พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศการแข่งขันในลีกรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี อันนับเป็นรายการใหม่เรียบร้อย โดยจะใช้กฎการส่งนักเตะลงสนามที่คล้ายกับในการแข่งขันฟุตบอลชายของ โอลิมปิก เกมส์ ขณะที่ ริชาร์ด สคูดามอร์ ซีอีโอของพรีเมียร์ลีก เชื่อ การแข่งนี้จะช่วยพัฒนานักเตะในท้องถิ่นได้ดี

   ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยันแล้วว่า การแข่งขันในลีกประเภทอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งเป็นรายการใหม่ ประจำฤดูกาล 2012-13 นั้น จะเป็นการเชื่อมทั้งความสัมพันธ์ และความแตกต่างระหว่างนักเตะจากอะคาเดมี่ของแต่ละสโมสร และกับพ่อค้าแข้งในทีมชุดใหญ่ได้เป็นอย่างดี

 ในลีกประเภทอายุไม่เกิน 21 ปี ประจำซีซั่น 2012-13 นั้น จะมีทั้งหมด 23 ทีม โดยมาจากในพรีเมียร์ลีก 17 ทีม กับในระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อีก 6 ทีม และทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม หลังจากนั้น นับจากเดือนมกราคม 2013 เป็นต้นไปแล้ว ทั้งหมดจะถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่มอีกครั้ง โดยคราวนี้จะแบ่งในแบบที่ยึดจากผลงานเป็นหลัก ซึ่งจะนำไปสู่รอบน็อกเอาต์ และรอบชิงชนะเลิศต่อไป

สำหรับการแข่งขันรายการใหม่ จะเริ่มในวันศุกร์ที่ 17 สิงหาคมนี้ โดยในวันดังกล่าวจะมีอยู่ 2 แมตช์ที่ลงแข่ง นั่นก็คือการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เชลซี และนัดที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จะรับการมาเยือนของ เร้ดดิ้ง ขณะที่กฎการส่งนักเตะลงสนามนั้น แต่ละทีมจะสามารถส่งผู้เล่นที่มีอายุเกิน 21 ปี ลงสนามในตำแหน่งอื่นๆ นอกจากผู้รักษาประตู ได้ไม่เกิน 3 คน และยังสามารถส่งนายด่านที่มีอายุเกิน 21 ปีลงเล่นได้ด้วย หรือก็คือเป็นรูปแบบคล้ายกับที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลชายของ โอลิมปิก เกมส์ แต่มีข้อกีดกันทางอายุที่น้อยกว่านั่นเอง

ด้าน ริชาร์ด สคูดามอร์ ประธานบริหารของพรีเมียร์ลีก กล่าวในแถลงการณ์ว่า ระบบแบบนี้ จะช่วยให้พ่อค้าแข้งในท้องถิ่นสามารถพัฒนาฝีเท้าได้มากขึ้น "การพัฒนาแต่ละขั้นของนักเตะนั้น จะมีการปรับให้เหมาะสม เพื่อทำให้มั่นใจว่า พวกเขาจะมีโอกาสที่ดีที่สุด เพื่อที่จะพัฒนาต่อไปได้ ดังนั้นลีกรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีของพรีเมียร์ลีกอันใหม่ จะเป็นการจัดการกับหนึ่งในประเด็นที่มีความจำเป็นที่สุด นั่นก็คือการส่งผ่านจากเกมฟุตบอลในระดับอะคาเดมี่ ไปสู่มาตรฐานสูงสุดในทีมชุดใหญ่"

 "เราเชื่อว่า สิ่งแวดล้อมจากการแข่งรายการนี้ ซึ่งแฟนๆ สามารถเข้ามาดูนักเตะรุ่นถัดไปของพรีเมียร์ลีก และนักเตะจากนานาชาติได้นั้น จะช่วยให้นักเตะพรสวรรค์สูงที่มาจากท้องถิ่น สามารถก้าวไปสู่ระดับต่อไปได้มากกว่าเดิม" ซีอีโอของ พรีเมียร์ลีก ระบุ

รายชื่อทีมในแต่ละกลุ่ม

- เนชั่นแนล กลุ่ม 1 : อาร์เซน่อล, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, โบลตัน วันเดอเรอร์ส, เอฟเวอร์ตัน, นอริช ซิตี้, เร้ดดิ้ง, เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

- เนชั่นแนล กลุ่ม 2 : แอสตัน วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, เซาธ์แฮมป์ตัน, สโต๊ค ซิตี้, ซันเดอร์แลนด์, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, วัตฟอร์ด

- เนชั่นแนล กลุ่ม 3 : เชลซี, คริสตัล พาเลซ, ฟูแล่ม, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, มิดเดิ้ลสโบรช์, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส