้มา ตอนนี้ก็ออกแบบลวดลายเองด้วย ถือว่าเป็นโปรเจกต์เล็กๆ ไม่ได้ใหญ่มาก ลองเชิงดูก่อนว่าลอตนี้ขายหมดเราก็จะขยายใหญ่ขึ้น แต่ยังไม่ได้วางขายตามห้างฯ หรือร้าน ตอนนี้เราขายให้กับคนที่อยากได้จริงๆ มีรูปไปโชว์ในอินสตาแกรม และมีหนังโฆษณาด้วยนะ ฟีดแบ็กดี ถือว่ากำลังไปได้สวย อย่าลืมอุดหนุนกันด้วยนะคะ (ยิ้ม)''

 

อัพเดตเรื่องหัวใจระหว่าง ''ชมพู่'' กับ ''น๊อต'' หน่อย?
 
''เรื่องหัวใจ ตอนนี้ยังไม่มีข่าวดี ถ้ามีเมื่อไหร่ จะมาอัพเดตให้ฟัง ชมเองก็คิดบ้าง แต่ไม่ถึงกับต้องให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทุกอย่างมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ตอนนี้เราก็คบกันมา 3 ปีแล้ว (''น็อต'' วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์) สิ่งที่ชมประทับใจในตัวเค้า คือ เป็นคนดี จิตใจดี เก่ง และฉลาด ตรงสเปกเหมือนกัน แต่สเปกของชมก็กว้างๆ ไม่ได้เจาะจง หรือลิสต์เป็นข้อๆ ว่าต้องเป็นยังไง อาจจะมีประมาณนึง ชมชอบคนทำงานเก่ง มีความสามารถ เพราะถ้าเราไม่ศรัทธาในตัวแฟนเรา ก็จะอยู่กันลำบาก พูดอะไรก็ไม่เชื่อฟังกัน ส่วนมุมมองความรักก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน เพราะเราโตขึ้นทุกวัน ตอนวัยรุ่น อาจจะเป็นป็อปปี้เลิฟ แต่ตอนนี้ชมจะมองอะไรที่เป็นไปได้จริงมากขึ้น ชมคิดว่าถ้ารักกันก็ต้องส่งเสริม และพากันไปในทางที่ดี ต้องมีความเข้าใจ และซื่อสัตย์ต่อกันด้วยค่ะ''

 

ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่ขึ้นชื่อว่า ดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีเยี่ยมเรามีเคล็ดลับยังไงบ้าง?
 
''ถ้าช่วงไหนที่ต้องถ่ายละครดึก ชมจะดูแลตัวเองให้ได้มากที่สุด โดยการพยายามดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ถ้ากลางคืนนอนไม่พอ มาถึงกลางวันถ้ามีโอกาสพัก ก็งีบเลย ในเรื่องอาหารการกิน ตื่นเช้ามา ชมจะกินผลไม้ หรือเครื่องดื่มร้อนๆ เช่น กาแฟร้อน พยายามหลีกเลี่ยงของมัน ของทอด และงดอาหารที่เป็นแป้ง ส่วนเรื่องรูปร่าง ช่วงนี้ออกกำลังกายน้อย แต่ด้วยความที่เราทำงานเยอะ ก็เลยช่วยในเรื่องของการเผาผลาญไปอีกทางหนึ่ง โดยปกติชมจะตรวจสุขภาพทุกปีอยู่แล้ว ในเรื่องผิวพรรณก็จะดูแลเป็นพิเศษ เพราะเมื่ออายุมากขึ้น การดูแลก็ต้องเพิ่มมากขึ้นด้วย ส่วนเรื่องสุขภาพจิต ถ้ารู้สึกเครียด หรือไม่สบายใจ ชมจะหาสิ่งที่ตัวเองชอบทำ เช่น ไปดูหนัง ฟังเพลง นัดเพื่อนๆ มาเจอกันบ้าง หรือไปเที่ยวต่างจังหวัด ฉะนั้นการดูแลตัวเองในแบบง่ายๆ ชมมองว่าถึงแม้เราจะทำงานหนักแค่ไหน แต่เราต้องอย่าลืมใส่ใจสุขภาพ เพราะถ้าเรามีสุขภาพดี เราก็จะสามารถทำอะไรให้ออกมาดีด้วย ส่วนถ้าถามว่า มีพรอยู่ 3 ข้อ อยากขออะไรบ้าง ชมอยากขอให้มีแต่โอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิต ขอให้สุขภาพของคุณพ่อคุณแม่ และทุกคนที่เรารักแข็งแรง ส่วนข้อสุดท้าย ยังไม่ขอตอนนี้แล้วนะคะ ขอเก็บเอาไว้ใช้ในยามจำเป็นก็แล้วกันค่ะ (ยิ้ม)''

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »