ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
หน้าแรก » กีฬาอื่นๆ » 'ไม่ใช่ว่าเราลงไม่ได้' เปิดใจ 'เก๋ ประภาวดี' จาก HERO สู่ ZERO

'ไม่ใช่ว่าเราลงไม่ได้' เปิดใจ 'เก๋ ประภาวดี' จาก HERO สู่ ZERO

Posted 06/09/2012 by ไทยรัฐ

เมื่อ 4 ปีก่อน กราฟชีวิตของ "เก๋ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล" พุ่งทะยานสูงสุดในชีวิต จากผลงานคว้าเหรียญทอง ยกน้ำหนัก โอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน...

แต่มาวันนี้ ฮีโร่หญิงต้องตกอยู่ในสภาพ "ไร้ตัวตน" หลังจากไม่มีชื่อติดทีมไปทำศึก "ลอนดอนเกมส์ 2012" และล่าสุด ถูกหั่นออกจากโผ ชุดเตรียมทีม เอเชียนเกมส์ 2014 ที่ประเทศเกาหลีใต้ และโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ประเทศบราซิลและทำให้ เก๋ ตัดสินใจขอหยุดเส้นทางในกีฬายกลูกเหล็ก ที่เธอผูกพันมาตลอดสิบกว่าปีไว้เพียงเท่านี้ ในวัย 28 ปี

ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้!
เก๋ ยอมรับว่าการประกาศเลิกเล่นทีมชาติครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่ด้วยหลายๆ ปัจจัย โดยเฉพาะ "เวลาที่เหลือน้อย" ในกีฬาชนิดนี้ ทำให้เธอเลือกที่จะไปเริ่มต้นชีวิตในเส้นทางใหม่

"การเลิกเล่นครั้งนี้เร็วมาก ตอนแรกคิดว่า จะเล่นอีกสักสองปี หรืออีกสี่ปี ถ้าสองปี อย่างน้อยขอลงเอเชียนเกมส์ ที่เกาหลีใต้ แต่พอไม่มีชื่อ ก็ตัดสินใจเลิกดีกว่า คือ เก๋รู้สึกว่าอายุเรามันไม่ใช่เรื่องที่จะมาเริ่มหนึ่งใหม่ ต้องกลับไปซ้อมกับต้นสังกัด เพื่อให้กลับมาติดทีมชาติใหม่ ถามว่าศักยภาพ แน่นอน เรามั่นใจว่าเรามี แต่ถ้าเราต้องเริ่มต้นหนึ่งใหม่ เราควรเริ่มต้นกับอะไรดี"

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เก๋ คิดหันหลังให้กับวงการยกน้ำหนัก โดยก่อนหน้านี้ เธอเปิดเผยว่า มีหลายครั้งที่รู้สึกท้อแท้ และเคยทบทวนเรื่องนี้อยู่ในหัว โดยเฉพาะในช่วงถูกตัดตัวจากโอลิมปิกเกมส์ 2004 เช่นเดียวกับการไร้ชื่อไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่ผ่านมา แต่ ณ เวลานั้น เธอยอมรับว่า ยังไม่พร้อมที่จะเลิก และอยากพิสูจน์ตัวเองอย่างไรก็ตาม สำหรับการถูกตัดชื่อครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เธอเกินจะรับไหว

ไม่รังเกียจเริ่มต้นใหม่ แต่...?
"ถือว่าร้ายแรงสุดในชีวิตนักกีฬาที่ผ่านมา เพราะอยู่มา 10 กว่าปี ไม่เคยโดนตัดเลย เพราะถือว่า ผลงานเราก็มี สถิติเราก็มี แต่มันกลับกลายเป็นเวลาเราโดนตัด ต้องกลับไปเริ่มต้นหนึ่งใหม่ทั้งหมด จริงๆ แล้ว เราไม่ได้รังเกียจที่จะเริ่มต้นหนึ่งใหม่ แต่เวลาที่เราเหลือกับกีฬานี้มันเหลือน้อย

"หลายๆ คนก็ให้คำปรึกษา พยายามให้กำลังใจทุกอย่าง เมื่อผลมันออกมาเป็นแบบนี้ ทุกคนก็ลงความเห็นว่า โอเค เราหยุดเถอะ ทุกคนเห็นด้วยกับสิ่งที่เราตัดสินใจ เราออกมาแบบที่เรายังมีความยิ่งใหญ่ ทุกคนจดจำ ทุกคนรู้ว่า เราพยายาม เราต่อสู้มาแค่ไหน มันไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่เราลุกขึ้นมาสู้ ซึ่งเก๋คิดว่า มันน่าจะพอแล้วสำหรับตัวเอง"

ไม่เสียใจ ไม่เลิกเล่น ตั้งแต่ปี 2008
แตกต่างจากฮีโร่เหรียญทองยกน้ำหนักคนอื่นๆ อย่าง ไก่ ปวีณา ทองสุก และ อร อุดมพร พลศักดิ์ (ปี 2004) เก๋เลือกที่จะเดินหน้าต่อไป แทนที่จะประกาศเลิกเล่นทันที บนบัลลังก์แห่งความสำเร็จสูงสุดในชีวิต

"เคยคิดเหมือนกัน แต่ถามว่าผิดไหม ไม่ผิด ทุกวันนี้ไม่เคยเสียใจที่ตัวเองตัดสินใจเล่นต่อ เพราะมีความรู้สึกว่า เราทำเต็มที่ และพยายามหาโอกาสให้ตัวเองเต็มที่แล้ว โค้ชจีนทีมชาย (หลิวหนิง) ก็พยายามบอกว่า ยังเชื่อว่าเราทำได้ เรายังมีศักยภาพ แต่โอกาสมันมาไม่ถึงมือเราเอง"

"ตัวป่วน" ของทีม!?กับข้อครหาข่าว "หมดน้ำยา" เพราะอายุที่มากขึ้น ทำให้มีผลต่อสภาพร่างกาย, สถิติสู้รุ่นน้องไม่ได้ รวมถึง "ความไม่เป็นมืออาชีพ" จนนำมาสู่ปัญหาขัดแย้งภายในแคมป์ฝึกซ้อม ระหว่างเธอกับโค้ชทีมหญิง จนต้องขอแยกซ้อม

"ตอนนี้เรื่องอาการบาดเจ็บ เก๋ไม่มีแน่นอน ส่วนประเด็นอายุ เก๋คิดว่าเรายังไม่แก่เกินไป เพราะขนาดแชมป์โอลิมปิกบางคน อายุก็ 30 กว่าเหมือนกัน"

"ยืนยันว่ามีปัญหาภายในจริง แต่ไม่อยากออกมาพูดโจมตีใคร เก๋ไม่อยากขึ้นชื่อว่า เป็นตัวป่วนของทีม ถือว่าเราใช้ผลงานตัวเองพิสูจน์ว่าเรายังดีพอ เราไม่ได้เป็นแบบที่เขาพูดว่า เราไม่เอาอะไรแล้ว ก็พิสูจน์จนได้กลับมาเก็บตัวใหม่ จากที่หลังเอเชียนเกมส์ เก๋ลาออกไปหนึ่งครั้ง แต่ลาออกครั้งนั้น ไม่ได้บอกว่าจะเลิกเล่น แต่แค่รู้สึกว่าเราอยู่แล้วงานเราไม่เดิน"

"แต่ตอนนี้ในเมื่อเก๋ตัดสินใจออกมาแล้ว เก๋ขอให้ทุกอย่างที่มีระหว่างเก๋กับเขาให้มันจบ เราไม่อยากพาดพิงถึงใคร ก็ให้ทางสมาคมฯ และน้องๆ ดำเนินงานได้ต่อ"

อีโก้....ฮีโร่?
กับข้อสงสัยเพราะศักดิ์ศรีฮีโร่เหรียญทองมันค้ำคอหรือเปล่า เก๋ชี้แจงว่า "กินอะไรเก๋ก็กิน นอนยังไงก็นอน ยึดโทรศัพท์ก็ยึด โค้ชให้เก็บโทรศัพท์เก็บ เรียกน้องๆ กินข้าว ก็เคาะเรียกตั้งแต่ห้องแรกยันห้องสุดท้าย ให้ตัดผม ตัดก่อนพวก ซ้อมอะไรก็ซ้อม"

"เก๋เชื่อว่าเก๋มีความเป็นมืออาชีพพอ 10 กว่าปีที่อยู่ทีมชาติ กับอีก 18 ปี ที่อยู่กับกีฬายกน้ำหนัก มันไม่ใช่เรื่องกวนเลย ที่มันจะทำให้เราเสียถึงขนาดนั้น
บทบาทใหม่ "ทหาร-นักข่าว"

ต่อจากนี้ไป เราก็คงจะได้เห็นเก๋ในมาดของ "ทหาร" ยศร้อยโท อาชีพที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก สังกัดกรมพลาธิการทหาร กองการผลิต โดยเธอเปิดเผยว่า รอรายงานตัวต้นเดือน ก.ย.นี้ หลังจากที่ไม่เคยได้อยู่ประจำการเลย เพราะต้องขอตัวซ้อมทีมชาติมาหลายปี

"หลังจากเลิกเล่น ก็คงเป็นคนปกติธรรมดาที่เช้ามาก็มาทำงาน เย็นมาก็กลับ ถามว่า คิดถึงไหมก็มี ในสิ่งที่เราทำมาตลอดเกินครึ่งชีวิต แต่เราอยากนึกถึงมันโดยที่เรามีความสุข หลายๆ คนถามว่า ทำไมไม่เป็นโค้ช ถ้าเป็นโค้ช เก๋ก็ต้องถูกขอตัวออกไปอีก ทำให้เราเสียอายุราชการ และหากจะมาเริ่มต้นสตาร์ตอายุ 30-40 ปี มันก็คงสายเกินไปในสายงานนี้แล้ว"

"นอกจากนี้ ก็คงหาเวลาได้เที่ยวมากขึ้น หาความสุขให้ตัวเองมากขึ้น กลับบ้านหาพ่อแม่ ที่จ.นครสวรรค์ ตอนนี้ยังไปมาเชียงใหม่-กรุงเทพฯ เพราะเรายังต้องเคลียร์เรื่องขายบ้านที่ จ.เชียงใหม่ก่อน แต่ถ้ายังไม่ได้ก็จะเข้ามาสแตนด์บายที่กรุงเทพฯ แล้ว​ขอแฟลตทหารอยู่ไปก่อน ซึ่งทางกรมฯ ก็ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี"

ส่วนบทบาทอีกอย่างที่ เก๋ อยากลองทำ คือ "นักข่าว" ซึ่งเจ้าตัวก็มีโอกาสเคยได้ลองชิมลาง สวมบทนักพากย์การแข่งขันยกน้ำหนัก โอลิมปิกเกมส์ มาบ้างแล้วด้วย ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี

"สนใจอยากเป็นนักข่าว มันเป็นโอกาสหนึ่งที่เราได้เรียนรู้งานใหม่ๆ บางที เราอาจได้เจอสิ่งที่เราชอบจริงๆ ก็ได้ แต่แน่นอน ทหาร มันคือความมั่นคง อาชีพ แต่ว่างานอื่นๆ เราก็เรียนรู้ได้ ตอนนี้ถ้ามีติดต่อมา เราก็มีอิสระสามารถที่จะเก็บเกี่ยวชีวิตของเราเพิ่มเติมได้"

ตัวตน "เก๋" ห้าว นิ่ง ดุ หยิ่ง?!
กับกีฬายกน้ำหนัก ทำให้หลายคนอาจแทบมองไม่เห็นถึงความหวานในนักกีฬาหญิง เหมือนในกีฬาชนิดอื่นๆ ซึ่ง เก๋ บอกว่า "เลิกเล่นเดี๋ยวก็สวย (หัวเราะ) เราไม่ต้องไปคิดมาก ดูอย่างพี่อร พี่ไก่ เลิกเล่นเขาก็สวยหมด มันก็เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่เราต้องรับผิดชอบ แต่ก็มีแอบกุ๊กๆ กิ๊กๆ ขอสวยบ้าง แต่คงไม่ออกมาในแบบที่ผู้หญิงคนอื่นทำ และเราก็ไม่มีเวลามาแต่งหน้าแต่งตัวไปให้ใครดูด้วย"

"หลายคนไม่รู้ว่า เราก็เคยใส่กระโปรงเหมือนกัน (หัวเราะ) ไม่ได้มีใครบังคับ เพราะบางทีไปทำบุญ เก๋ ไม่ชอบใส่กางเกงขายาว กางเกงยีนส์ขายาวมันร้อน ใส่กางเกงขาสั้น ก็กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ก็เลยใส่กระโปรงยาวหน่อย"

ขณะเดียวกัน หลายคนบอกว่า เธอเป็นคนบุคลิกนิ่งๆ หน้าดุๆ เป็นคนพูดจาตรงๆ จนดูเหมือนหยิ่ง แต่จริงๆ แล้ว เก๋ เปิดเผยว่า แค่ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไรมากกว่า

"เคยมีคนแนะนำให้ไปดูละคร ก่อนหน้านั้น เราไม่เคยดูเลย (หัวเราะ) คือ เก๋จะเป็นคนนิ่งๆ พูดอะไรตรงๆ บางทีเราก็รู้ว่า บางสังคมเราก็ต้องเสแสร้งบ้าง เลยบอกว่าให้ไปดูละคร จะได้รู้เรื่องกับเขา แต่เราเป็นคนชอบดูหนัง ละคร ทีเดียวจบ ไม่ชอบดูเป็นตอนๆ เพราะไม่ค่อยมีเวลา เคยมีครั้งหนึ่ง ตอนที่ ดาวพระศุกร์ดังๆ แค้นมาก ดูเกือบจบ พอตอนจบ เราไปแข่ง และช่วงนั้นอินเทอร์เน็ตก็ยังไม่เข้า จากนั้น เราก็ฝังใจมาก เวลาจะดูอะไรก็ซื้อซีดี ดูให้จบไปเลย"

กะเทาะหัวใจ จอมพลังฮีโร่
แม้จะไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร แต่เก๋ยอมรับ เธอมีคนรู้ใจแล้ว และมีครอบครัวแล้ว แต่อาจจะไม่ใช่คนปกติอย่างคนอื่น

"อืมม...เก๋ คิดว่า ทุกวันนี้เก๋มีครอบครัวแล้ว แต่ว่าอาจจะไม่ใช่คนปกติอย่างคนอื่นเค้า อย่างมีลูกมีอะไร คือ เราก็ไม่ได้ปิดนะ ตั้งแต่จบเอเชียนเกมส์ แต่แค่เราไม่บอกว่าเป็นใคร ชื่ออะไร เก๋คิดว่าตอนนี้  ตัวเองมีคนที่ดูแล และมีคนที่ดูแลเก๋แล้ว แค่นี้ก็โอเคสำหรับเรา"

ส่วนแฟนกีฬา เก๋ก็ยังจดจำได้ดีว่า เธอ คือหนึ่งในสามฮีโร่หญิงที่สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองโอลิมปิกให้กับประเทศไทย แม้ว่าบางครั้งอาจจะจำสลับกันไปบ้าง แต่ก็ขำๆ

"ไปไหนมาไหน แฟนๆ ก็ยังจำเราได้ แต่ว่าอาจจะเป็นในลักษณะหน้าคุ้นๆ แกคือใคร เคยเห็นในทีวี แต่บางที ก็จำเป็นพี่อร พี่ไก่ สลับกัน อันนี้ สู้โว้ยใช่ไหม อันนี้ ไก่ใช่ไหม ก็ยังมีเคยไปทำบุญ แล้วเจอพระท่านทัก "เก๋ ปวีณา" เราก็บอกว่า เก๋ ใช่ค่ะ แต่ปวีณานั่นพี่ไก่ (หัวเราะ)"

บทเรียน จาก HERO สู่ ZERO
แน่นอน ชีวิตมีขึ้นก็ย่อมมีลง ไม่ต่างกับกราฟชีวิต ฮีโร่จอมพลังของเรา แต่เธอเผยว่า ตัวเองโชคดีที่แม้จะตกลงสู่พื้น ก็ยังมีฟูกคอยรองรับ

"ไอ้ที่ตก มันไม่ใช่ค่อยๆ ตกนะ มันดิ่งมากเลย (หัวเราะ) แต่มันก็คือสัจธรรมของชีวิต เวลามีขึ้น ก็ต้องมีลง แต่อย่างของเก๋มันขึ้นค่อนข้างสูง ทุกคนเห็น เวลามันตก แน่นอน ทุกคนก็เห็น แต่เก๋โชคดีอยู่อย่างว่า เก๋ไม่เคยทำร้ายใคร ดูถูกใคร ฉะนั้น เวลาที่เราลง เวลาที่เราตก ก็ยังมีคนที่โอบอุ้มเราเสมอ ทุกคนบอกว่า ไม่เป็นไร เก๋ ยังเป็นความทรงจำ ยังยิ่งใหญ่สำหรับพวกพี่เสมอ"

"เก๋ พยายามใช้ชีวิตตัวเอง ไม่ติดอยู่กับสิ่งๆ หนึ่งที่เราได้มาเพียงช่วงเวลาหนึ่งสั้นๆ เพราะในวันหนึ่ง เราก็ต้องกลับคืนสู่สามัญ ซึ่งเราก็ต้องใช้ชีวิตตรงนี้ให้ได้ เก๋ถึงบอกว่า ไม่ใช่ว่าเก๋ลงไม่ได้ เก๋ไม่ใช่ว่า เป็นนักกีฬาเหรียญทอง แล้วต้องเป็นเหรียญทองตลอด เก๋ก็มีแพ้ มีชนะเหมือนกัน"

สุดท้าย ก่อนจะเริ่มต้นกับชีวิตในเส้นทางใหม่ เก๋ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณผู้ที่มีพระคุณ ซึ่งช่วยให้เธอเป็น "เก๋ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล" ในวันนี้ เริ่มจาก พ่อแม่ ของเธอ, โค้ชคนแรก อ.สมชาติ และ ปู่ประทีป แสงน้อย, พี่ประวิทย์ อ่ำอ่อน และคุณจิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ ที่คอยให้ความช่วยเหลือในวันที่เธอมีปัญหา, ขอบคุณโค้ชจาง เป่า ซุ่น, โค้ชหลิวหนิงที่สร้างเธอมา, ขอบคุณพี่ไก่, พี่อารีย์, พี่อร และพี่ๆทุกคน ที่พยายามให้กำลังใจ, ขอบคุณทุกคนที่รักและอยู่ข้างๆ ไม่ว่าเธอจะล้มหรือประสบความสำเร็จ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »