สมัยก่อนผู้เล่นกองหลังไม่ต่างอะไรกับผู้รักษาประตู เพราะทำดีเสมอตัว ทำชั่วโดนด่ากระจาย ที่สำคัญเรื่องค่าตัวกับค่าเหนื่อย ก็เป็นรองพวกกองหน้ากับ มิดฟิลด์ แต่ในยุคมิลเลนเนียนดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อบรรดาผู้เล่นแนวรับกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำทีมประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะ เชลซี, เรอัล มาดริด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมทั้ง บาร์เซโลน่า ต่างได้ดิบได้ดีเพราะกองหลัง


             จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ได้เห็น กองหลังหลายคนที่ มีค่าตัวสูงเป็นพันล้าน วันนี้ลองมาจัดอันดับดูว่ามีผู้เล่นคนไหนที่มีความสามารถล้นเหลือจนมีค่าตัว สูงไม่ต่างอะไรกับบรรดาหัวหอก แล้วเมื่อพิจารณาแล้วลองคิดดูว่าพวกเขาสมควรหรือไม่ที่จะได้รับค่าตัวขนาด นี้



10 ดาวิด ลุยซ์ จาก เบนฟิก้า สู่ เชลซี (2011) ค่าตัว 25 ล้านยูโร (ราว 1,000 ล้านบาท)
            ปราการหลังเจ้าของทรงผมหัวฟูเหมือนตัวการ์ตูนในเรื่อง "เดอะ ซัมป์สัน" เป็นสุดยอดปราการเหล็กที่ เชลซี ต้องยกย่องแบบขึ้นหิ้ง เพราะใครจะไปคิดว่าผู้เล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟจากแดนแซมบ้า จะเล่นเกมบุกได้ดุเด็ดเผ็ดมัน ถ้าจำกันได้ก็ในแมตช์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ ลุยซ์ เบิกประตูได้อย่างงดงาม ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ อดีตแข้ง เบนฟิก้า มีส่วนสำคัญนำ "สิงโตน้ำเงินคราม"คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเปรียบเทียบกับ ดิมิโทร ชิกรินสกี้ ที่บาร์เซโลน่า ซื้อมาจาก ชัคเตอร์ โดเนตสค์ ในราคาเดียวกัน แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า แถมยังขายคืนต้นสังกัดเดิมของนักเตะในราคาขาดทุน 10 ล้านยูโร (ราว 400 ล้านบาท) เมื่อปีที่แล้ว

 

9. ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ จาก เอฟซี ปอร์โต้ สู่ เชลซี (2004) ค่าตัว 27 ล้านยูโร (ราว 1,080 ล้านบาท)
           ช่วงซัมเมอร์ปี 2004 เชลซี ตัดสินใจทุนเงินมหาศาลเพื่อกองหลังที่มีนามว่า คาร์วัลโญ่ โดยงานนี้ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมไฟเขียวยอมเซ็นเช็คให้กับ เซนเตอร์ฮาล์ฟเลือดฝอยทอง ซึ่งต้องยอมรับว่าคุ้มสุดคุ้ม เพราะนักเตะถือเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ เชลซี โดย คาร์วัลโญ่ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 3 สมัย, คาร์ลิ่ง คัพ 2 สมัย, คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2 สมัย ต้องยอมรับว่า คาร์วัลโญ่ เป็นหนึ่งในกองหลังที่แกร่งที่สุดในโลก หลังจากอิ่มกับความสำเร็จใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าตัวก็ตัดสินใจออกไปหาความท้าทายใหม่กับ เรอัล มาดริด

8. โจลีออน เลสค็อตต์ จาก เอฟเวอร์ตัน สู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2009) ค่าตัว 27.5 ล้านยูโร (ราว 1,100 ล้านบาท)       
             เดวิด มอยส์ กุนซือเอฟเวอร์ตัน สร้างสถิติให้ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จในการย้ายทีมมากที่สุดในวงการลูกหนัง เมืองผู้ดี เมื่อจัดการขาย เลสค็อตต์ ซึ่งซื้อมาจากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ ให้ แมนฯ ซิตี้ แบบคุ้มแสนคุ้ม แน่นอนว่าตอนที่ย้ายไปเล่นในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม เลสค็อตต์ ต้องเป็นตัวสำรองอดทน จนกระทั่ง โคโล่ ตูเร่ โดนแบนจากข้อหาโด๊ปยาเมื่อเดือนธันวาคม 2010 ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้แสดงความสามารถและในที่สุดก็ยึดตัวจริงมาตลอด จนกลายเป็นหนึ่งในแข้ง "เรือใบสีฟ้า" ชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2011-12

7 ลิลิยอง ตูราม จากปาร์ม่า สู่ ยูเวนตุส (2001) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (ราว 1,200 ล้านบาท)
           หลังจากที่ ยูเวนตุส ขายซีเนดีน ซีดาน ให้กับ เรอัล มาดริด ด้วยสถิติโลก 73.5 ล้านยูโร (ราว 2,940 ล้านบาท) เมื่อซัมเมอร์ 2001 สโมสรก็ไม่ปล่อยให้เงินบูดเมื่อจัดการเซ็นสัญญากับสุดยอดปราการหลังเลือด เฟร้นช์ เข้ามาเสริมแกร่งในแนวรับ และก็ไม่ผิดหวังเมื่อ ตูราม ช่วย "ม้าลาย" คว้าแชมป์ลีก 4 สมัยในรอบ 5 ปี ก่อนที่จะหอบเสื้อผ้าไปกินซกเล็กวัวกระทิงกับ บาร์เซโลน่า

7 อเลสซานโดร เนสต้า จาก ลาซิโอ สู่ เอซี มิลาน (2002) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (ราว 1,200 ล้านบาท)
             สิบปีจากการย้ายออกจากกรุงโรมเพื่อมาเล่นให้ มิลาน ก่อนจะย้ายไปโกยเงินช่วงบั้นปลายชีวิตให้ มอนทรีอัล อิมแพ็ค สโมสรในลีกมะกัน ช่วงซัมเมอร์นี้ ต้องยอมรับว่า เนสต้า คือหนึ่งในปราการหลังระดับตำนานของ "รอสโซเนรี่" กับ 2 แชมป์ถ้วย "บิ๊กเอียร์" พ่วงด้วย แชมป์ลีก 2 สมัย ถือเป็นเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่ของ อดีตเซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอิตาลี แน่นอนว่าในช่วงที่รุ่งเรือง เนสต้า ได้รับการยกย่องให้เป็นกองหลังที่เก่งที่สุดใน กัลโช่ เซเรีย อา เลยทีเดียว

7 เปเป้ จาก เอฟซี ปอร์โต้ สู่ เรอัล มาดริด (2007) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (ราว 1,200 ล้านบาท)
             ปราการหลังทีมชาติโปรตุเกส กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นคีย์แมนสำคัญของ "ราชันชุดขาว" นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ร่วม 5 ปี อย่างไรก็ตาม นักเตะมีประวัติด่างพร้อยพอสมควร ครั้งแรกโดนแบน 10 เกม หลังจากที่เจตนาจัดเต็มบาทาไร้เงาใส่ ฆาเบียร์ กาสเกโร่ แข้ง เคตาเฟ่ หลังจากนั้นนักเตะก็มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน ส่งผลให้พลาดไปเล่นเวิลด์ คัพ 2010 แต่ เปเป้ ก็กลับมาโชว์ฟอร์มสุดยอดในซีซั่น 2010-11 แม้จะโดนไล่ออกในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ชน บาร์เซโลน่า แต่สุดท้ายนักเตะก็ประสบความสำเร็จเมื่อนำ เรอัล ผงาดคว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิงดุได้สำเร็จเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

7 ฟาบิโอ โกเอนเตรา จาก เบนฟิก้า สู่ เรอัล มาดริด (2011) ค่าตัว 30 ล้านยูโร (ราว 1,200 ล้านบาท)
              ตอนอยู่กับ เบนฟิก้า นั้น โกเอนเตรา ถูกส่งไปเล่นแบบยืมตัวอยู่บ่อยๆ และด้วยฟอร์มที่มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้นักเตะมีชื่อติดทีมชาติ โปรตุเกส ลุยศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ที่สำคัญ โกเอนเตรา ยิ่งเล่นยิ่งเก่ง ทำให้เจ้าตัวตกเป็นข่าวกับ บาเยิร์น มิวนิค และ เรอัล มาดริด แต่สุดท้ายเป็น "ราชันชุดขาว" ที่ทุ่มเต็มสูบ คว้านักเตะมาครอบครองได้สำเร็จ และแน่นอนดูเหมือนว่าพวกเขาจะลงทุนคุ้มค่าซะด้วย
 

3. ดาเนี่ยล อัลเวส จาก เซบีย่า สู่ บาร์เซโลน่า (2008) ค่าตัว 35.5 ล้านยูโร (ราว 1,420 ล้านบาท)
           อัลเวส ทำผลงานได้อย่างสุดยอดตอนที่ค้าแข้งให้กับ เซบีญ่า ด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 2 สมัยติดต่อกันจากนั้นเจ้าตัวก็ตัดสินใจรับเงินก้อนโตเพื่อไปเล่นให้ "เจ้าบุญทุ่ม" บางที ณ ตอนนี้ ดาวเตะทีมชาติบราซิล อาจจะเป็นแบ็กขวาที่เก่งที่สุดในโลก ที่สำคัญ อัลเวส ได้ชื่อว่าเป็นจอมทำลายผู้เล่นแบ็กซ้ายคู่แข่ง จากลีลาการเปิดเกมบุกแบบเต็มสูบไม่หวั่นเกรงคู่ต่อสู้ และด้วยฟอร์มแบบนี้ไม่แปลกเลยที่เขาจะได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย ในช่วง 3 ปีแรกของการเล่นในถิ่นคัมป์ นู

2. ติอาโก้ ซิลวา จาก เอซี มิลาน สู่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (2012) ค่าตัว 42 ล้านยูโร (ราว 1,680 ล้านบาท)
            ซิลวา บอกว่าเขาอยากอยู่กับ มิลาน ตราบนานเท่านาน ต้องการที่จะเป็นกัปตันทีมของ "รอสโซเนรี่" แต่เพียง 1 ปี ด้วยผลงานที่โดดเด่นทำให้เจ้าตัวได้รับความสนใจจาก บาร์เซโลน่า และอีก 1 เดือนหลังจากนั้น ซิลวา ก็ย้ายไปเล่นให้ "เปแอสเช" ฟูลแบ็กทีมชาติบราซิล ถูกขายให้กับทีมมหาเศรษฐีใหม่เมืองน้ำหอมด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 42 ล้านยูโร ยังไม่หมดแค่นั้นด้วยเม็ดเงินของเจ้าของใหม่ในยุคอาหรับครองสโมสร พวกเขากว้านเม็ดเงินฟาดหัวให้ "ปีศาจแดง-ดำ" ดึงตัว ซลาตัน อิบราฮิโมวิช อีกด้วย

1. ริโอ เฟอร์ดินานด์ จาก ลีดส์ ยูไนเต็ด สู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2001) ค่าตัว 46 ล้านยูโร (ราว 1,840 ล้านบาท) 
             ริโอ เฟอร์ดินานด์ ยังคงครองสถิติเจ้าของปราการหลังค่าตัวที่แพงที่สุดตลอดกาล โดยตอนนั้น "ผีแดง" ควักกระเป๋าให้ "ยูงทอง" 46 ล้านยูโร เพื่อดึง เซนเตอร์ฮาล์ฟปากเป็ด มาร่วมทีม แน่นอนว่า 11 ปีกับการเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นักเตะประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2008 นอกจากนี้ยังมีแชมป์ลีกเมืองผู้ดี 5 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, คาร์ลิ่ง คัพ 2 สมัย และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 1 สมัย ถือเป็นเม็ดเงินที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทุ่มลงไปแบบไม่เสียเปล่า หากพิจารณาจากนักเตะที่ "ป๋า" ซื้อมาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา !!??