ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » นอกสนาม » 10 ยอดนักเตะที่ล้มเหลวอาชีพกุนซือ

10 ยอดนักเตะที่ล้มเหลวอาชีพกุนซือ

Posted 15/08/2012 by siamsport

             หลายต่อหลายครั้งที่นักเตะประสบความสำเร็จอย่างมากสมัยที่ค้าแข้ง แต่เมื่อพวกเขาตัดสินใจแขวนสตั๊ด ส่วนใหญพ่อค้าแข้งเหล่านั้นมักจะมองไปที่การทำงานเป็นผู้จัดการทีม บางคนก็ได้รับการสรรเสริญกับงานที่ทำ แต่บางคนแทบจะต้องเอาปี๊บคุมหัว เพราะล้มเหลวแบบไม่เป็นท่า แถมยังรับงานกี่ครั้งกี่หนก็ย่ำแย่เกินห้ามใจ


             เป็นเรื่องธรรมดาที่ประสบการณ์ในสนามอาจจะนำมาใช้กับงานคุมทีมไม่ได้ เพราะหากเราลองพิจารณาดีๆ กุนชือที่มีชื่อเสียงหลายๆ คนก็เอาดีในการเป็นนักเตะไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้นเรื่องเหล่านี้ประสบการณ์อาจจะมีส่วนแต่ไม่น่าจะทั้งหมด เพราะหลักใหญ่ใจความแล้วมันสมองและการคิดวิเคราะห์น่าจะมีส่วนสำคัญมากกว่า



10. โทนี่ อดัมส์ 
              อดัมส์ ประสบความสำเร็จอย่างมากในอาชีพพ่อค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล เขาได้เป็นกัปตันทีม "เดอะ กันเนอร์ส" และนำต้นสังกัดผงาดคว้าแชมป์ลีก 4 สมัย และแชมป์ เอฟเอ คัพ 3 สมัย ไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อ อดัมส์ ก้าวมาทำหน้าที่กุนซือ และเขาจะเน้นการทำทีมในสไตล์ จอร์จ เกรแฮม ปรมาจารย์ลูกหนังของเขา ที่นิยมชมชอบกับการเล่นเน้นเกมรับ จนทำให้ทีมได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแห่งทีมที่แสนน่าเบื่อ


             สำหรับการโชว์ฟอร์มในสนามแข่ง อดัมส์ รับใช้ "ไอ้ปืนใหญ่ถึง 675 แมตช์ตลอดทุกการแข่งขัน ในขณะที่กับทีมชาติอังกฤษ ก็ไม่น้อยหน้าเขาลงคุมแนวรับ "บิ๊กโฟร์" ถึง 66 เกมเลยทีเดียว


             หลังจากแขวนสตั๊ด อดัมส์ มีโอกาสที่จะได้ลองอาชีพใหม่ที่ตนเองตั้งใจทำอยู่แล้ว นั่นก็คือการเป็นผู้จัดการทีม โดยทีมแรกของเขาก็คือการคุม วีคอมบ์ และก็ทำผลงานชิ้นโบว์ดำด้วยการนำทีมตกชั้น ในซีซั่นแรกที่กุมบังเหียน ก่อนจะมาโดน พอร์ทสมัธ ไล่ออกหลังคุมทีมได้แค่ 4 เดือน เนื่องจากผลงานห่วยบรมห่วย ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะพี่ท่านเข้ารับงานคุมสโมสร  กาบาล่า ใน อาเซอร์ไบจาน และก็โดนเฉดหัวหลังจากทำงานแค่ 17 เดือนเท่านั้น
 






9. บ็อบบี้ ชาร์ลตัน
             เซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน คือตำนานแห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แน่นอนว่าบรรดาสาวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างก้มหัวคารวะในความยิ่งใหญ่ของชาร์ลตัน ที่ทำให้โลกรู้จักสโมสรแห่งนี้ เช่นเดียวกับทีมชาติอังกฤษเพราะ ชาร์ลตัน ถือเป็นหนึ่งในตำนานแข้งตลอดกาลของ "สิงโตคำราม" เลยทีเดียว แน่นอนเขานำ "ผีแดง" คว้าแชมป์ลีก 3 สมัย, 1 แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ และแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 ครั้งแรกและครั้งเดียวของ "ทรี ไลอ้อนส์"


             นอกจากนี้ยังคงครองตำแหน่งดาวซัลโวตลอดกาลของ แมนฯ ยูไนเต็ด และ อังกฤษ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จตอนค้าแข้งกับการเป็นผู้จัดการทีมต่างกันลิบลับ เพราะการกุมบังเหียน เปรสตัน นอร์ทเอ็นด์ ก็พาทีมตกชั้น เรื่องนี้หลายๆ คนบอกว่าเป็นตราบาปของ ชาร์ลตัน และดูท่าทางจะไม่มีทางลบเลือนออกไปจากใจได้เลย

 





8. พอล แกสคอยน์ 
            แกสคอยน์ ต้องเจอกับความยากลำบากระหว่างที่แขวนสตั๊ด แต่ อดีตแข้งวัย 45 ปี เคยเป็นสุดยอดนักฟุตบอลที่ทั่วโลกต้องกล่าวขวัญ เขาเคยนำ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ แต่ฟอร์มการเล่นในศึกเวิลด์ คัพ อิตาเลีย 1990 ของเขาเอาชนะใจแฟนบอล "สิงโตคำราม" ทั่วโลก โดยเฉพาะตอนที่เขาน้ำตาพรั่งพรูก่อนที่ชาติบ้านเกิดแพ้จุดโทษ เยอรมัน (ตะวันตก) ในรอบรองชนะเลิศ


            แกสคอยน์ ลองโยกไปรับหน้าที่ผู้เล่น-ผู้จัดการทีม กานซู เทียนม่า ในจีนในปี 2003 และเซ็นสัญญากับ บอสตัน ยูไนเต็ด ในปี 2004 แต่ทำงานไปเพียง 3 เดือน เจ้าตัวก็ตัดสินอำลาตำแหน่ง หลังสโมสรไม่อนุญาตให้เขาไปออกรายการเรียลลิตี้โชว์


           หลังจากแขวนสตั๊ด พี่ท่านก็หันมาเอาดีด้านงานเทรนเนอร์ และการทำงานผู้จัดการทีมเป็นเรื่องที่สุดเลวร้ายของ "แก๊ซซ่า"ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเป็นพวกสำมะเลเทเมา โดยเจ้าตัวโดนไล่ออกจากตำแหน่งไม่ถึง 40 วันในการทีมทีมเคทเตอร์ลิ่ง ทาวน์ โดยเหตุผลก็คือเขาเมามาทำงานเกือบทุกวัน จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเขาก็ไม่เคยได้รับงานคุมทีมอีกเลย

 






7. รุด กุลลิท 
           รุด กุลลิท ได้รับความยกย่องเชิดชูในฐานะตำนานของ เอซี มิลาน และ ฮอลแลนด์ เขาเป็นหนึ่งในสามทหารเสือแห่งถิ่น ซาน ซิโร่ ในยุคที่ยึดครองลีกเมืองมะกะโรนี และในเวทีลูกหนังยุโรป โดยตลอดช่วงที่เขาสวมชุด "ปีศาจแดง-ดำ"เจ้าตัวคว้าแชมป์ สคูเด็ตโต้ 3 สมัย และอีก 2 สมัยในศึกยูโรเปี้ยน คัพ ในขณะเดียวกันยังช่วยให้ทัพ "อัศวินสีส้า" คว้าแชมป์ "ยูโร 1988" ด้วย


           หลังจากที่แขวนเกือก กุลลิท มีโอกาสได้เข้ามากุมบังเหียนกับ เชลซี แม้ว่าเขาจะพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ แต่ผลงานโดยรวมแล้วไม่น่าประทับใจจนโดน "สิงโตน้ำเงินคราม" ไล่ออก จากนั้นก็มีโอกาสได้คุม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กระนั้นเขาไม่ค่อยได้รับความเห็นด้วยจาก อลัน เชียเรอร์ และสาวก "สาลิกาดง" และสุดท้าย อดีตแข้งเจ้าของฉายา "หัวงูเก็งก็อง" ก็โดนอัปเปหิออกไป


           จากนั้น กุลลิท ก็โยกไปทำมาหากินกับ แอลเอ แกแล็กซี่ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาโดนไล่ออก แต่ที่น่าประหลาดใจก็คงจะเป็นตอนที่มีโอกาสกุมบังเหียน เทเร็ค กรอซนี่  ให้ตายเหอะพี่ท่านโดนเฉดหัวอกไปแค่ 5 เดือนที่ได้ทำงานเท่านั้น หลังทะลึ่งวิจารณ์ผู้บริหารสโมสร ที่ให้ความสำคัญกับชีวิตกลางคืนมากกว่าทีม

 






6. รอย คีน 
          รอย คีน เป็นหนึ่งในสุดยอดกองกลางฮาร์ดแมนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดย "คีโน่" สอยแชมป์ลีกเมืองผู้ดี 7 สมัย รวมทั้งถ้วย "บิ๊กเอียร์" 1 สมัย ตลอดระยะเวลาที่ทำมาหากินในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดเป็นเวลา 12 ปี และหลังจากที่ตัดสินใจอำลาการเป็นนักเตะ เจ้าตัวก็เดินตามรอย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วยการทำหน้าที่คุยทีม โดยเริ่มจาก ซันเดอร์แลนด์ และก็ต้องโดนเฉดหัวออกจากทีม เขามีโอกาสได้กุมบังเหียน อิปสวิช ทาวน์ แต่ทีมไม่สามารถเลื่อนชั้นจนสุดท้ายต้องแยกทางกัน







5. ดีเอโก้ มาราโดน่า 
          มาราโดน่า ได้รับการสรรเสริญเชิดชูในฐานะนักเตะที่ดีที่สุดในโลกทั้งในระดับสโมสรและ ระดับชาติ การนำ นาโปลี ทีมเล็กๆ ในลีกมะกะโรนีฟันผ่าอุปสรรคอย่าง เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน และ ยูเวนตุส ซิวถ้วย "สคูเด็ตโต้" 2 สมัย และ ยูฟ่า คัพ (ปัจจุบัน ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก) ช่วงระหว่างที่เขาค้าแข้งในอิตาลี และยังได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่จนทุกวันนี้


          ในขณะที่การเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนตินา ทุกๆ คนคงได้เห็นความยิ่งใหญ่ของ "เสือเตี้ย" ไปแล้ว เมื่อเขาแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลชายเดี่ยวเป็นยังไง เพราะพี่ท่านเล่นทำผลงานแบบข้ามาคนเดียวจนนำทัพ "ฟ้า-ขาว" ซิวถ้วยเวิลด์ คัพ 1986


           อย่างรไก็ตาม ความสำเร็จสมัยค้าแข้งมันไม่สามารถนำมาใช้กับงานกุมบังเหียนเลย เพราะพี่ท่านคุมทีมไหนก็ล่องจุ้นหมด อย่างตอนที่สวมบทนายใหญ่อาร์เจนตินา ก็โดน เยอรมนี สอนบอล 0-4 ตกรอบน็อกเอาต์ ศึกฟุตบอลโลก 2010 หลังจากแยกทางกับทีมชาติ มาราโดน่า ก็ยังดวงเฮงได้คุมทีม อัล วาเซิ่ล ทีมในลีกสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบทสรุปก็เหมือนเดิมเพราะผลงานไม่เข้าตา สุดท้ายก็ต้องโดดเฉดหัวทิ้ง

 






4. โลธ่าร์ มัทเธอุส 
           มัทเธอุส ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในวงการลูกหนังโลก โดยสอยแชมป์บุนเดสลีกา 8 สมัยกับ บาเยิร์น มิวนิค, 1 สคูเด็ตโต้ กับ อินเตอร์ มิลาน และ 2 ยูฟ่า คัพ กับยอดทีมลีกเบียร์ และอิตาลี นอกจากนี้ "ซูเปอร์แมน" ยังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1990 และติดทัพ "อินทรีเหล็ก" ถึง 150 แมตช์เลยทีเดียว


            ปัจจุบัน อดีตห้องเครื่องจอมพลัง วัย 51 ปี นอกจากจะเก่งในสนามฟุตบอลแล้ว ยังมีเกมรักที่เด็ดดวงไม่งั้นคงไม่แต่งงาน 4 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ความสุดยอดของ "พี่อู๊ด" ไม่สามารถนำมาใช้ในงานโค้ชได้เลย เพราะตั้งแต่ที่หันมากุมบังเหียนไม่ว่าจะเป็น ราปิด เวียนนา, แอตเลติโก พาราเนนเซ่, เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก และ มัคคาบี้ เนทันย่า รวมทั้งทีมชาติบัลแกเรีย ไม่เคยเลยที่จะทำให้ทีมเหล่านี้ฝันเป็นจริง สุดท้ายก็ต้องโบกมือบ๊ายบายไปแบบไม่มีใครจดจำ

 





3. อลัน เชียเรอร์
 
            อลัน เชียเรอร์ คือเจ้าของสถิติระเบิดประตูสูงสุดตลอดกาลของ พรีเมียร์ลีก โดยเขาซัดไปเบาะๆ 260 ประตูจากการเล่นให้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สำหรับในนามทีมชาติอังกฤษ "ฮอตชอต" ตะบันตาข่ายไปสบายเกือก 30 ประตูจากการเล่น 63 แมตช์ และยังมีรายชื่อสุดยอด 100 นักฟุตบอลที่ยังมีชีวิตอยู่ของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า)


            อดีตแข้งวัย 41 ปีมีโอกาสได้ทำหน้าที่กุนซือเพียง 8 เกมเท่านั้น แต่เขาไม่วายที่จะนำความล่องจุ้นมาสู่ นิวคาสเซิ่ล เพราะทีมต้องร่วงตกชั้นในฤดูกาล 2008-09 นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ เชียเรอร์ ทำหน้าที่กุมบังเหียน เพราะหลังจากนั้นเขาหันไปทำอาชีพนักวิเคราะห์เกมลูกหนังให้กับ บีบีซี สื่อเมืองผู้ดี และงานนี้คงเหมาะกับเขามากกว่าที่จะไปนั่งวางแผนให้กับนักเตะในสนามแน่นอน

 




2. ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ
           เป็นที่รู้กันว่า สตอยช์คอฟ มีอารมณ์ขี้หงุดหงิด แต่มีเท้าซ้ายที่สุดทรงพลังและทำให้คู่แข่งหวาดหวั่นยามที่เขาจัดการง้าง เท้าข้างถนัดซัดลูกหนังไปซุกก้นตาข่าย อดีตหัวหอกชื่อดังทีมชาติบัลแกเรีย เคยมีชื่อเป็นดาวซัลโวร่วมในศึกฟุตบอลโลก 1994 และพาชาติบ้านเกิดทะลุถึงรอบรองชนะเลิศทัวร์นเมนต์ดังกล่าวด้วย


           ในระดับสโมสรเจ้าตัวค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า และคว้าแชมป์ลา ลีกา 5 สมัย รวมกับแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย, คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย, โกปา เดล เรย์ 1 สมัย และยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย


             หลังแขวนสตั๊ด สตอยช์คอฟ มีโอกาสได้ทำหน้าที่กุมบังเหียนทีมชาติบ้านเกิด แต่ก็ประสบความล้มเหลวไม่เป็นทางทั้งไม่ได้ไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2006 รวมทั้ง ยูโร 2008 พอหันไปรับงานในระดับสโมสรที่ย่ำแย่ไม่แพ้กันเมื่อนำ เซลต้า บีโก้ ตกชั้นซะงั้น แต่ยังไม่วายมีทีมที่กล้าเสี่ยงลองใช้งานเขา นั่นก็คือสโมสรลิเท็กซ์ โลเวซ ในลีกบ้านเกิด ส่วนชะตากรรมของทีมนี้จะเป็นอย่างไร อีกไม่นานเดี๋ยวก็รู้

 




1. มาร์โก แวน บาสเท่น
            "เพชฌฆาตพรายกระซิบ" สมญานามนี้บอกถึงตัวของ มาร์โก แวน บาสเท่น ได้เป็นอย่างดีว่าเป็นสุดยอดกองหน้าขนาดไหน เอาไงๆ ชื่อนี้เป็นตำนานของ เอซี มิลาน และทีมชาติฮอลแลนด์ เลยทีเดียว


             ตำนานเลือดดัตช์ผงาดคว้าแชมป์ลีกบ้านเกิดกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก่อนที่จะไปเขียนประวัติศาสตร์ในถิ่นซาน ซิโร่ เมื่อจัดการยกโทรฟี่ลีก 4 สมัย และ3 ยูโรเปี้ยน คัพ กับ "ปีศาจแดง-ดำ" อย่างไรก็ตาม อดีตหัวหอกวัย 47 ปี กลับไม่เคยก้าวไปถึงแชมป์เลยในฐานะเทรนเนอร์ เริ่มตั้งแต่ตอนคุมทัพ "อัศวินสีส้ม" ก็ทำทีมตกรอบ 2 เวิลด์ คัพ 2006 ก่อนจะทำงามหน้าอีกครั้งด้วยการร่วงรอบ8 ทีมสุดท้าย ยูโร 2008


             ด้วยผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ทำให้ บาสเท่น ต้องรีบอำลาทีมชาติเพราะขืนอยู่ต่อไปมีสิทธิ์โดนด่าจนเสียตำนาน จากนั้นพี่ท่านได้รับโอกาสแก้ตัวด้วยการคุมอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม  แต่ก็อีกหรอบเดิม "น้าแวน" ได้ทำหน้าที่นายใหญ่แค่ 1 ฤดูกาลเท่านั้น เพราะนำทีมเป็นแค่รองแชมป์ลีก แต่ที่น่าอายก็คือมีแต้มตามหลัง อาแซด อัล์คมาร์ แชมป์ถึง 12 คะแนนเลยทีเดียว




TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »