สมัยนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า "กีฬา" กับ "บันเทิง" แทบจะมาคู่กันโดยตลอด เช่นเดียวกับที่ล่าสุด สโมสร "ลูกทัพฟ้า ยูไนเต็ด" สโมรในศึกลูกหนังเอไอเอสลีก ภูมิภาค "ดิวิชั่น 2" โซนภาคกลางและตะวันออก สร้างความฮือฮา เปิดตัวทีมด้วยการมี นางเอกชื่อดังอย่าง "แพนเค้ก" เขมนิจ จามิกรณ์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ไม่เพียงแค่นั้น นักแสดงหนุ่ม "พัตเตอร์" ภัทรนันท์ น้องชาย ของดาราสาว ก็รับบทมาเป็นนักฟุตบอลประจำทีมอีกด้วย

วันนี้ "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" มีโอกาสดี ได้พูดคุยกับ "สองพี่น้อง จามิกรณ์" เกี่ยวกับที่ไปที่มาของการเข้ามามีส่วนร่วมของทีม "ลูกทัพฟ้า ยูไนเต็ด" ในครั้งนี้กันอย่างใกล้ชิด เพราะความที่คุณพ่อ นทีเทพ จามิกรณ์ มีโอกาสได้เข้ามารับตำแหน่ง "ผู้อำนวยการด้านการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์ของทีม "ลูกทัพฟ้า ยูไนเต็ด" ซึ่งเดิมคือทีม "ธัญบุรี ยูไนเต็ด" จึงทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของทั้งหมด

แพนเค้ก : จริงๆ แล้ว ส่วนใหญ่เราจะเป็นกำลังใจมากกว่า ได้ไปช่วยคุณพ่อจริงๆ คือในวันที่แถลงข่าวเปิดตัวทีม วันนั้นไปเดินแฟชั่นโชว์ เหมือนได้ร่วมโปรโมตทีมใหม่ของเขา เราจะไปเชียร์ที่สนามบ้าง ถ้าไม่ได้ติดอะไร  แต่จะไปดูเฉพาะเวลาพัตเตอร์ลงเล่นเท่านั้น ถ้าไม่ลง ก็จะไม่ไปดู (หัวเราะ) แต่ว่าโดยรวม จริงๆ จะเป็นคุณพ่อมากกว่า ส่วน พัตเตอร์ ก็มีโอกาสได้ไปคัดเลือกนักฟุตบอลเข้าทีม

พัตเตอร์ : คงเป็นเพราะใจผมมากกว่า ผมอยากเล่นฟุตบอล อยากกลับมาเล่นฟุตบอลเหมือนเดิม ก็เลยได้กลับมา งานบันเทิงตอนนี้ ก็ต้องพักไปก่อน คือ เรามาเป็นนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัวแล้ว ก่อนหน้านี้ เคยคิดว่า เราจะมีโอกาสได้กลับมาเล่นฟุตบอลอีกไหม และพอมีโอกาสเข้ามา เรารู้เลยว่า นี่เป็นทางของเราที่สุด ก็เลยกลับมาเล่นต่อ

แต่สิ่งสำคัญที่สุด ก็น่าจะเป็นเพราะ ทั้งคู่ ได้ใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัว "จามิกรณ์" ที่มีใจรักกีฬาเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงทำให้สองพี่น้องได้รับการซึมซับมาไม่น้อย

แพนเค้ก : ครอบครัวรักกีฬา ชอบทำกิจกรรมมาก เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ก็เล่นกีฬาอยู่แล้ว และพัตเตอร์เอง เขาก็ชอบฟุตบอล เล่นมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีแค่ขาดไปช่วงตอนที่ เล่นละคร 4-5 ปี ส่วนเรา ก็เป็นนักกีฬาว่ิ่ง ของโรงเรียน ที่เหลือก็คือ กอล์ฟ, ว่ายน้ำ, เทนนิสบ้าง แต่จะเป็นกีฬากลางแจ้งส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม ต้องเรียกว่าประวัติด้านการเล่นฟุตบอลของ หนุ่มพัตเตอร์ ถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว เพราะเจ้าตัวเคยมีประสบการณ์ติดทีมชาติในระดับเยาวชนมาแล้ว

แพนเค้ก : พัตเตอร์ เล่นฟุตบอลมาตั้งแต่ 7 ขวบ ติดทีมยุวชนทีมชาติอายุ 12-14 ปี หลังจากนั้น ก็เล่นฟุตบอลมาตลอด กิจกรรมของครอบครัวตั้งแต่เด็กคือ คุณพ่อจะไปดูน้องซ้อมฟุตบอล ไปเชียร์ฟุตบอล ทั้งในและต่างประเทศ ที่เขามีโปรแกรมแข่ง ก็จะเป็นกิจกรรมของครอบครัว ที่จะไปเชียร์กันตลอดเวลา

พัตเตอร์ : ผมเคยเล่นยู-12 แต่เป็นชุดหลัง ไซตามะคัพ ตอนที่ติดครั้งแรกคือ อายุ 11 ขวบ หลังจากกลับมาจากไซตามะ ผมค่อยมาติดทีมชาติชุดเล็ก ก็เคยฝันลึกๆ เหมือนกันว่าจะมีโอกาสติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ผมคิดว่าคงไม่ไกลเกินเอื้อม ตอนนี้ เราก็อายุแค่ 21 ปี ยังพอมีเวลา ตราบใดที่ยังมีแรงเล่นต่อไป

ส่วนนักเตะที่ พัตเตอร์ ยกให้เป็นไอดอล คือ "โรนัลโด" อดีตกองหน้ามหาพระกาฬของทีมชาติบราซิล ขณะเดียวกันก็เป็นสาวกของทีม "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"

พัตเตอร์ : สไตล์ของผมเป็นไงไม่รู้ แต่เอาเป็นว่าผมมีไอดอลเป็นของตัวเอง คือ โรนัลโด กองหน้าของบราซิล คือเราเปิดคลิปยูทูบดูการเล่นของเขามานานแล้ว ผมชอบสไตล์ลุยๆ ของเขา ส่วนทีมที่ชอบก็ แมนฯ ยู แต่ตอนนี้ คงเป็น "ลูกทัพฟ้า" แล้ว (หัวเราะ)

แพนเค้ก : เวลาเล่น พัตเตอร์ จะทุ่มสุดตัว แลกกับการเจ็บของตัวเอง จะเห็นพัตเตอร์ ตีลังกาล้มเว่อร์ๆ ตลอดเวลา ทุกแมตช์จะต้องมีแบบนี้ ถ้าเห็นใครตีลังกา คิดไว้ก่อนว่า นั่น พัตเตอร์ล้มหรือเปล่า (หัวเราะ) ส่วนแฟนๆ ก็จำพวกเราได้ พัตเตอร์ เองเขาก็มีกองเชียร์ของเขาตะโกน "พัตเตอร์ พัตเตอร์" มีตีกลองด้วย เราก็ไปเชียร์กับเขาด้วย

แล้วระหว่างเส้นในวงการบันเทิง กับ กีฬา พัตเตอร์ จะเลือกจริงจังกับอะไรต่อจากนี้ เจ้าตัว ยืนยันหนักแน่นเลยว่า ยังไงชั่วโมงนี้ "กีฬา" ก็ต้องมาก่อน เพราะมันคือตัวตนของเขาจริงๆ

พัตเตอร์ : ต่อให้เหนื่อยขนาดไหน พอกลับบ้าน ผมรู้สึกว่า ผมยิ้มได้ กีฬามันเหมือนมันเป็นตัวของผมจริงๆ ทุกครั้งที่ได้อยู่ในสนาม พื้นหญ้าเขียวๆ นั่นแหละคือตัวตนของผม เป้าหมายต่อไป ก็คงจะจริงจัง และ ทำให้เต็มที่ที่สุด เพราะมันก็เป็นอาชีพแล้ว ร่างกายของผมตอนนี้ มันก็ยังไม่ได้กลับมาได้เต็มที่ เพราะหยุดไปนาน

แพนเค้ก : และครอบครัวก็เหมือนมีความสุข เพราะเชียร์เขามาตั้งแต่เด็กๆ เราชอบความรู้สึกที่เราได้ไปเชียร์เขา เราได้เห็นพัฒนาการเขา จนเหมือนกับว่า เขาเป็นตัวของเขาเองจริงๆ เวลาที่เขาอยู่ในสนาม มันคือตัวพัตเตอร์เลยจริงๆ และความรู้สึกนี้มันก็จะหายไปช่วงหนึ่ง และพอเขากลับมาเล่น เราทุกคนก็รู้สึกแฮปปี้มาก

พอเราเห็นว่าเขาเล่นกีฬาและไปได้ไกลขนาดนี้ รู้สึกว่า มันไม่ใช่เล่นๆ เลย และบางทีต้องซ้อม ต้องให้เวลา ต้องทุ่มเท มันเป็นอะไรที่ต้องฟิตจริงๆ และบางทีก็ต้องเจ็บตัวด้วย แต่กีฬามันก็เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาคนจริงๆ และการที่ พัตเตอร์ ได้กลับมาเล่นกีฬา เลยทำให้ทุกคนในครอบครัว ต้องตื่นตัวกับการออกกำลังกายไปด้วย

และก็ต้องถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะกระแสตอบรับ ของทีม "ลูกทัพฟ้า" มาดีเกินคาด หลังจากก่อนหน้านี้ ทีมเก่าอย่าง "ธัญบุรี ยูไนเต็ด" กระแสค่อนข้างจะเงียบ ต้องขอบคุณ สองพี่น้อง "จามิกรณ์" ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งช่วยสร้างสีสันและความคึกคักให้กับวงการลูกหนังบ้านเราอีกทาง และหวังเหลือเกินว่า เราจะได้เห็นทีม "ลูกทัพฟ้า" ไต่ขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้เร็วๆ นี้...!!