ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » นอกสนาม » อย่างนี้ต้องร้องยี้

อย่างนี้ต้องร้องยี้

Posted 09/09/2012 by siamsport

          เป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนรักเยอะก็ต้องชังเยอะ แต่ก็มีหลายเหตุผลที่คนเกลียดกัน ส่วนในวงการลูกหนังเหตุผลเดียวที่แฟนบอลมักเกลียดชังคู่แข่งก็คือความสำเร็จ ที่พวกเขาได้รับอย่างมากมาย รวมทั้งการเอื้ออาทรจากผู้ตัดสิน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะความเกรงอกเกรงใจที่ทีมเหล่านั้นคว้าแชมป์อย่าง มากมาย


          สัปดาห์นี้ลองมาดูกันซิว่า สโมสรไหนหรือทีมชาติทีมใด ที่ไม่ค่อยเป็นที่หลงรักของผู้คนมากนัก แต่ก็น่าแปลกอย่างหนึ่งทีมเหล่านี้โดนเกลียดเพราะคว้าแชมป์เป็นกอบเป็นกำ แต่ทำไม ลิเวอร์พูล กับ เอซี มิลาน ที่ครองเจ้าลูกหนังในช่วงระหว่างกลางยุค 70-ต้นยุค 90 ไม่เห็นมีใครจงเกลียดจงชังเลยไม่เชื่อลองไปแถมแฟนบอลที่ไม่ใช่พวก แมนฯ ยูไนเต็ด กับ อินเตอร์ มิลาน ดูก็ได้

 
อาร์เซน่อล ช่วงปี 1986-1995 
           วลีที่บอกว่า "อาร์เซน่อล โคตรน่าเบื่อ" มันคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เชื่อหากพิจารณาจากสไตล์การเล่นของพวกเขาภาย ใต้การกุมบังเหียนของ อาร์แซน เวนเกอร์ แต่ถ้าคนในยุคน้ายุคอาหรือยุคพ่อ คงรู้ว่า "ไอ้ปืนใหญ่" ภายใต้การบริหารงานของจอร์จ เกรแฮม ตั้งแต่ปี 1986-95 ซึ่งเป็นช่วงที่พวกเขาครอบครองวงการลูกหนังเมืองผู้ดี เป็นหนึ่งในทีมที่เล่นได้น่าเบื่อที่สุดจริงๆ


            นายใหญ่เลือดวิสกี้ ซึ่งเคยเป็นมิดฟิลด์อัจฉริยะสมัยที่ค้าแข้งในถิ่นไฮบิวรี่ (สนามเหย้าเก่าของ อาร์เซน่อล) ได้สร้างทีมขึ้นมาด้วยแบ็กโฟร์ระดับภูผาหินได้แก่ ลี ดิ๊กสัน, สตีฟ โบลด์, โทนี่ อดัมส์ และไนเจล วินเทอร์เบิร์น บอกตามตรงว่าสไตล์ของ "เดอะ กันเนอร์ส" ยุคนั้นใกล้เคียงกับระบบคาเตนัชโช่ที่อิตาลีนิยมใช้ในปี 1960 จริงๆ


            แม้ว่าทีมจะไม่มีผู้เล่นที่มีพรสวรรค์ แต่อย่างน้อย เกรแฮม ก็มี เอียน ไรท์ คอยทำหน้าที่ระเบิดตาข่ายให้กับทีมเป็นประจำ พวกเขาคว้าแชมป์ลีกสองสมัยในปี 1989 และ 1991 โดยเล่นด้วยระบบรับแหลกแล้วแหกค่าย แต่ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมน่ารังเกลียดคงหนีไม่พ้นการคว้าแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1994 (รายการนี้ยกเลิกไปแล้ว) ด้วยการชนะ ปาร์ม่า 1-0 ที่มี จานฟรังโก้ โซล่า และฟาอุสติโน่ อัสปริย่า

 





อิตาลี ตลอดกาลและตลอดไป
            มองในระดับทีมชาติกันซะหน่อย ลองคิดซิว่าชาติไหนที่ไม่ค่อยมีคนชอบในวงการลูกหนัง แน่นอนว่า อิตาลี คงต้องเป็นเบอร์ 1 ทีมฟุตบอลทัพ "อัซซูรี่" ขึ้นชื่อลือชากับการเล่นเน้นเกมรับเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่สนใจเรื่องการเปิดเกมรุกอะไรทั้งนั้น ที่เด็ดดวงโดนใจอีกเรื่องก็คือการไร้ความเป็นมืออาชีพ ทั้งดึงเสื้อ, พุ่งล้ม, เถียงกรรมการ จน อิตาลี ได้รับอีกฉายา "จอมเจ้าเล่ห์"


            ส่วนเรื่องนอกสนาม ไม่ต้องห่วงเลยว่าพวกเขามีเรื่องฉาวโฉ่บ่อยๆ ก็ด้วยนักเตะอิตาลีน่าตาดีซะขนาดนั้น จึงไม่น่าแปลกที่พวกเขามีสาวๆ ล้อมรอบมากมาย เห็นแบบนี้แล้วไม่ต้องสังสัยว่าทำไม อิตาลี ถึงโดนตราหน้าว่าเป็นทีมน่ารังเกียจจนถึงปัจจุบันนี้ แต่เชื่อเหอะว่ามีเรื่องความอิจฉาเข้ามาด้วย ก็แหมสาวตรึมขนาดนั้น
 
 


 

กรีซ 2004 
            ช่วงก่อนศึกยูโร 2004  กรีซ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายรายการระดับชาติเป็นครั้งที่สองในหน้าประวัติศาสตร์วงการ ลูกหนังแดนเทพนิยาย นั่นก็คือ ยูโร 1980 และ ฟุตบอลโลก 1994 พวกเขาลงเล่นแค่ 6 แมตช์เท่านั้น ด้วยสถิติ แพ้ 5 เสมอ 1 และยิงได้แค่ 1 ประตูโดยเจาะตาข่าย 14 ตุง ส่วนทีมไม่มีนักเตะคนไหนดังกว่า อ๊อตโต้ เรห์ฮาเก้ล เทรนเนอร์ระดับตำนานชาวเยอรมนี


            อย่างไรก็ตาม ด้วยแผนที่สมบูรณ์แบบของ "คิงอ๊อตโต้" โดยเน้นการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น และจัดการลงโทษคู่แข่งด้วยจังหวะการเล่นลูกตั้งเตะ และการสวนกลับ กรีซจัดการได้ทั้ง โปรตุเกส และ สเปน ตามด้วยเขี่ย ฝรั่งเศส ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ตามด้วยสอย เช็ก ด้วยประตูซิลเวอร์โกล์ ในรอบตัดเชือก และหักอกเจ้าภาพ โปรตุเกส 1-0 ในนัดชิง เจอแบบนี้เข้าไปทำให้หลายคนเกลียดกรีซ ยิ่งกว่าอุนจิ ก็เล่นยิงประตูเดียวตีหัวเข้าบ้านเหมือนพวก อิตาลี เปรี๊ยะ







แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อดีตจนถึงปีปัจจุบัน 
            หลังจากที่คว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 26 ปีเมื่อปี 1993 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นำแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พัฒนาขึ้นจนครองความเป็นเจ้าลูกหนังของอังกฤษได้สำเร็จ ตอนนี้พวกเขากลายเป็นทีมที่ครองแชมป์ลีก 19 สมัยมากที่สุดในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี ล้มล้างความยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย


            แน่นอนว่าความยิ่งใหญ่ของพวกเขาสร้างความจงเกลียดจงชังให้กับแฟนบอลมากมาย แต่อยากจะบอกว่ามีเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้พวกเขาเป็นสโมสรที่น่ารังเกียจด้วย เริ่มแรกพวกเขามักเป็นทีมโชคดี (บางครั้งก็มักพูดว่านี่คือแคแรกเตอร์ที่น่าเหลือเชื่อ) เพราะหลายครั้งพวกเขาได้ประตูในช่วงท้ายเกมบ่อยๆ โดยเฉพาะในยุค 90


             ตอนที่ เฟอร์กูสัน พาทีมคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในปี 1993 จำได้ไหมว่า สตีฟ บรูซ กองหลังหน้าปลากะโพ ยิงสองประตูในช่วงทดเจ็บ ทำให้ทีมพลิกจากตาม เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 1-0 กลับมาชนะ 2-1 แน่นอนว่าอย่างในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 1999 ในนัดชิงกับ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อพวกเขาได้สองประตูในช่วงทดเจ็บ และแย่งโทรฟี่แชมป์ไปครองน่าตาเฉย ทั้งที่รูปเกมสู้ไม่ได้เลย


            ส่วนพวก "กองทัพแดง" ก็เป็นประเภทเชียร์เพราะความสำเร็จ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขามักมีแฟนน้อยนิดกระจิดริดในเมืองแมนเชสเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกเรื่องที่น่าหมั่นไส้คงหนีไม่พ้นการได้รับความเอื้ออาทรจากผู้ตัดสิน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลายคนรับไม่ได้จริงๆ จนมีบางคนบอกว่าแชมป์ลีกที่ได้มาครึ่งหนึ่งเป็นเพราะตุลาการสนามอวยชัยให้พร ทั้งนั้น (เขาพูดมานะไม่ได้พูดเอง)


 






 



ยูเวนตุส ตลอดเลยครับ
           ยูเวนตุส เป็นที่เกลียดชังในอิตาลี เหตุผลก็เหมือนกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั่นแหละ ทัพ "เบียงโคเนรี่" ประสบความสำเร็จอย่างมากมายในลีกมะกะโรนี บ่อยครั้งพวกเขาเป็นทีมที่แสนโชคดี ยิงประตูในช่วงท้ายเกมและคว้าชัยชนะไปหน้าตาเฉยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็เหมือนกับพวก ยูไนเต็ด นั่นแหละ สาวก "ม้าลาย" ส่วนใหญ่มีอยู่มากมายในประเทศแต่ขอบอกว่าที่ ตูริน มีแต่คนเชียร์ โตริโน่ ส่วนเหตุผลก็คล้ายๆ "ปีศาจแดง" คือกองเชียร์ที่เห็นเย้วๆ กันนะ เป็นพวกเห็นทีมประสบความสำเร็จก็แหกปากเชียร์เท่านั้น ไม่ใช่แฟนพันธุ์อะไรเลย


           ยูเว่ มักจะได้รับประโยชน์จากการตัดสินของกรรมการบ่อยๆ อย่างไรก็ตาม โชคของพวกเขาหมดลงไปแล้วเมื่อโดนข้อหาล้มบอล ในปี 2006 และนั่นทำให้ ยูเวนตุส เป็นทีมในระดับรากหญ้าไม่เหมือนกับยุครุ่งเรืองอีกต่อไป






บาเยิร์น มิวนิค ยุค 70  
          "เสือใต้", ยูเวนตุส และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีหัวหอกเดียวกัน เพราะพวกเขายิ่งใหญ่เกินไปจนหลายคนอิจฉา ในวงการลูกหนังเมืองเบียร์ บาเยิร์น ได้ชื่อว่าเป็น "เอฟซี ฮอลลีวู้ด" และได้รับการสนับสนุนมากมาย แต่บรรดาพวกที่ไม่เชียร์ก็จะค่อยหนุนหลังคู่แข่งของพวกเขา อยู่เสมอ และก็เป็นแบบนี้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน


           ความเกลียดชังเริ่มต้นในปี 1970 ตอนนั้น บาเยิร์น ได้แชมป์ลีกแดนไส้กรอกไม่เท่าไรในหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเขา โดยตอนนั้นพวกเขามีคู่แค้นตลอดกาลได้แก่ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค โดยในเวลานั้น บาเยิร์น มีตำนานแห่งวงการลูกหนังเมืองเบียร์ ที่คว้าแชมป์ ยูโร 72 และฟุตบอลโลก 74 อย่าง ฟร้านช์ เบ็คเค่นเบาเออร์, เกิร์ด มุลเลอร์ และ พอล ไบร์ทเนอร์ ทำหน้าที่บัญชาเกม และพวกเขาก็ทำให้ทีมกลายเป็นหนึ่งในตองอู


          ในยุคนี้พวกเขาผงาดคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัยติดต่อกันได้แก่ในปี 1974, 75  และ 76 แน่นอนว่าความสำเร็จของทีมมักจะทำให้หลายคนอิจฉา เพราะครั้งแรกที่พวกเขาได้แชมป์ฟุตบอลถ้วยยุโรป ก็เอาชนะ แอตเลติโก มาดริด ด้วยการเล่นเพลย์ออฟ หลังจากเกมแรกเสมอกับ "ตราหมี" 1-1 ด้วยการยิงประตูในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ ครั้งที่สองพวกเขาเอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด แถมมีดวงเมื่อ "ยุงทอง" ยิงประตูได้แต่กรรมการไม่ให้ซะงั้น ครั้งสุดท้ายสอย แซงต์-เอเตียน โดยทีมดังเมืองน้ำหอมยิงชนเสาสองครั้ง และพลาดโอกาสทองเพียบ สุดท้ายก็เลยแพ้สบาย 1-0 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • ฮา!ควันหลงแฟนเซาธ์ฯตื่นมาเฮเกมพ่ายผี2-3
    นำมาให้ชมกันกับคลิปบรรยากาศควันหลงเกมที่ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเฉือนชัยเหนือ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ถึง เซนต์ แมรี่ส์ สเตเดี้ยม 3-2 โดยการทำแฮตทริก ของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แต่ที่เรียกเสียงฮาได้ไม่น้อยก็อยู่ตรงที่ แฟนเจ้าถิ่นรายหนึ่งไม่รู้ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาในช่วงท้ายเกมขณะที่ ขุนพลนักบุญ นำผีแดงอยู่ 2-1 และน่าจะเป็นจังหวะที่เจ้าถิ่นป้องกันเกมบุกของทีมเยือนไว้ได้พาเอาเหล่าสาวกนักบุญกระโดดกันตัวลอยแบบที่เรียกว่า "ลุ้นตัวโก่ง" แต่พ่อหนุ่มขี้เซาที่กำลังก้มหน้าก้มตาหลับภายใต้หมวกแก๊ปสีขาวของตัวเองกลับทำเนียนได้ใจรีบตื่นขึ้นมาร่วมชูไม้ชูมือส่งเสียงเฮกับคนอื่นแบบหน้าตาเฉย...จะว่าไปก็เนียนใช้ได้หนะนี่..!!!
  • ฮา!ควันหลงแฟนเซาธ์ฯตื่นมาเฮเกมพ่ายผี2-3
    นำมาให้ชมกันกับคลิปบรรยากาศควันหลงเกมที่ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเฉือนชัยเหนือ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ถึง เซนต์ แมรี่ส์ สเตเดี้ยม 3-2 โดยการทำแฮตทริก ของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แต่ที่เรียกเสียงฮาได้ไม่น้อยก็อยู่ตรงที่ แฟนเจ้าถิ่นรายหนึ่งไม่รู้ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาในช่วงท้ายเกมขณะที่ ขุนพลนักบุญ นำผีแดงอยู่ 2-1 และน่าจะเป็นจังหวะที่เจ้าถิ่นป้องกันเกมบุกของทีมเยือนไว้ได้พาเอาเหล่า สาวกนักบุญกระโดดกันตัวลอยแบบที่เรียกว่า "ลุ้นตัวโก่ง" แต่พ่อหนุ่มขี้เซาที่กำลังก้มหน้าก้มตาหลับภายใต้หมวกแก๊ป
  • เอ๊ะยังไง!อาร์วีพีโชว์ลูกคอร้องเพลงเชียร์หงส์
    สื่อเมืองผู้ดีลงทุนไปขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงตัวใหม่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยไปร้องเพลง ยู วิลล์ เนเวอร์ วอล์ค อะโลน ของ ลิเวอร์พูล มาแล้วในคาราโอเกะที่บ้านเกิด สมัยยังเล่นอยู่กับ อาร์เซน่อล เมื่อปี 2011
  • สื่อแฉ!เฟอร์กี้บินไปUSAนัดถกเป๊บเป็นทายาทอสูร
    สื่อสเปน ตีข่าว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บินไปอเมริกาเพื่อเจรจาหวังดึง เป๊บ กวาร์ดิโอลา สานงานคุมแมนฯไนเต็ดต่อในฤดูกาลหน้า

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »