"ปีศาจแดง" แมนฯยูฯ เปิดศักราชแดงเดือดซีซั่นนี้ด้วยชัยชนะไปก่อน หลังยกพลบุกเชือด "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล 2-1 จากจุดโทษของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ โดยหงส์แดงเหลือ10คน หลัง จอนโจ เชลวี่ย์ โดนใบแดงตั้งแต่ครึ่งแรก ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา

         ศึกแดงเดือด "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดรังต้อนรับอริตลอดกาล "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเกมนี้ เจ้าบ้านไม่มีการปรับทัพมากนัก  โจ อัลเลน,หลุยส์ ซัวเรซ และ ราฮีม สเตอร์ลิง ประสานแนวรุก ส่วนหน้าเป้าใช้งาน ฟาบิโอ บอรินี่ ขณะที่ทีมเยือน ปาทริซ เอวร่า กลับคืนทีมอีกครั้ง หลังให้ อเล็กซานเดอร์ บุทท์เนอร์ โชว์ฟอร์มในลีกเกมล่าสุด แนวรุกส่ง อันโตนิโอ วาเลนเซีย,ชินจิ คางาวะ และ นานี่ คอยปั้นเกมให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ สอยตาข่าย



     โดยก่อนเกม ได้มีพิธีไว้อาลัยให้กับเหตการณ์ฮิลส์โบโรด้วย เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ตำนานปีศาจแดง นำดอกไม้มอบให้ เอียน รัช ตำนานของหงส์แดง ส่วนกัปตันทีมทั้งสองทีม ทำการปล่อยลูกโป่งจำนวน96ลูกอีกด้วย


     เริ่มเกมมา7นาที เป็นฝ่ายแมนฯยูไนเต็ด ได้ยิงทักทายก่อน เมื่อ ชินจิ คางาวะ พาบอลมาจากริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ ไรอัน กิ๊กส์ สับไกยิงด้วยซ้าย แต่บอลโด่งออกหลังไป


     นาทีต่อมา เจ้าบ้านโต้คืนทันควัน และได้จบสกอร์ จากการซัดด้วยขวามุมแคบของ หลุยส์ ซัวเรซ แต่ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด ยังล้มตัวเซฟไว้ได้


     นาทีที่20 มีจังหวะได้เสียวของแฟนลิเวอร์พูลบ้าง เมื่อ มาร์ติน สเคอร์เทล ไปล้มในกรอบเขตโทษของ แมนฯยูฯ เจ้าตัวพยายามขอจุดโทษแต่ ผู้ตัดสิน มาร์ค ฮัลซี่ย์ เฉย


     5นาทีต่อมา แมนฯยูฯ มีลุ้นในจังหวะอีกครั้ง ในการได้ฟรีคิกระยะ35หลา นานี่ อาสาขอยิง แต่ยังยิงได้ไม่ดีพอ บอลลอยโด่งข้ามคานไปอีก


     นาที ที่39 สถานการณ์ของเจ้าบ้านมีปัญหาทันที เมื่อผู้ตัดสิน มาร์ค ฮัลซี่ย์ ควักแจกใบแดง ให้กับ จอนโจ เชลวี่ย์ หลังมองว่า จอนโจ เชลวี่ย์ ไปเข้าบอลหนักใส่ จอนนี่ อีเเวนส์ ในจังหวะปั๊มบอลเข้าหากัน ลิเวอร์พูล เหลือ10คนตั้งแต่ครึ่งแรก


     นาทีที่42 ลิเวอร์พูล แม้จะตัวน้อยกว่า แต่มีโอกาสได้ลุ้นเมื่อได้ฟรีคิกระยะ30หลา ยิงโดย หลุยส์ ซัวเรซ บอลข้ามกำแพงมุดลงเกือบเสียบเสา แต่ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด พุ่งปัดได้ทัน


     ช่วงเวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ หมดคครึ่งแรก ลิเวอรพูล จึงยังเสมอ แมนฯยูฯ อยู่ 0-0 โดยที่ ลิเวอร์พูล เหลืออยู่ 10คน


     เริ่ม ครึ่งหลังมาทั้งสองทีมทำการแก้เกม เปลี่ยนตัวด้วยกันทั้งคู่ โดย แมนฯยูฯ ส่ง พอล สโคลส์ ลงมาแทน นานี่ ส่วน ลิเวอร์พูล เปลี่ยน ซูโซ่ ลงมาแทน ฟาบิโอ บอรินี่


     และ ในนาทีที่47 สาวกเดอะค็อป ในแอนฟิลด์ ได้เฮกันลั่น จากจังหวะบุกขึ้นมาของ ลิเวอร์พูล โดย ซูโซ่ บอลมาเข้าทาง เกล็น จอห์นสัน พาบอลผ่านแนวรับแมนฯยูฯ ก่อนปั๊มบอลกับ พอล สโคลส์ บอลลั่นมาเข้าทาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ยืนอยู่ตรงกลางกรอบเขตโทษ พักบอลลงด้วยอก ก่อนวอลเล่ย์เต็มข้อด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งเสียบมุมอย่างงดงาม ลิเวอร์พูล ขึนนำ แมนฯยูฯ 1-0


     อย่าง ไรก็ตาม นาทีที่51 เป็นฝ่ายทีมเยือน แมนฯยูฯ ได้เฮคืนบ้าง เมื่อ ราฟาเอล พาบอลลุยมาจากริมสนามฝั่งขวา ก่อนจ่ายให้ อันโตนิโอ วาเลนเซีย เปิดเข้ากลาง ชินจิ คางาวะ พักบอลด้วยอกคืนให้ ราฟาเอล ที่วิ่งเข้ามา แต่งบอลหนึ่งจังหวะ ก่อนบรรจงปั่นด้วยซ้าย บอลโค้งผ่านมือ โฆเซ่ เรน่า ชนเสาสองอย่างสวย เป็นประตูให้ แมนฯยูฯ ตามตีเสมอ 1-1


     นาที ที่58 แมนฯยูฯ รับใบเหลืองไปบ้าง จากจังหวะที่ พอล สโคลส์ ไปสอย ราฮีม สเตอร์ลิง ผู้ตัดสิน มาร์ค ฮัลซี่ย์ ควักแจกใบเหลืองใบแรกของเกม


     3นาทีต่อมา แม้ตัวจะน้อยกว่า แต่ลิเวอร์พูล ยังครองเกมบุกสู้ได้ดี และมีโอกาสได้จบสกอร์ จาก หลุยส์ ซัวเรซ กดยิงด้วยซ้ายตรงกรอบเขตโทษ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด ต้องพุ่งเซฟปลายมืออย่างหวุดหวิด


     นาทีที่65 ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้เสียวอีกครั้ง เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ ได้บอลตรงริมเส้นหลังประตู ก่อนไหลคืนให้ ซูโซ่ วิ่งมากดยิงมุมแคบเสาแรกด้วยซ้าย ทำให้ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด ต้องออกแรงปัดออกหลังอีกครั้ง


     นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ทำการเปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาแทน ราฮีม สเตอร์ลิง


     นาทีที่76 จากจังหวะ หลุดจากกลางสนามของ อันโตนิโอ วาเลนเซีย เลี้ยงเข้ากรอบเขตโทษของลิเวอร์พูล แม้ อันโตนิโอ วาเลนเซีย จะสองจิตสองใจ จะยิงก็ไม่ยิง สุดท้ายจึงถูก เกล็น จอห์นสัน เข้ามาเบียด ผู้ตัดสิน มาร์ค ฮัลซี่ย์ ชี้เป็นลูกจุดโทษให้ แมนฯยูฯ โดยเป็นจุดโทษสี่นัดติดของทีมเยือนในซีซั่นนี้เข้าไปแล้ว


     ขณะ ที่ โฆเซ่ เรน่า รับใบเหลืองไปอีกคน โทษฐานประท้วงผู้ตัดสิน นอกจากนี้ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ที่ชนกับ เจอร์ราร์ด ในจังหวะ วาเลนเซีย กระชาก ต้องเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องเปลี่ยน เจมี่ คาร์ราเกอร์ ลงมาแทน


     นาที ที่80 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ รับหน้าที่สังหาร จุดโทษ ก่อนกดเต็มข้อด้วยซ้ายไปทางมุมขวา แม้ โฆเซ่ เรน่า จะพุ่งถูกทาง แต่ด้วยความแรงของบอล จึงปัดไม่ออก แมนฯยูฯ จึงแซงขึ้นนำ 2-1


     นาที ต่อมา แมนฯยูฯ เปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยส่ง ชิชาริโต้ ลงมาแทน ชินจิ คางาวะ ก่อน ลิเวอร์พูล มีโอกาสลุ้นจากลูกโหม่งของ มาร์ติน เคลลี่ แต่บอลไม่เข้ากรอบ


     นาทีที่84 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ รับใบเหลืองไปอีกคน หลังไปสไลด์เปิดปุ่มใส่ มาร์ติน เคลลี่ ผู้ตัดสิน มาร์ค ฮัลซี่ย์ ควักแจกอีกเหลือง


     4นาทีต่อมา แมนฯยูฯ เปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยส่ง แดนนี่ เวลเบ็ค ลงมาแทน ราฟาเอล ผู้ทำประตูตีเสมอ


     ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ หมดเวลา แมนฯยฯ จึงบุกเอาชนะ ลิเวอร์พูล ถึงถิ่นแอนฟิลด์ไป 2-1 เก็บสามคะแนน ส่วน ลิเวอร์พูล ไม่ชนะใครต่อไปเป็นนัดที่ห้าแล้ว

11นักเตะของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล (4-3-2-1) :โฆ เซ่ เรน่า,มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, เกล็น จอห์นสัน,จอนโจ เชลวี่ย์,สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ อัลเลน,หลุยส์ ซัวเรซ,ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟาบิโอ บอรินี่

สำรอง : แบร็ด โจนส์,เจมี่ คาร์ราเกอร์,โฆเซ่ เอ็นริเก้,นูริ ซาฮิน,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,อุสซาม่า อัสไซดี้,ซูโซ่

แมนฯ ยูไนเต็ด(4-2-3-1) : อันเดอร์ส ลินเดการ์ด,ราฟาเอล ดา ซิลวา,ริโอ เฟอร์ดินานด์,จอนนี่ อีเเวนส์,ปาทริซ เอวร่า,ไรอัน กิ๊กส์,ไมเคิ่ล แคร์ริค,อันโตนิโอ วาเลนเซีย,ชินจิ คางาวะ,นานี่,โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

สำรอง : ดาบิด เด เคอา,อันเเดร์สัน,ฮาเวียร์ เฮอร์นาเดซ,ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์,แดนนี่ เวลเบ็ค,พอล สโคลส์,อเล็กซานเดอร์ บุทท์เนอร์

ผู้ตัดสิน : มาร์ค ฮัลซี่ย์