ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » จบแดงเดือดพุ่งขึ้นหรือจมดิ่ง!!

จบแดงเดือดพุ่งขึ้นหรือจมดิ่ง!!

Posted 21/09/2012 by siamsport


        ไม่ว่าจะพบกันช่วงไหนของฤดูกาล เกมแดงเดือดระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มีความสำคัญเสมอ แม้ว่าทั้งสองทีมจะไม่ได้ขับเคี่ยวกันโดยตรงก็ตาม
 
        เนื่อง ด้วยโปรแกรมฟุตบอลยุโรปที่มาคั่นกลางเกมบิ๊กแมตช์ที่แอนฟิลด์ วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายนนี้ ทำให้ทั้งสองทีมต้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือน หงส์แดง จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบกว่าเล็กน้อย
 
        การ มีโปรแกรมยุโรปที่ต้องออกไปเยือน สต๊าด เดอ ซุสเซ่ ของ ยัง บอยส์ ทีมในลีกสวิตเซอร์แลนด์ วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา ทำให้ ปีศาจแดง ได้เปรียบกว่าเรื่องการเดินทางเพราะพวกเขาเล่นในรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เจอกับ กาลาตาซาราย ทีมจากตุรกี ไปเมื่อวันพุธ จึงได้พักมากกว่า 1 วัน และไม่ต้องเดินทางไกลด้วย
 
        เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมหงส์แดง เตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้เอาไว้แล้ว เมื่อตัดสินใจพักตัวหลัก สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม, หลุยส์ ซัวเรซ, โฆเซ่ เรน่า, แดเนียล แอ็กเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, เกล็น จอห์นสัน, โจ อัลเลน และ มาร์ติน เคลลี่ ไม่ต้องบินไปเตะที่สวิตเซอร์แลนด์ทั้งหมด ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องเสี่ยง
 
        แม้สภาพทีมหงส์แดงจะ สมบูรณ์ และตัวหลักเกินกว่าครึ่งก็ร่างกายสดเพราะได้พักมาเต็มๆ แต่ปัญหาที่ยังต้องแก้ไขในฤดูกาลนี้คือ กองหน้าที่เหลือตัวหลักแค่ หลุยส์ ซัวเรซ กับ ฟาบิโอ บอรินี่ เพียงสองคน
 
        จากระบบการเล่น 4-2-3-1 บอรินี่ มักถูกจับเล่นฝั่งขวาหลายต่อหลายเกม แต่ดูเหมือนว่าศูนย์หน้าอิตาเลียนยังคงต้องปรับตัวและรับมือกับความกดดัน มหาศาลอีกสักระยะ แม้ในอดีตที่ผ่านมา จะคุ้นเคยกับระบบการเล่นของ ร็อดเจอร์ส เป็นอย่างดี
 
        ก่อนที่ตลาดซื้อขายจะเปิดตัวอีก ครั้งในเดือนมกราคม ร็อดเจอร์ส จะต้องแก้ปัญหาตรงจุดนี้ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาระยะยาว ก็คือการจับ ซาเมด เยซิล ศูนย์หน้าดาวรุ่งทีมชาติเยอรมนี ชุดยู-19 ลงหาประสบการณ์ในเกมยุโรป หากสอบผ่านก็มีโอกาสตะลุยเกมลีกทันที แต่ก็อาจจะไม่ใช่ในระยะเวลาอันใกล้
 
        ส่วน วิธีแก้ปัญหาระยะสั้นที่หวังผลได้คือการจับ บอรินี่ ซ้อมยิงประตูเพิ่ม ซึ่งถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะแก้ปัญหาได้ในตอนนี้ เพราะหลังจากที่ประเดิมสวยด้วยการยิง โกเมล ในเกมยูโรปา ลีก รอบคัดเลือก รอบสาม หลังจากนั้นอดีตดาวรุ่ง เชลซี กลับปืนฝืดสนิทตลอด 8 นัดที่ผ่านมา
 
        จาก 4 นัดแรกของฤดูกาล ลิเวอร์พูล ต้องเจอโปแกรมบิ๊กแมตช์ในรังแอนฟิลด์ ไปแล้ว 2 นัด โดยเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 และแพ้ อาร์เซน่อล 0-2 ก่อนจะต้องมาเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกในนัดที่ 5 ของฤดูกาล
 
        เกม แดงเดือดวันอาทิตย์นี้จึงอาจเป็นเกมชี้วัดทิศทางของ ร็อดเจอร์ส กับ หงส์แดง เลยก็เป็นได้ หากชนะรับรองว่าเส้นกราฟจะกลับมาชี้ขึ้นอีกครั้ง หากเสมออาจไม่สามารถชี้วัดอะไรได้ หากแพ้นี่สิ เชื่อว่ากราฟชีวิตของ ลิเวอร์พูล คงดิ่งลงไปจนเกือบสุด
 
        แม้สถานการณ์ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล จะเป็นรอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พอสมควร แต่พลิกกลับไปดูผลงานในเกมแดงเดือด 5 นัดหลังสุดที่ แอนฟิลด์ พอจะทำให้ หงส์แดง มีกำลังใจขึ้นมาเยอะทีเดียว
 
        จาก 5 นัดหลัง ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เกมแดงเดือดที่แอนฟิลด์ ทำให้สาวกหงส์แดงได้ฉลองอย่างเต็มเหนี่ยวกันถึง 4 นัด มีเพียงครั้งเดียวที่จบลงที่ผลเสมอ 1-1 ดังนั้น เบรนแดน ร็อดเจอร์ส คงต้องจับแข้งหงส์มาดูดีวีดี 4 นัดที่ว่าหน่อยว่าต้องเล่นยังไงถึงจะชนะ

        28 มกราคม 2012

        เอฟเอ คัพ รอบ 4

        ลิเวอร์พูล 2 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1

  เป็นเกมที่ หงส์แดง จัดทัพมาแบบแปลกๆ ใส่กองหลังลงสนามถึง 5 คน กองกลาง 4 คน และทิ้ง แอนดี้ แคร์โรลล์ เป็นกองหน้าตัวเป้าคนเดียว ซึ่งเกมนี้ ลิเวอร์พูล อยู่ในฟอร์มที่ดีเกินคาด หลังจากประตูนำ ของ แดเนียล แอ็กเกอร์ ถูกปฏิเสธโดย พาร์ค ชี-ซอง แต่ก่อนหมดเวลาไม่กี่นาที เดิร์ค เค้าท์ ก็เป็นตัวสำรองลงมาทำประตูชัยกันชนิดสะใจแฟนบอล

        6 มีนาคม 2011

        พรีเมียร์ลีก

        ลิเวอร์พูล 3 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1


        แม้จะไม่ใช่สามประตูที่สวยงามนัก แต่มันเป็นเกมที่สมบูรณ์แบบสำหรับ เดิร์ค เค้าท์ ที่ตะบันแฮตทริกใส่ ปีศาจแดง ในเกมแดงเดือดได้อย่างยิ่งใหญ่ เรียกได้ว่ายืนอยู่ถูกที่ถูกทางไปเสียหมด ผลการแข่งขันก็สะท้อนถึงรูปเกมที่เกิดขึ้นด้วย เพราะ หงส์แดง เล่นด้วยความคึกคักเหนือกว่าผู้มาเยือนอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ

        25 ตุลาคม 2009

        พรีเมียร์ลีก

        ลิเวอร์พูล 2 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0


        จากทีมชุดนั้น มีเพียง โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน และ แดเนียล แอ็กเกอร์ ที่เป็นตัวหลักมาจนถึงฤดูกาลนี้ ซึ่งทั้งสามคนน่าจะถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆ จากเกมนี้ให้เพื่อนร่วมทีมใหม่ๆ ได้ซึมซับด้วย หลังจากครึ่งแรกที่น่าอึดอัด เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็มาปลดปล่อยได้ประตูขึ้นนำ ก่อนที่ ดาวิด เอ็นก็อก ตัวสำรอง จะยิงตอกฝาโลงช่วงทดเจ็บ

        13 กันยายน 2008

        พรีเมียร์ลีก

        ลิเวอร์พูล 2 - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1

หลังจากต้องชะงักงันกับลูกยิงของ คาร์ลอส เตเวซ ตั้งแต่ต้นเกม แต่ ลิเวอร์พูล ก็ค่อยๆ กลับมาได้ทีละนิด ก่อนจะได้ประตูตีเสมอจากการสงเคราะห์ให้ของ เวส บราวน์ หลังจากนั้น หงส์แดง ก็พลิกสถานการณ์กลับมาทำเกมรุกได้เหนือกว่า และได้ประตูชัยในช่วงก่อนหมดเวลา 13 นาทีจาก ไรอัน บาเบล ปีกตัวสำรอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »