กลายเป็นประเด็นร้อนสำหรับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยอีกครั้งในวันนี้ เมื่อมีบจก.ยักษ์ใหญ่แห่งแดนโสมยื่นหนังสือฟ้องนายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฯ ด้วยเม็ดเงินกว่า 30 ล. แบบตาค้างกันทั้งบาง

เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2555 ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ นายชอย ดอง อุล ตัวแทนผู้รับมอบจากบริษัท แดอัน 21 จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท แดอัน ย็อนอัพ จำกัด) ประจำ ประเทศเกาหลีใต้ พร้อมด้วย นายศุภชัย ช่วยเวช และทีมงานทนายความประจำบริษัท นำเอกสารหลักฐานยื่นคำฟ้องต่อศาลคดีอาญา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง

โดยมีสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นจำเลยที่ 1 และ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นจำเลยที่ 2 หลัง ทางบริษัทถูกชักชวนให้มาลงทุนทำธุรกิจการตลาดกีฬา มอบหมายให้ดูแลผลประโยชน์เรื่องสปอนเซอร์และลิขสิทธิ์ต่างๆ พร้อมโอนเงินไปแล้วจำนวน 900,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 28.8 ล้านบาท) ตั้งแต่ปี 2550 สุดท้ายกลับไม่ได้ดำเนินการและการติดต่อใดๆ กลับมา

ด้าน “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ นัดสื่อมวลชนชี้แจงเรื่องดังกล่าวที่งานลอนดอนเกมส์ สานฝันนักกีฬาไทยสู่ความสำเร็จ ที่สำนักงานใหญ่บ.ข่าวสด ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่แปลก ไม่ชอบมาพากล ซึ่งตนทราบว่ามีการโทร.แจ้ง สื่อมวลชนเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ พยายามดิสเครดิสตน โดยที่มีการสร้างข่าวขึ้นและมุ่งทำลายชื่อเสียงตน โดยหลังจากนี้ไปตนจะให้ฝ่ายกฎหมายดูรายละเอียดและเตรียมดำเนินการฟ้องกลับ

ประมุขบอลไทย กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวผ่านมานานถึง 5-6 ปี แล้ว ตนสังสัยว่าทำไมปล่อยให้ผ่านมานานขนาดนี้ อย่างไรก็ตามหากเป็นผู้เสียหายจริง ตนคิดว่าก็คงไม่ปล่อยให้เรื่องราวผ่านมานานขนาดนี้ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง

“ผมทำคุณงามความดีมาเยอะแยะและทำงานมา นานอย่างต่อเนื่อง สร้างผลงานมาก็มากมาย ที่ผ่านมาเรื่องผมบริจาคที่ดินที่หนองจอกก็มีความพยายามบิดเบือนความจริง ผมไม่ชอบทะเลาะกับใคร แต่เรื่องดังกล่าวทำให้ผมเสียชื่อเสียงไปแล้ว ดังนั้นผมก็เตรียมฟ้องกลับ” นายวรวีร์ กล่าว

นอกจาก นี้ “บังยี” ยังเผยด้วยว่า ผลงานของทีมชาติไทยตนเองอาจจะยังดูแลไม่ดี แต่ทั้งนี้ตนได้ทุ่มเทและทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังมาตลอดในตอนที่ ทีมชาติไทยคว้าแชมป์ซีเกมส์ 8 สมัย ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครสามารถคว้าแชมป์ได้ตลอดกาลและก็ไม่มีใครรักษาแชมป์ไว้ ได้ตลอด ส่วนในขณะนี้ตนได้ทุ่มเงินจ้างผู้ฝึกสอนชาวเยอรมนีมาพร้อมทีมงานชุดใหญ่ โดยต้องจ่ายเงินสูงถึง 30-40 ล้านบาท ตนก็ยอมลงทุนเพื่อเป็นการสร้างทีมชาติไทยในระยะยาว และขอให้ตนเองใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งเพื่อพัฒนาทีมชาติไทย

ส่วนในกรณีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.)ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ป.ป.ช.) จะเชิญ นายวรวีร์ บ.สยามสปอร์ตฯ และอธิบดีกรมสรรพากร เข้าชี้แจงที่รัฐสภา ในวันที่ 30 ส.ค.นี้

ประมุขบอลไทย กล่าวว่า ตนจะไปแน่นอน และไม่ขัดข้องใดๆ แต่ก็อยากให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย ซึ่งหากใครที่ไม่ชอบตนแล้วจะมาทำลายชื่อเสียงตน ตนก็คิดว่าคงเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธa